More Related Content
Similar to 2.1อาหารสำหรับวัยทารก
Similar to 2.1อาหารสำหรับวัยทารก (20)
More from Nickson Butsriwong
More from Nickson Butsriwong (6)
2.1อาหารสำหรับวัยทารก
- 1. อาหารที่เหมาะสำหรับ
วัยทารก
1 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
อาหารสำหรับวัยทารก
❖ ความหมายของวัยทารก
❖ พัฒนาการในวัยทารก
❖ ความต้องการพลังงานและสารอาหาร
❖ การจัดอาหารเสริมสำหรับทารก
2 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่นฃ
วัยทารกคือ
❖ วัยทารก จะมีช่วงเวลาตั้งแต่แรกเกิด -1 ปี
❖ วัยทารกเป็นวัยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ต้องอาศัยการช่วยเหลือจากบุคคลอื่น
โดยเฉพาะแม่
❖ มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีการ
เปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างชัดเจน
ที่สำคัญคือการพัฒนาโครงสร้างทาง
กล้ามเนื้อ
3 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
พัฒนาการ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับตัวมนุษย์ทั้งในด้าน
ร่างกาย อารมณ์ สติปัญญาและสังคม อย่างเป็น
ลำดับขั้น แตกต่างกันออกไปในแต่ละช่วงอายุ
เมื่อร่างกายมีการเจริญเติบโตตามสัดส่วนที่ควร
จะเป็น กระบวนการต่างๆ โครงสร้างทางร่างกาย
จะทำให้มีความสามารถที่จะกระทำได้ โดย
สามารถแสดงออกระบบต่างๆของร่างกาย โดย
มีวุฒิภาวะเป็นตัวควบคุม โดยไม่ต้องเร่ง เมื่อ
ร่างกายมีพัฒนาการถึงความสามารถทางด้าน
ต่างๆ ก็จะเป็นได้เอง
4 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
1
2
3
4
- 2. พัฒนาการทารก
ร่างกาย จิตใจอารมณ์ สติปัญหา สังคม
การทรงตัว แสดงความรู้สึก การเรียนรู้ การคิด สร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น
การเคลื่อนไหว
ควบคุมการแสดงออกทาง
อารมณ์อย่างเหมาะสม
การรู้เหตุ รู้ผล
ทักการปรับตัวในสังคม
เหมาะกับกาละเทศะ
การสัมผัส รับรู้ สามารถแก้ไขปัญหา
ใช้ตาและมือประสานกันทำ
เพื่อทำกิจกรรรมต่างๆ
การปรับตัว
การพัฒนาด้านภาษา
5 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
การเจริญเติบโตของเด็กทารก
❖ น้ำหนักส่วนสูง
❖ น้ำหนักทารกจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 5เดือน จะมีน้ำ
หนักเป็น 2เท่าของน้ำหนักแรกเกิด จนครบ 1ปี
จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 3 เท่าของน้ำหนักแรกเกิด
❖ ส่วนสูงจะสูงขึ้นเรื่อยๆจนครบ 1ปี จะมีส่วนสูง
เพิ่มขึ้น 1.5 เท่าของความสูงแรกเกิด
แรกเกิดรอบศีรษะยาวประมาณ 35 ซม.
