More Related Content Similar to skeletal system Similar to skeletal system (20) skeletal system2. วัตถุประสงค์
1. บอกความหมายของระบบโครงร่างของร่างกาย
ได้
2. บอกแหล่งที่พบของกระดูกอ่อนทั้ง 3 ชนิดได้
3. อธิบายโครงสร้างของกระดูกทั้งระดับจุลกายวิ
ภาคและมหกายวิภาคได้
4. อธิบายการสร้าง การเจริญเติบโตและการ
ซ่อมแซมของกระดูกได้
5. จำาแนกรูปร่างของกระดูกแต่ละชนิดได้
6. อธิบายความหมายของคำาศัพท์ที่ใช้เรียกส่วน
ต่างๆของกระดูกได้
7. บอกตำาแหน่งและรูปร่างของกระดูกแต่ละชิ้นได้
8. บอกชนิดของข้อต่อ รูปแบบต่างๆของการ
เคลื่อนไหว และแหล่งที่พบข้อต่อแต่ละชนิดได้
3. หมายถึง
ระบบที่ประกอบด้วย กระดูก
กระดูกอ่อน ข้อต่อ และ
เอ็นยึดกระดูก
ทำาหน้าที่
» เป็นโครงร่างหลักของ
ร่างกาย
» ทำาให้ร่างกายสามารถคง
รูปร่างและเคลื่อนไหวได้
» เป็นเกราะป้องกันอวัยวะ
ภายใน รวมทั้งระบบประสาท
ส่วนกลางไม่ให้ได้รับ
อันตรายจากภายนอก
ระบบโครงร่างของร่างกาย
4. กระดูกอ่อนแบ่งเป็น 3 ชนิด
» Hyaline cartilage
พบที่
»Trachea
» Costal cartilage
» Cartilage of nose
» Elastic cartilage
พบที่
» Pinna
» Epiglottis
» Fibrocartilage
พบที่
» Intervertebral discs
» Pubic symphysis
Chondrocyte
In lacunae
Collagen fiber
Chondrocyte
(cartilage cell)
In lacunae
Matrix
Chondrocyte
in lacunae
Elastic fiber
5. กระดูก (Bone)
1. Spongy (Cancellous) bone: กระดูกเนื้อโปร่ง
2. Compact bone: กระดูกเนื้อแน่น
แบ่งตามความแตกต่างของเนื้อกระดูกเป็น 2 ชนิด
Spongy bone
Compact bone
6. Harversian
system (osteon)
lamellae
Haversian canal
Volkmann ’s canal
Compact bone
» Harversian canal
แต่ละอันเชื่อมติดต่อ
กันทางท่อ
Volkmann ’s
canal ที่ต่อเป็นแนว
ตั้งฉากกับแกนยาว
ของกระดูก
มีเนื้อแน่น แข็ง สีขาวคล้ายงาช้าง ประกอบด้วย Harversian system (osteon)
หลายชุดเรียงชิดกัน
» Haversian system
1 ชุดประกอบด้วย
lamellae เรียงเป็น
วงกลมซ้อนกันล้อมท่อยาว
ที่อยู่ตรงกลางคือ
Haversian canal ที่นำา
หลอดเลือด หลอดนำ้าเหลือง
และเส้นประสาทมาเลี้ยง
เซลล์กระดูก
8. กระดูกประกอบด้วยเซลล์ 4 ชนิด
» Osteoclast: พบบริเวณผิว
กระดูก ทำาหน้าที่ย่อย
ละลายเนื้อกระดูก ทำาให้
เนื้อกระดูกบางลง และควบคุม
ปริมาณแคลเซียมในเลือด
เช่นเดียวกับ osteocyte
» Osteocyte: อยู่ในช่อง
lacunae ที่ติดต่อกันผ่านทางท่อ
ขนาดเล็กเรียกว่า canaliculi
ทำาหน้าที่บำารุงรักษาและ
ซ่อมแซมเนื้อกระดูก และช่วย
ควบคุมปริมาณแคลเซียมใน
เลือดภายใต้อิทธิพลของ PTH
(Parathyroid hormone)
» Osteoprogenitor cell: เซลล์ต้นกำาเนิดรูปร่างคล้าย fibroblast
