More Related Content
More from SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
More from SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL (20)
ศาสตราจารย์ปรีดี พนมยงค์
- 3. ชีวิตในวัยเยำว์
ปรีดี พนมยงค์ เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2443 ณ เรือนแพหน้าวัดพนมยงค์ตาบล
ท่าวาสุกรี อาเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ครั้งเยาว์วัยเป็นเด็กหัวดี ช่างคิด ช่างสังเกตวิเคราะห์ และเริ่มมีความสนใจทางการเมืองมา
ตั้งแต่อายุเพียง 11 ปี จากเหตุการณ์ปฏิวัติในประเทศจีนที่นาโดย ซุน ยัตเซ็น และเหตุการณ์กบฏ
ร.ศ. 130 ในสยาม ซึ่งปรีดีได้แสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างมากต่อผู้ที่ถูกลงโทษ
- 5. ต่อมาได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงยุติธรรมให้ทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส ในปี
พ.ศ. 2463 โดยเข้าศึกษาวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยกอง (Université de Caen) จนสอบไล่ได้
ปริญญารัฐเป็น "บาเชอลิเอร์" กฎหมาย (Bachelier en Droit) และได้ปริญญารัฐเป็น "ลิซองซิเอ"
กฎหมาย (Licencié en Droit) สาเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขานิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย
ปารีส ในปี พ.ศ. 2469 ด้วยคะแนนเกียรตินิยมดีมาก (Trés Bien) นับเป็นคนไทยคนแรกที่ได้
ปริญญาเอกแห่งรัฐ (Doctorat d'État) เป็น "ดุษฎีบัณฑิตกฎหมาย" (Docteur en Droit) ฝ่าย
นิติศาสตร์ (Sciences Juridiques) นอกจากนี้เขายังสอบไล่ได้ประกาศนียบัตรการศึกษาชั้นสูงใน
สาขาเศรษฐศาสตร์การเมือง (Diplôme d'Etudes Supérieures d'Economie Politique) อีกด้วย
- 6. กำรสมรสและครอบครัว
ปรีดีสมรสกับ พูนศุข ณ ป้อมเพชร์ ธิดา มหาอามาตย์ตรี พระยาชัยวิชิตวิศิษฎ์ธรรมธาดา (ขา ณ
ป้อมเพชร) กับ คุณหญิงเพ็ง ชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมธาดา (สุวรรณศร) เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.
2471 มีบุตร-ธิดาด้วยกันทั้งหมด 6 คน
นางสาวลลิตา พนมยงค์
นายปาล พนมยงค์
นางสาวสุดา พนมยงค์
นายศุขปรีดา พนมยงค์
นางดุษฎี พนมยงค์
นางวาณี พนมยงค์
- 7. หน้ำที่กำรงำนก่อนเข้ำสู่กำรเมือง
ในปี พ.ศ. 2470 ปรีดีเริ่มทางานในตาแหน่งผู้พิพากษาประจากระทรวงยุติธรรม ต่อมาได้
เลื่อนตาแหน่งเป็นผู้ช่วยเลขานุการกรมร่างกฎหมาย (ปัจจุบันคือสานักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกา) และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "หลวงประดิษฐ์มนูธรรม"เมื่อ พ.ศ. 2471 ขณะ
มีอายุ 28 ปี ต่อมาใน พ.ศ. 2475 ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการกรมร่างกฎหมายนี้ ปรีดีได้รวบรวม
กฎหมายไทยตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันซึ่งอยู่ในสภาพกระจัดกระจายให้มารวมเป็นเล่มเดียว ใช้ชื่อ
ว่า “ประชุมกฎหมายไทย” และได้รับการตีพิมพ์ใน พ.ศ. 2473
- 8. นอกจากงานที่กรมร่างกฎหมายแล้ว ปรีดียังเป็นอาจารย์ผู้สอนที่โรงเรียนกฎหมาย
กระทรวงยุติธรรม ในชั้นแรกได้สอนวิชากฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 3 ว่าด้วยลักษณะ
