More Related Content
Similar to การสร้างความสนใจในการเรียนรู้
Similar to การสร้างความสนใจในการเรียนรู้ (20)
การสร้างความสนใจในการเรียนรู้
- 3. 2. ครูต้องรู้ความเป็นมาของผู้เรียน (Know your students)
การทาความรู้จักกับนักศึกษาในห้องที่ง่ายและสะดวกที่สุดก็คือ
เมื่อเริ่มต้นภาคเรียน ให้ใช้แบบสอบถามข้อมูลโดยให้นักศึกษาเขียนสิ่งที่
ผู้สอนต้องการจะรู้ในเอกสารนั้น ตัวอย่างเช่น
- ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ตามอีเมล์ (e-mail
address)
- รายวิชาในกลุ่มนาฏศิลป์ที่เคยเรียนแล้ว รายวิชาที่กาลังเรียน
ในภาคเรียนนี้ และรายวิชาที่นักศึกษาคิดว่าจะเลือกเรียนในภาคเรียน
ต่อไป
- 5. 3. ครูต้องรู้ว่าผู้เรียนสนใจในสิ่งใด (Know what your students’ care
about)
การที่ผู้สอนสามารถรู้ได้ว่า นักเรียนมีความชอบหรือให้ความ
สนใจต่อรายวิชาต่าง ๆ ในแง่มุมใด? และด้วยเหตุผลใด? เป็นสิ่งที่ท้า
ทายการสอนอย่างหนึ่ง เนื่องจากผู้เรียนมีความคิด ความคาดหวัง
อารมณ์ และความรู้สึกที่แตกต่างกันไปตามประสบการณ์ในอดีตของแต่
ละคน ดังนั้น ในสัปดาห์แรกที่เข้าสอน ผู้สอนอาจบอกให้นักเรียน
เขียนสิ่งที่ตนให้ความสนใจเกี่ยวกับรายวิชาที่กาลังเรียนพร้อมกับบอก
เหตุผลประกอบ
- 6. 4. ครูควรรู้จักชื่อและประสบการณ์ของนักเรียนทุกคน (Know your
students by name and their experiences)
ผู้สอนที่จาชื่อของนักเรียนได้จะช่วยให้นักเรียนรู้สึกว่าตนมี
ความสาคัญและได้รับการยอมรับ ดังนั้น ในชั่วโมงแรกที่เข้าสอน ผู้สอน
สามารถทาความรู้จักกับชื่อของนักเรียน โดยให้นักเรียนแนะนาตนเอง
และศึกษาประสบการณ์ของนักเรียนจากแบบสอบถามตามที่กล่าวไปแล้ว
ในข้อ ๒ อย่างไรก็ตาม การจดจาชื่อของนักเรียนให้ได้ครบทุกคนอาจ
เป็นเรื่องยากสาหรับผู้สอนที่ต้องสอนนักเรียนจานวนมากและมีหลายกลุ่ม
ดังนั้น จึงควรหมั่นเรียกชื่อของนักเรียนบ่อย ๆ และทุกครั้งที่มีโอกาส เช่น
เวลาให้ตอบคาถามหรือให้ทากิจกรรมในชั้นเรียน หรือเวลาตรวจงานก็ควร
เหลือบตาดูชื่อของนักเรียนด้วย
- 7. ๕. ครูควรแสดงให้นักเรียนเห็นว่าครูมีความใส่ใจกับความสาเร็จของ
พวกเขา (Show students you care about their success)
การแสดงความใส่ใจต่อความสาเร็จของนักเรียนสามารถทาได้
หลายวิธี ตัวอย่างเช่น
- บอกให้นักเรียนรู้ว่า ครูต้องการให้พวกเขาบรรลุผลสาเร็จใน
การเรียนที่น่าพอใจและต้องการให้นาความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพ
และการดาเนินชีวิต
- บอกให้นักเรียนรู้ว่า ครูจะอยู่กับพวกเขาตลอดเวลาในฐานะผู้
อานวยความสะดวก (Facilitator) และจะสนับสนุนให้นักเรียนได้
ติดต่อกับโรงเรียนบ้างเป็นครั้งคราว
- 8. - บอกให้นักเรียนรู้ว่า การขโมยหรือการคัดลอกงานของคนอื่นเป็นสิ่ง
ที่ผิด และจะมีผลกระทบต่อความสาเร็จในการเรียนด้วย
- หมั่นเตือนนักเรียนให้ตระหนักถึงเป้าหมายของการศึกษา