อายุครบ 1 ปี มีฟันประมาณ 12 ซี่
ส่วนสูงประมาณ 50 เซนติเมตร
น้ำหนักประมาณ 3,000 กรัม
6 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
การเจริญเติบโตของเด็กทารก
❖ สมอง
❖ ร้อยละ 80 ของจำนวนเซลล์สมองของคนเรา
จะถูกสร้างขึ้นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของ
การตั้งครรภ์และเจริญเติบโตสูงสุดในช่วง
2 ปีแรก
❖ เด็กแรกเกิด สมองหนักประมาณ 1 ปอนด์
และโตเต็มที่ 3 ปอนด์ ที่อายุ 18-20 ปี
จำนวนเซลล์สมองเด็กแรกเกิดมีประมาณ
แสนล้านเซลล์ไม่มีการสร้างเพิ่ม
1 ปอนด์ เท่ากับ 0.4536 กิโลกรัม
7 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
ความต้องการพลังงานและสารอาหาร
•เจริญเติบโตตามเกณฑ์
•ลดอุบัติการณ์ทุพโภชนาการ
(malnutrition)
•ลดการติดเชื้อ
8
อาหารตามวัยเริ่มตั้งแต่ 6 เดือน ควบคู่กับนม
แม่อย่างต่อเนื่องจนกระทั่ง 2 ปี หรือมากกว่า
ข้อกำหนดของ WHO พ.ศ. 2544 -2546
ทารกควรได้รับนมแม่อย่างเดียวนาน 6 เดือน
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
5
6
7
8
- 3. ปริมาณพลังงานและสารอาหาร
❖ ปริมาณพลังงานจากอาหารของเด็กอายุ 0-5 เดือน คือต้องได้รับจากนมแม่เพียงอย่างเดียว
❖ ปริมาณพลังงานจากอาหารของเด็กอายุ 6-12 เดือน ต้องได้รับจากนมแม่และอาหารอื่นๆวัน
ละ 800 kcal
9
อายุ พลังงานเฉลี่ย โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรท
0-6 เดือน 108 kcal/kg 2.2 g/kg - -
6-12 เดือน 99 kcal/kg 1.6 g/kg 40% 45-65%
Thai Recommended Dietary Allowance (RDA)
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นสำหรับการพัฒนาสมอง
สมรรถภาพและพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็ก
การขาดธาตุเหล็ก มีผลเสีย คือในทารกและเด็ก ทำให้มีการ
พัฒนาทางสังคมและจิตใจล่าช้า ขาดสมาธิในการเรียนรู้
ในทุกกลุ่มอายุลดภูมิต้านทานโรค ทำให้เป็นโรคติดเชื้อ
ระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร
สารอาหารรอง : เหล็ก
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
มีความสำคัญในการพัฒนาการของสมองของ
ทารก ถ้าแม่ขาดไอโอดีนขณะตั้งครรภ์ จะทำให้
ทารกมีความผิดปกติของสมองและระบบประสาท
หูหนวก เป็นใบ้ที่เรียกว่า “เอ๋อ”
หญิงมีครรภ์ หากขาดสารไอโอดีน จะมีโอกาส
แท้งบุตร หรือเสียชีวิตระหว่างคลอด
สารอาหารรอง : ไอโอดีน
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
เป็นแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของ
กระดูกและฟันของทารก และจะมีการเจริญ
เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 4-8 เดือนแรก
สารอาหารรอง : แคลเซียม
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
9
10
11
12
- 4. •วิตามินบี 9 มีบทบาทในกระบวนการ
เผาผลาญอาหาร จำเป็นมากสำหรับหญิง
ตั้งครรภ์และทารก ช่วยป้องกันการผิดปกติ
ของประสาทบริเวณสมอง และกระดูกไขสันหลัง
•ภาวะขาดจะทำให้ดูกสันหลังโหว่ทำให้ทารก
พิการทางสมองและตายได้
สารอาหารรอง : โฟเลท
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
ส่วนประกอบของนมมารดา
❖ น้ำนมแม่แบ่งเป็น 3 ระยะ