หุ้นส่วน บริษัทและสมาคม ต่อมาได้สอนวิชากฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล ลูกศิษย์
ของเขาในช่วงดังกล่าวนี้ได้แก่ สัญญา ธรรมศักดิ์ จิตติ ติงศภัทิย์ดิเรก ชัยนาม เสริม วินิจฉัยกุล
เสวต เปี่ยมพงศ์สานต์ ไพโรจน์ ชัยนาม จินดา ชัยรัตน์ โชติ สุวรรณโพธิ์ศรี และศิริ สันตะบุตร
ในปี พ.ศ. 2474 ปรีดีเป็นคนแรกที่เริ่มสอนวิชากฎหมายปกครอง (Droit Administratif)
กล่าวกันว่าวิชากฎหมายปกครองนี้ เป็นวิชาที่สร้างชื่อเสียงแก่ปรีดีเป็นอย่างมาก วันที่ 24 มิถุนายน
พ.ศ. 2475 ปรีดีร่วมกับสมาชิกคณะราษฎรที่ประกอบด้วยกลุ่มทหารบก ทหารเรือ และพลเรือน
ทาการยึดอานาจการปกครองประเทศจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเปลี่ยนแปลง
การปกครองได้สาเร็จโดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ หลังจากนั้นคณะราษฎรโดยปรีดี พนมยงค์ได้จัด
ให้มีการประชุมระหว่างคณะราษฎร และเสนาบดี ปลัดทูลฉลอง ขึ้น ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม
เพื่อชี้แจงจุดประสงค์หลักการระบอบใหม่ กฎหมายพระธรรมนูญการปกครองแผ่นดินโดยย่อ
และขอความร่วมมือในการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป
- 12. ด้ำนกำรคลัง
เมื่อปรีดีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (พ.ศ. 2481- พ.ศ. 2484) ได้ตั้งปณิธานที่จะ
ใช้เครื่องมือทางการคลังสร้างความมั่นคงให้แก่ชาติโดยแถลงต่อรัฐสภาว่าจะปรับปรุงระบบการ
เก็บภาษีให้เป็นธรรมแก่สังคม และได้บรรลุภารกิจในด้านการจัดเก็บภาษีอากรที่สาคัญ ดังนี้
ช่วยเหลือราษฎรที่ต้องแบกรับภาษีที่ไม่เป็นธรรม ด้วยการยกเลิกเงินภาษีรัชชูปการ และอากรค่า
นา (เงินส่วย) ซึ่งชาวนาต้องเสียแก่เจ้าศักดินา เป็นต้น
จัดระบบเก็บภาษีอากรที่เป็นธรรมในระบอบประชาธิปไตยโดนสถาปนา "ประมวล
รัษฎากร" เป็นแบบฉบับครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งรวมบทบัญญัติเกี่ยวกับภาษีอากรทางตรง
ออก พรบ.ภาษีเงินได้ซึ่งเป็นภาษีก้าวหน้า กล่าวคือผู้ใดมีรายได้มากก็เสียภาษีมากหากมีรายได้
น้อยก็เสียภาษีน้อย และผู้ใดบริโภคเครื่องบริโภคที่ไม่จาเป็นแก่การดารงชีพก็ต้องเสียภาษีอากร
มากตามลาดับ
- 14. ประกำศสันติภำพ
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ปรีดี พนมยงค์ในฐานะผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ได้
ออกประกาศสันติภาพในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ต่อมา
รัฐบาลได้ประกาศให้วันที่ 16 สิงหาคม ของทุกปีเป็น "วันสันติภาพไทย" เมื่อบ้านเมืองสงบ
เรียบร้อยดีแล้วปรีดี พนมยงค์ จึงขออัญเชิญสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จนิวัติประเทศ
ไทยเพื่อทรงบริหารราชการแผ่นดินด้วยพระองค์เองต่อไป โดยได้เสด็จกลับถึงพระนครวันที่ 5
ธันวาคม พ.ศ. 2488
- 17. ลี้ภัยรัฐประหำร
ในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 คณะรัฐประหาร ได้ทาการยึดอานาจการปกครอง
ประเทศ จากรัฐบาลหลวงธารงนาวาสวัสดิ์ ด้วยสาเหตุที่รัฐบาลไม่สามารถคลี่คลายคดีสวรรคต
ลงได้ประกอบกับการลดบทบาทของกองทัพ และปัญหาทางเศรษฐกิจต่อมา ในปี พ.ศ. 2492
ปรีดี พนมยงค์ กลับมาประเทศไทยเพื่อทาการยึดอานาจคืนจากรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม
ในเหตุการณ์ "ขบวนการประชาธิปไตย 26 กุมภาพันธ์"