มักพบที่ผิวใกล้เยื่อหุ้มกระดูก(Periosteum) เยื่อบุโพรงกระดูก
(endosteum) เยื่อบุภายใน Harversian และ Volkmann’s
canals (Endosteum) เมื่อถูกกระตุ้นจะเปลี่ยนเป็นเซลล์
Osteoblast» Osteoblast: พบที่ผิวของกระดูกที่กำาลังสร้างเนื้อกระดูก
canaliculi
Multinucleated giant cell
10. Intramembranous (Periosteal) ossification
พบการเกิดแบบนี้ที่กระดูกแบน (flat bone)
และที่ผิวของกระดูกยาว (long bone)
การเกิดและการเจริญเติบโตของกระดูกมี 2 วิธี
2. ต่อมามีการนำาแคลเซี่ยมจาก
เลือดมาตกผลึกทำาให้ matrix แข็ง
(calcification) ล้อมเซลล์ที่เปลี่ยน
รูปร่างเป็น osteocyte อยู่ใน
ช่องlacunae และosteoclast จะ
ตกแต่งกระดูกให้มี Spongy bone
ด้านในและ Compact bone ด้าน
นอก
1. เริ่มจาก mesenchymal cell มา
เรียงตัวชิดกันเป็นแผ่น (membrane)
และเซลล์ทั้งแผ่นเปลี่ยนรูปร่างเป็น
osteoblast สร้าง bone matrix
กระดูกแบน (flat bone)
11. Intracartilagenous (Endochondral) ossification
เป็นการสร้างกระดูกโดยการแทนที่ กระดูกอ่อนแม่พิมพ์ (cartilage model) พบการ
เจริญแบบนี้ที่กระดูกยาว (long bone) โดยมี
» จุดเริ่มต้น (Primary ossification) ที่ตอนกลางกระดูก เจริญไปตามยาวทั้ง 2 ด้าน
เรียกกระดูกส่วนนี้ว่า Diaphysis
» จุดต่อไป (Secondary ossification) ที่ปลายกระดูกทั้ง 2 ด้าน เจริญแผ่เป็นรัศมีไป
บรรจบกับจุดเริ่มต้นที่ปลายกระดูกทั้งสองด้าน เรียกกระดูกส่วนนี้ว่า Epiphysis
ที่ปลายกระดูก:
1. กระดูกเด็ก ยังแทนที่
กระดูกอ่อนไม่หมด ทำาให้
เด็กยังสูงได้อีก และ
กระดูกอ่อนที่เหลือเรียก
ว่า epiphyseal plate
2. กระดูกผู้ใหญ่ การเจริญ
เป็นกระดูกหมดแล้ว พบ
เพียงรอยต่อ เรียกว่า
epiphyseal line
15. คำาศัพท์เกี่ยวกับรอยที่กระดูก
รอยนูนที่ยื่นออกจากตัวกระดูก
» Condyle: ปุ่มเรียบ ยื่นไปต่อกับ
กระดูกอื่น เช่น ที่ปลายกระดูก
Femur ต่อกับส่วนบนของกระดูก
Tibia
» Tubercle, tuberosity,
trochanter: ปุ่มยื่นเป็นที่
เกาะของเอ็นหรือกล้ามเนื้อ
» Head: ปุ่มกลม โต มีคอคอด
(neck) เช่น ส่วนปลายบน
ของกระดูก femur, Humerus
» Crest (Ridge): ส่วนยื่นที่เป็นสัน
เช่น ที่กระดูก Ilium
» Process ส่วนที่ยื่นออกมาชัดเจน
เช่น Spinous process ของกระดูกสันหลัง
» Spine ส่วนยื่นที่เป็นสันแหลม
เช่น spine ของกระดูก Ilium
Iliac crest Anterior
superior
iliac spine
16. แอ่งหรือรูของกระดูก
» Foramen: รูของกระดูกให้
เป็นทางผ่านของโครงสร้าง
ต่างๆ เช่น foramen
magnum
» Fossa: แอ่งของกระดูก เช่น
cranial fossa
» Groove: ร่องยาวที่ กระดูก
เช่น intertubercular
groove
» Sinus: โพรงอากาศใน
กระดูก ใช้ชื่อตามกระดูกที่