❖ หัวน้ำนม (Colostrums) 2-3วันแรก
❖ นมระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional milk)
วันที่ 4-14
❖ นมปกติหรือนมแท้ (Mature milk)
❖ นมส่วนหน้า (Foremilk)
❖ นมส่วนหลัง (Hind milk)
14 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
หัวน้ำนม (Colostrums)
❖ประกอบด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุต่างๆ อิมมิวโนกลอบ-
บูลิน สารปกป้องทารกจากการติดเชื้อ และสารต้านอนุมูล
อิสระ
❖วันแรกหัวน้ำนมสร้างในปริมาณน้อย ประมาณ 2-20
มิลลิลิตรในแต่ละมื้อ
❖หากให้ลูกดูดนมบ่อยจะทำให้การเปลี่ยนจากหัวน้ำนม
เป็นนมปกติได้เร็ว
❖ช่วยในการเจริญเติบโตของ lactobacillus bifidus ในทาง
เดินอาหาร
❖ช่วยในการขับถ่ายขี้เทา ป้องกันการเกิดภาวะตัวเหลือง
15 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
นมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional milk)
❖ มีส่วนประกอบอยู่ระหว่างหัวน้ำนมกับนมปกติ
❖ องค์ประกอบของน้ำนมค่อยๆ เปลี่ยนไป
❖ อิมมิวโนกลอบบูลิน โปรตีน และวิตามินที่
ละลายในไขมันค่อยๆ ลดลง
❖แลคโตส ไขมัน พลังงานรวม และวิตามินที่
ละลายในน้ำนมเพิ่มขึ้น
16 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
13
14
15
16
- 5. นมปกติหรือนมแท้ (Mature milk)
❖ มีสีขาว ประกอบด้วยสารอาหารเหมือนหัวน้ำนม แต่จะ
มีไขมัน และแลคโตส และสารอาหารจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น
❖ แบ่งเป็นน้ำนมส่วนหน้า (foremilk) และน้ำนมส่วน
หลัง (hind milk)
❖ น้ำนมที่ออกในระยะแรกเรียก นมส่วนหน้า
(foremilk) มีลักษณะใส ประกอบด้วยแลคโตส
และโปรตีนสูง
❖นมส่วนหลัง (hind milk) มีไขมันมากกว่านมส่วน
หน้าจึงมีลักษณะข้นกว่า
หน้า
17 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
โปรตีน : นมมารดา
❖เวย์ มีลักษณะใส ย่อยง่าย มี แอลฟ่าแลคตัลบูมิน แลคโต
เฟอรินเป็นองค์ประกอบหลัก เป็นแหล่งขอ กรดอมิโน
จำเป็นโดยเฉพาะทริปโตแฟน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการนอนหลับ
❖เคซีนเมื่อเข้าสู่กระเพาะอาหารจะเปลี่ยนเป็นเคิร์ด นมจึงนุ่ม
ย่อยง่าย ผ่านกระเพาะเร็ว
❖ในหัวน้ำนมมี เวย์:เคซีน 90:10 ในหัวน้ำนม และลดลงเป็น
60:40 เมื่อเป็นนมปกติ
18
นมแม่มีโปรตีนประมาณ 0.9% ประกอบด้วย เวย์ เคซีน แลคโตเฟอริน
อิมมิวโนกลอบบูลิน ไลโซไซม์ และไกลโคโปรตีน
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
โปรตีน : นมมารดา
❖แลคโตเฟอริน เป็นโปรตีนที่จับกับเหล็ก จึงยับยั้งการ
เจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ต้องพึ่งพาเหล็ก ปกป้อง
ทารกจากการติดเชื้อ
❖อิมมิวโนกลอบบูลิน โดยเฉพาะ secretory IgA
มีหน้าที่ปกป้องทารกจากการติดเชื้อ ป้องกันแบคทีเรีย
และไวรัส แทรกเข้าสู่เยื่อบุผิว (mucosa) ของทารก
จะมีในหัวน้ำนม 2-3 วันแรกสูงมาก
❖ไลโซไซม์ เป็นส่วนประกอบของเวย์ ทำหน้าที่ฆ่า
แบคทีเรีย และช่วยทำให้แบคทีเรียชนิดดีในลำไส้
เจริญเติบโต
19 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
โปรตีน : นมมารดา
❖ Non-protein nitrogen (NPN) มีอยู่ในนมแม่
