More Related Content
Similar to ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม
Similar to ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม (20)
More from Naracha Nong (6)
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม
- 1. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม (Cognitivism) เน้นกระบวนการ
ทางปัญญาหรือความคิด ซึ่งเป็นกระบวนการภายในของสมอง นักคิด
กลุ่มนี้มีความเชื่อว่าการเรียนรู้ของมนุษย์ไม่ใช่เรื่องของพฤติกรรมที่เกิด
จากกระบวนการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเพียงเท่านั้น การเรียนรู้ของมนุษย์
มีความซับซ้อนยิ่งไปกว่านั้น การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดที่
เกิดจากการสะสมข้อมูล การสร้างความหมายและความสัมพันธ์ของ
ข้อมูลและการดึงข้อมูลออกมาใช้ในการกระทาและการแก้ปัญหา
ต่างๆ ในการเรียนรู้ผู้เรียนจะต้องเป็นผู้กระทา (active) และสร้างความรู้
ซึ่งจิตวิทยาConstructivists มีความเห็นในเรื่องการเรียนรู้หรือการสร้าง
ความรู้แบ่งออกเป็น ๒ ทฤษฎี คือ
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม
- 2. ในการเรียนรู้ผู้เรียนจะต้องเป็นผู้กระทา (active) และสร้างความรู้
ซึ่งจิตวิทยาConstructivists มีความเห็นในเรื่องการเรียนรู้หรือการสร้าง
ความรู้แบ่งออกเป็น ๒ ทฤษฎี คือ
Cognitive Constructivism หมายถึงทฤษฎีการเรียนรู้พุทธิปัญญา
นิยมที่มีรากฐานมาจากทฤษฎีพัฒนาการของพีอา เจต์ทฤษฎีนี้ถือว่า
ผู้เขียนเป็นผู้กระทา (active) และ เป็นผู้สร้างความรู้ขึ้นในใจเอง
ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมมีบทบาทในการก่อให้เกิดความไม่สมดุลทาง
พุทธิปัญญาขึ้น เป็นเหตุให้ผู้เรียนปรับความเข้าใจเดิมที่มีอยู่ให้เข้า
กับข้อมูลข่าวสาร ใหม่จนกระทั่งเกิดความสมดุลทางพุทธิปัญญา
หรือเกิดความรู้ใหม่ขึ้น
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม(ต่อ)
- 3. Social Constructivism เป็นทฤษฎีที่มีพื้นฐานมาจากทฤษฎี
พัฒนาการของวิก็อทสกี้ ซึ่งถือว่าผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยการมี
ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับผู้อื่น (ผู้ใหญ่หรือเพื่อน) ในขณะที่ผู้เรียนมี
ส่วนร่วมในกิจกรรมหรืองานในสภาวะสังคม (Social Context) ซึ่ง
เป็นตัวแปรที่สาคัญและขาดไม่ได้ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมทาให้
ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยการเปลี่ยนแปรความเข้าใจ เดิมให้ถูกต้อง
หรือซับซ้อนกว้างขวางขึ้น
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม(ต่อ)
- 4. การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสติปัญญาของมนุษย์ในการที่จะสร้าง
ความรู้ความเข้าใจให้แก่ตนเอง ทฤษฏีในกลุ่มนี้ที่สาคัญๆ มี ๕ ทฤษฏี คือ
ทฤษฎีเกสตัลท์(Gestalt Theory) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้
คือ การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดซึ่งเป็นกระบวนการภายในตัว
มนุษย์ บุคคลจะเรียนรู้จากสิ่งเร้าที่เป็นส่วนรวมได้ดีกว่า
ทฤษฎีสนาม (Field Theory) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้
คือ การเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีแรงจูงใจหรือ แรงขับที่จะกระทาให้ไปสู่
จุดหมายปลายทางที่ตน ดึงดูดความสนใจและสนองความต้องการของผู้เรียน
เป็นสิ่งจาเป็นในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม(ต่อ)
- 5. ทฤษฎีเครื่องหมาย (Sign Theory) ของทอลแมน
( Tolman) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้คือ การเรียนรู้เกิด
จากการใช้เครื่องหมายเป็นตัวชี้ทางให้แสดงพฤติกรรมไปสู่จุดหมาย
ปลายทาง เน้นการสร้างแรงขับและหรือแรงจูงใจให้ผู้เรียนบรรลุ
จุดมุ่งหมายใดๆ โดยใช้เครื่องหมาย สัญลักษณ์หรือสิ่งอื่นๆ ที่เป็น
เครื่องชี้ทางควบคู่ไปด้วย
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม(ต่อ)
- 6. ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา(Intellectual Development Theory) นัก
คิดคนสาคัญของทฤษฏีนี้มีอยู่ ๒ ท่าน ได้แก่ เพียเจต์(Piaget) และบรุน
เนอร์(Bruner) แนว ความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้เน้นเรื่อง
พัฒนาการทางสติปัญญญาของ บุคคลที่เป็นไปตามวัยและเชื่อว่ามนุษย์
เลือกที่จะรับรู้สิ่งที่ตนเองสนใจและ การเรียนรู้เกิดจากระบวนการการ
ค้นพบด้วยตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏี
นี้ คือ คานึงถึงพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้เรียนและจัดประสบการณ์
ให้ผู้เรียนอย่างเหมาะสมกับพัฒนาการ
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม(ต่อ)
- 7. ทฤษฏีการเรียนรู้อย่างมีความหมาย(A Theory of Meaningful Verbal
Learning) ของออซูเบล(Ausubel) เชื่อว่า การเรียนรู้จะมีความหมายแก่
ผู้เรียน หากการเรียนรู้นั้นสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่รู้มา
ก่อน หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ มีการนาเสนอ
ความคิดรวบยอดหรือกรอบมโนทัศน์ หรือกรอบแนวคิดในเรื่องใดเรื่อง
หนึ่งแก่ผู้เรียนก่อนการสอนเนื้อหาสาระนั้นๆ
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม(ต่อ)
- 10. • ในห้องเรียนครูจะเป็นตัวแบบที่มีอิทธิพลมากที่สุด ครูควรคานึงอยู่เสมอ
ว่า การเรียนรู้โดยการสังเกตและเลียนแบบจะเกิดขึ้นได้เสมอ แม้ว่าครูจะ
ไม่ได้ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ก็ตาม
• การสอนแบบสาธิตปฏิบัติเป็นการสอนโดยใช้หลักการและขั้นตอนของ
ทฤษฎีปัญญาสังคมทั้งสิ้น ครูต้องแสดงตัวอย่างพฤติกรรมที่ถูกต้องที่สุด
เท่านั้น จึงจะมีประสิทธิภาพในการแสดงพฤติกรรมเลียนแบบ ความ
ผิดพลาดของครูแม้ไม่ตั้งใจ ไม่ว่าครูจะพร่าบอกผู้เรียนว่าไม่ต้องสนใจ
จดจา แต่ก็ผ่านการสังเกตและการรับรู้ของผู้เรียนไปแล้ว
การนาทฤษฎีมาประยุกต์ในการเรียนการสอน