เช่น frontal sinus
» Meatus: ท่อในกระดูก เช่น
external auditory meatus
(รูหูชั้นนอก)
คำาศัพท์เกี่ยวกับรอยที่กระดูก
Foramen
magnum
Sinuses
Meatus
intertubercular
groove
Humerus
Skull
Anterior
cranial fossa
Middle
cranial fossa
Posterior
cranial fossa
17. Axial skeleton-กระดูกแกนกลางของลำาตัว มี 80 ชิ้น
1. กะโหลก-Skull มี 28 ชิ้น
1.1 Cranial bones (8 ชิ้น)
1.2 Facial bones (14 ชิ้น)
1.3 Ear ossicles (6 ชิ้น)
2. กระดูกโคนลิ้น-Hyoid bone มี 1 ชิ้น
3. ลำากระดูกสันหลัง-Vertebral
column มี vertebrae 26 ชิ้น (เด็กมี 33
ชิ้น)
3.1 Cervical vertebrae มี 7 ชิ้น
(C 1-7)
3.2 Thoracic vertebrae มี 12 ชิ้น
(T1-12 )
3.3 Lumbar vertebrae มี 5 ชิ้น
(L1-5)
3.4 Sacral vertebra –S มี 1 ชิ้น
(เด็กมี 5 ชิ้น)
3.5 Coccyx vertebra-Co มี 1-2 ชิ้น
(เด็กมี 4 ชิ้น)
4. กระดูกโครงอก-Thoracic cage
มี 25 ชิ้น
4.1 กระดูกซี่โครง-Rib (24 ชิ้น)
4.2 กระดูกหน้าอก-Sternum (1 ชิ้น)
18. กะโหลกศีรษะ (Skull) แบ่งเป็น 3 ส่วน
1. Cranial bones: ประกอบเป็นโพรงที่อยู่ของสมอง มี 8 ชิ้น
2. Facial bones: กระดูกหน้า มี 14 ชิ้น
3. Ear ossicles: เป็นกระดูกในหูชั้นกลางมี 6 ชิ้น
20. มี 2 ชิ้น ประกอบเป็น
» ผนังด้านข้างและด้านบนของโพรงกะโหลกศีรษะตอนกลาง
» 2 ชิ้น ต่อกันในแนวกลางลำาตัว (Midline) ด้วย sagittal suture
» ด้านหน้า ต่อกับ frontal bone ด้วย coronal suture
Parietal bones
Frontal
bone Frontal
SinusParietal bones
Parietal bones
21. Temporal bones
เป็นผนังและพื้นด้านข้างของโพรงกะโหลกศีรษะ อยู่ตำ่ากว่า parietal bone
แบ่งเป็น 4 ส่วน
1. Squamous portion
เป็นแผ่นแผ่กว้างคล้ายพัด
อยู่เหนือรูหูชั้นนอก ทางด้าน
หน้ามี zygomatic
process ยื่นไปต่อกับ
zygomatic bone
2. Tympanic portion เป็น
ผนังของหูส่วนนอก ด้านล่างมี
กระดูกยื่นยาว เพรียว และแหลม
เรียกว่า styloid process
3. Mastoid portion เป็นส่วน
ที่อยู่ด้านหลัง และอยู่หลังรูหูชั้น
นอก มีปุ่มนูนมน สั้น ยื่นลงด้าน
ล่าง เรียกว่า mastoid
process
Squamous
portion
Mastoid process
Zygomatic
process
Styloid process
Frontal
bone
Parietal bone
Mastoid
portion
Tympanic
portion
22. Temporal bones
FRONTAL
TEMPORAL
OCCIPITAL
SPHENOID
4. Petrous portion เป็นส่วนประกอบของโพรง
กะโหลกศีรษะส่วนล่าง มีรูปทรง 3 เหลี่ยม (Prism)
แทรกอยู่ระหว่าง sphenoid bone ทางด้านหน้า กับ
occipital bone ทางด้านหลัง ภายในมี
» หูชั้นกลาง:มีกระดูกหูข้างละ 3 ชิ้น คือ
malleus, incus และ stapes
» หูชั้นใน: มีอวัยวะเกี่ยวกับการ
ได้ยิน และการทรงตัว