(Educational goal) ให้รู้จักยุทธวิธีต่าง ๆ ในการประเมินผล (Evaluation
strategies) ให้เข้าใจผลลัพธ์ของการเรียนรู้ (Learning outcomes) รวมทั้ง
วิธีการประเมินผลเป็นรายวิชา (Assessment of a course)
- กระตุ้นให้นักเรียนรู้จักตั้งคาถามเพื่อจะได้เข้าใจรายวิชาต่าง ๆ ได้
ลึกซึ้งมากขึ้น
- 9. ๖. ครูควรเตือนนักเรียนให้ตระหนักถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Remind
students of life- long learning)
การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นทักษะที่จาเป็นอย่างยิ่งต่อการทางาน
ในศตวรรษที่ ๒๑ การเรียนรู้ตลอดชีวิต หมายถึง การประยุกต์ความรู้
ความเข้าใจ และทักษะต่าง ๆ ที่นักเรียนได้รับจากประสบการณ์การ
เรียนรู้ในชั้นเรียน ไปใช้กับการทางานและการดารงชีวิตให้มากที่สุด
เท่าที่จะมากได้ ตัวอย่างเช่น ความสามารถเกี่ยวกับ การคิดริเริ่ม การ
ปรับตัว การใช้เทคโนโลยี การบริหารเวลา ฯลฯ
- 10. 7. ครูต้องเป็นนักเล่านิทาน (Be a storyteller)
นิทาน หมายถึง เรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาหรือมีผู้แต่ง ขึ้น
เพื่อต้องการสอนคนในการดารงชีวิต และเพื่อความสนุกสนาน
เพลิดเพลิน
ผู้สอนที่เป็นนักเล่านิทานจะสามารถนาเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงใน
การทางานและการดารงชีวิตมาเล่าให้นักศึกษาฟังเพื่อเป็นประสบการณ์
ได้อย่างดี เรื่องราวบางอย่างอาจนามาจากหนังสือวรรณคดีก็ได้
อย่างเช่น พระอภัยมณี สามก๊ก เป็นต้น
- 12. ๓. ให้ทาโครงงาน (Project) การสอนแบบโครงงานเป็นการ
เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งตามความสนใจของตน
อย่างลุ่มลึก โดยผ่านกระบวนการหลักคือ กระบวนการแก้ปัญหา
ผู้เรียนจะต้องลงมือปฏิบัติเพื่อค้นหาคาตอบด้วยตนเอง ทาให้ผู้เรียนมี
ประสบการณ์ตรงจากแหล่งเรียนรู้ ส่วนใหญ่ผู้สอนจะกาหนดให้ทา
โครงงานในช่วงปลายภาคเรียน โดยให้นักเรียนรวมกลุ่มกันทางาน
- 13. 9. ครูควรส่งเสริมให้นักเรียนตั้งคาถามและมีส่วนร่วมในการเรียนรู้
(Encourage students to ask questions and participate) ตัวอย่างเช่น
๑. สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกสนาน เป็นกันเอง และ
น่าสนใจ
๒. กระตุ้นนักเรียนให้ตั้งคาถาม และให้มีส่วนร่วมในการ
ติดต่อสื่อสารอย่างเปิดเผยกับผู้สอนและเพื่อนร่วมห้อง
๓. บอกนักเรียนให้ทราบถึงผลการวิจัยว่า การมีส่วนร่วมใน
การทากิจกรรมในชั้นเรียนมีความสัมพันธ์อย่างสูงกับความสาเร็จในการ
เรียนรู้
- 14. ๔. เตือนนักเรียนให้ระลึกไว้ว่า การวิจารณ์และการให้ผล
ย้อนกลับทางลบ (Negative feedback) อย่างสร้างสรรค์ จะช่วยสร้าง
ความมั่นใจและสร้างอุปนิสัยที่ดี
๕. บอกนักเรียนให้รู้ว่า การทาสิ่งต่าง ๆ ในชั้นเรียนผิดพลาด
ยังดีเสียกว่าการทาสิ่งผิดพลาดในโลกของความเป็นจริง
๖. เตือนนักเรียนให้รู้ว่า การวิจารณ์และการให้ผลย้อนกลับทาง