ประมาณ 18-30% แต่ในนมวัวมีเพียง 5%
ไนโตรเจนเหล่านี้ประกอบกันขึ้นเป็นฮอร์โมน
สารช่วยการเจริญเติบโต และสารเร่งการทำงาน
20 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
17
18
19
20
- 6. ไขมัน : นมมารดา
❖ เป็นองค์ประกอบที่มีมากที่สุดในนมแม่รองจากน้ำ
❖ เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ ให้พลังงานครึ่งหนึ่ง
ของพลังงานทั้งหมดที่ทารกต้องการ
❖ได้จาก 3 แหล่งคือ อาหารที่แม่รับประทาน ไขมันที่
สะสมระหว่างตั้งครรภ์ และกลูโคสในกระแสเลือด
21 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
ไขมัน : นมมารดา
❖ ไขมันในนมแม่ประกอบด้วย กรดไขมันคาร์บอน
สายยาวที่ไม่อิ่มตัว (long chain polyunsaturated
fatty acids = lcpufas) ซึ่งมีความสำคัญกับ
พัฒนาการของสมองและเซลห่อหุ้มใยประสาท
❖ DHA (Docosahexaenoic acid) ที่พบในเนื้อสมอง
ชั้นนอก และที่จอประสาทตา มีผลต่อพัฒนาการของ
สายตาและระบบประสาท รวมทั้งพัฒนาการทาง
ภาษาและเชาว์ปัญญา พบในทารกที่กินนมแม่
มากกว่าทารกที่กินนมผสม
22 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
คาร์โบไฮเดรท : นมมารดา
❖ คาร์โบไฮเดรตที่สำคัญในนมแม่คือแลคโตส
มีประมาณ 6.8 กรัม/ดล.ในนมแม่ แต่ในนมวัวมี
เพียง 4.9 กรัม/ดล.
❖ แลคโตสช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และช่วยใน
การพัฒนาระบบประสาทส่วนกลาง
23 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
วิตามิน : นมมารดา
❖ วิตามินในนมแม่ประกอบด้วย วิตามินเอ ดี อี เค
บีรวม บี 1 บี2 บี 6 บี12 ไนอะซิน วิตามินซี โฟลิค
ซึ่งมีความสำคัญต่อกระบวนการทำงานของ
ร่างกายในหลายด้าน
❖ มีชีวปริมาณออกฤทธิ์ (bioavailability) สูงกว่า
นมผสม จึงดูดซึมได้ดีกว่า
24 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
21
22
23
24
- 7. แร่ธาตุ : นมมารดา
❖ เกลือแร่ที่มีในน้ำนมแม่ได้แก่
โซเดียม โปแตสเซียม แคลเซียม
แมกนีเซียม คลอไรด์ ซิเตรต
ฟอสฟอรัส ซัลเฟต และอื่นๆ
25 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
เหล็ก : นมมารดา
❖ ทารกต้องการเหล็กวันละ 8-10 มก/วัน
❖ นมแม่มีเหล็ก 100 ไมโครกรัม/ดล. ทารกดูดซึม
เหล็กจากนมแม่ได้ 49% ขณะที่ดูดซึมจากนมวัวได้
เพียง 10%
❖ ทารกที่ได้รับนมแม่มีระดับ ferritin สูงจึงเป็น
ข้อบ่งชี้ได้ว่าได้รับเหล็กเพียงพอ
26 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
ข้อห้ามในการเลี้ยงลูกด้วยนมมารดา
❖ ทารกเป็นโรคทางเมตาบอลิค เช่น
Galactosemia, Phenylketonuria
❖ มารดาเป็นโรคติดเชื้อในระยะติดต่อ เช่น วัณโรค
โรคสุกใส HIV
❖ มารดาใช้สารเสพติดหรือยาบางชนิดที่ผ่าน
น้ำนม เช่น กัญชา โคเคน เฮโรอีน
Amphetamine ยาที่ออกฤทธิ์ทางจิตประสาท
ยาเคมีบำบัด สารกัมมันตภาพรังสี
27 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
การจัดอาหารเสริมทารก
28 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
25
26
27
28
- 8. ทำไมไม่ให้อาหารอื่นก่อน 6 เดือนแรก
พัฒนาการย่อยและดูดซึมอาหาร
การย่อยแลคโตส
น้ำย่อย saliva amylase เพียงร้อยละ 10 ของปริมาณที่มีในผู้ใหญ่
ตับอ่อนยังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์มีการหลั่งน้ำย่อยไขมัน lipase น้อย
พัฒนาการการขับถ่ายของเสีย
ไตยังทำงานยังไม่สมบูรณ์มีอัตราการกรองของเสียต่ำ
และไตทารกแรกเกิดไม่สามารถทนต่อภาวะแร่ธาตุสูงในเลือดได้
พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อและระบบประสาท
ฝึกการเคี้ยว ดูดน้ำและอาหาร ชี้นิ้ว นั่งได้ หยิบของใส่ปากได้
29 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
พลังงานและสารอาหารจาก
นมแม่ ไม่เพียงพอกับความ
ต้องการของร่างกาย
ทารก 6 เดือนขึ้นไป
เริ่มให้อาหารตามวัย
• สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของลิ้นใช้กวาดอาหารเคลื่อน
ไปรอบๆภายในปากและเคี้ยวอาหารได้
• มีพัฒนาการการหยิบสิ่งของใส่ปาก
• เริ่มมีความสนใจเมื่อเห็นผู้อื่นกินอาหาร
• ระบบการย่อยและดูดซึมอาหารพัฒนาดีขึ้น
• ระบบขับถ่ายของเสียพัฒนาดีขึ้น
• ระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาทพัฒนาดีขึ้น
30 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
31
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
อาหารสำหรับเด็กวัย 6 เดือน
ข้าวบด 3 ช้อน
ไข่แดงครึ่งฟองสลับกับตับบด
ครึ่งช้อน หรือเนื้อปลาบด 2 ช้อน
ผักบดครึ่งช้อน
ผลไม้สุก 1- 2 ชิ้น
32
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
29
30
31
32
- 9. อาหารสำหรับเด็กวัย 7 เดือน
ข้าวบด 4 ช้อน
ไข่ 1ฟอง สลับกับเนื้อปลาบด
2 ช้อน หรือเนื้อหมู 2 ช้อน
ผักบด1ช้อนครึ่ง
ผลไม้สุก 2-3 ชิ้น
33
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
อาหารสำหรับเด็กวัย 8-9 เดือน
ข้าวบด 5 ช้อน
ไข่ 1ฟอง สลับกับเนื้อปลาบด
2 ช้อน หรือเนื้อหมู 2 ช้อน
ผักบด1ช้อนครึ่ง
ผลไม้สุก 3-4 ชิ้น
34
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
อาหารสำหรับเด็กวัย 10-12 เดือน
ข้าวบด 5 ช้อน
ไข่ 1ฟอง สลับกับเนื้อสัตว์ 2 ช้อน
ผักบด 2 ช้อน
ผลไม้สุก 3-4 ชิ้น
35
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
36
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
33
34
35
36
- 10. ข้อแนะนำสำหรับการให้อาหารทารก
37
อายุ
(เดือน)
อาหาร มื้อ/วัน ข้อคิดเห็น
0-6 นมแม่/นมผงสำหรับทารก 6-8 นมแม่ดีที่สุด
6-8
นมแม่/นมผงสำหรับทารก
ธัญพืช+ผัก (1-2 ชช.)
4-6
ไม่ให้ดูดอาหารจากขวด
ให้ทีละอย่าง
8-9
นมแม่/นมผงสำหรับทารก
ธัญพืช+เนื้อ+ผัก (2-3 ชต.)
ขนมปังกรอบ(1/2-1ส่วน)
3-5
2
ไม่ใส่น้ำตาล น้ำผึ้ง เกลือ
เริ่มให้เด็กดื่มนำ้จากแก้ว
8-12
นมแม่/นมผงสำหรับทารก
ธัญพืช+เนื้อ+ผัก (3-4 ชต.)
ขนมปังกรอบ(1/2-1ส่วน)
3-4
2-3
ให้เริ่มใช้นิ้วจับอาหาร
ส่งเสริมการนั่ง/นั่งกินอาหาร
ดื่มนมวัวจากแก้วเมื่อครบ 1 ปี
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
38
เพียงพอ สมวัย
ความปลอดภัย
เหมาะสมกับ
ความหิวและอิ่ม
39 งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
Thank you
งานพัฒนาคุณภาพและวิจัย กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลขอนแก่น
37
38
39
40