ลบสามารถนามาใช้เพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ของการเรียนรู้ให้ดีขึ้นได้
- 15. ๑๐. ครูควรยอมรับข้อคิดเห็นและคาวิจารณ์ของนักเรียน (Respect
students' opinions and comments)
เด็ก ๆ ต้องการผู้ใหญ่ที่เป็นบุคคลตัวอย่าง และต้องการให้
ผู้ใหญ่แสดงความสนใจและเห็นคุณค่าในความคิดของพวกเขา หาก
ผู้สอนต้องการสนับสนุนให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและมีประสบการณ์ในการ
เรียนรู้ ก็ควรยอมรับข้อคิดเห็นและคาวิจารณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ
เรียนการสอน ถ้าผู้เรียนคนใดเสนอข้อคิดเห็นที่ผู้สอนคิดว่ายังไม่
ถูกต้อง ก็ควรจะตั้งคาถามใหม่ เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสคิดทบทวน
คาตอบอีกครั้ง
- 16. 11. ครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดี (Be a role model)
ผู้สอนทุกคนย่อมคาดหวังที่จะเห็นผู้เรียนเป็นทั้งคนดีและคน
เก่ง ในทานองเดียวกัน ผู้เรียนทุกคนก็คาดหวังที่จะเห็นความเชี่ยวชาญ
และการแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมของผู้สอน ผู้สอนจึงต้องเป็นตัว
แบบที่ดีของผู้เรียนในด้านมาตรฐานของความรู้ และความประพฤติที่
ควรแก่การนามาเป็นแบบอย่างได้ ตัวอย่างเช่น
- ด้านความรู้ ผู้สอนต้องรู้จักค้นคว้าหาความรู้ใหม่ ๆ หรือนา
ผลจากการวิจัยมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน
- ด้านคุณลักษณะ ต้องเป็นคนตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบ
มีการวางแผนการสอน และเตรียมกิจกรรมต่าง ๆ ล่วงหน้า
- ถ้าผู้สอนแสดงให้ผู้เรียนเห็นถึงลักษณะต่าง ๆ ดังที่กล่าวมานี้
ผู้เรียนก็จะมีลักษณะเช่นเดียวกันเมื่อสาเร็จการศึกษาไปแล้ว
- 17. 12. ครูต้องประเมินผลการเรียนรู้แบบลึก (Assess on deep learning)
การประเมินผลการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียน
การสอน เป็นส่วนที่ช่วยให้ผู้สอนรู้ว่า ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนอยู่
ในระดับตื้น ๆ คือ เพียงแค่จาได้ ที่เรียกว่า รู้แบบผิวเผิน (Surface
learning) หรือมีผลลัพธ์การเรียนรู้ในระดับสูงสุด คือ รู้แบบลึกซึ้ง
(Deep learning) ถึงขั้นที่สามารถนาไปใช้ในการดารงชีวิตและการ
ประกอบอาชีพให้ประสบความสาเร็จได้
- 18. การเรียนรู้แบบลึกจะเกิดขึ้นเมื่อ
- นักเรียนสามารถทาความเข้าใจกับเนื้อหาสาระใน
รายวิชาต่าง ๆ ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
- นักเรียนเกิดแรงจูงใจภายในที่จะเรียนรู้เนื้อหาสาระใน
รายวิชานั้น ๆ ในระดับที่สูงขึ้น
- นักเรียนสามารถมองเห็นเนื้อหาสาระของรายวิชาใน
ภาพรวมได้
- นักเรียนสามารถมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างรายวิชา
ที่เรียนกับรายวิชาอื่น ๆ รวมทั้งความสัมพันธ์กับเรื่องราวต่าง ๆ ที่
เกี่ยวข้องกับการดารงชีวิต ตลอดจนอธิบายถึงเหตุผลของ
ความสัมพันธ์หรือความเกี่ยวข้องนั้นได้