23. Occipital bone (กระดูกท้ายทอย)
อยู่ส่วนหลังของกะโหลก ประกอบเป็นผนังด้านล่างส่วนหลังของโพรงกะโหลก
ศีรษะ ด้านล่างมีรูขนาดใหญ่เรียกว่า foramen magmum เป็นทางผ่านของสมอง
ส่วน medulla oblongata ไปเชื่อมต่อกับไขสันหลัง
Occipital bone ต่อกับ parietal bone ทั้ง 2 ข้าง ด้วย lambdoid suture
Lambdoid suture
OCCIPITAL BONE
OCCIPITAL BONE
FORAMEN MAGNUM
OCCIPITAL
BONE
24. Sphenoid bone
Pterygoid process
Sphenoid sinus
Sphenoid bone
รูปร่างคล้ายผีเสื้อกางปีก ประกอบเป็นผนังด้า
ล่างของโพรงกะโหลก และผนังเบ้าตา
แบ่งเป็น 3 ส่วน
1. Body คือส่วนกลาง ด้านล่างเป็นผนังของ
โพรงจมูก ด้านบนเป็นแอ่ง เรียกว่า sella
turcica เป็นที่อยู่ของต่อมใต้สมอง (pituitary
gland) มี sphenoid sinus
2. Greater wing
3. Lesser wing
Greater wing
Lesser wing
Sella turcica
26. Fontanel (fontanelle)
ขม่อม (กระหม่อม)
1. Anterior fontanel คือรอยต่อระหว่าง
กระดูก frontal กับ parietal เป็นรูปสี่เหลี่ยม
ขนมเปียกปูน ปิดอายุ ~ 18 เดือน
2. Posterior fontanel คือรอยต่อ
ระหว่างกระดูก parietal กับ occipital ปิด
อายุ ~ 2-3 เดือน
ทารกแรกเกิด กะโหลกยังเจริญเป็นกระดูกไม่
หมดเหลือเป็น membrane เรียกว่า Fontanel
27. Facial bones
1. Nasal bone 2 ชิ้น อยู่ที่ตรง
กลางส่วนดั้งจมูก บรรจบกันทำา
มุมป้าน หรือมุมแหลม
2. Maxillae- กระดูกขากรรไกรบน
ต่อกันในแนวกลาง ประกอบเป็น
- ส่วนของเบ้าตา
- เพดานของช่องปาก
Maxilla
- มีโพรงอากาศขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายปิรามิด
เรียกว่า maxillary sinus
Maxillary sinus
Maxilla
Nasal bone
28. Z Z
Frontal bone
Zygomatic bones/ cheek bones (กระดูกโหนกแก้ม)
มี 2 ชิ้น ตำาแหน่งที่โหนกแก้มทางด้านซ้ายและ
ด้านขวา มีส่วนยื่นออกไป
1. ด้านในเป็นแผ่นประกอบเป็นพื้นของเบ้าตา
2. เป็นแง่ทางด้านข้างเรียกว่า temporal process
ไปต่อกับ zygomatic process
ของ temporal bone รวมเป็นแนวโค้ง
เรียกว่า zygomatic arch
Zygomatic
arch
30. Lacrimal bones
เป็นกระดูกขนาดเล็ก แผ่น
บาง ประกอบเป็นส่วนหนึ่ง
ของผนังด้านในของเบ้าตา
» บริเวณที่กระดูกนี้เป็นแอ่ง
เรียกว่า lacrimal fossa
เป็นที่อยู่ของถุงนำ้าตา
(lacrimal sac)
» และมีท่อนำานำ้าตาต่อลงไปสู่โพรงจมูก
(nasolacrimal duct)
36. ลักษณะโดยทั่วไปของกระดูกสันหลัง (Typical vertebra)
1. Body เป็นแผ่นกลม หนา ผิวขรุขระ อยู่ทางด้านหน้า
2. Vertebral (neural) arch เป็นกระดูกโค้งเป็นวงทางด้านหลังของ body โอบ
vertebral foramen ซึ่งเป็นที่อยู่ของไขสันหลัง ประกอบด้วยส่วน
- Pedicles เป็นแท่งกลมยื่นจาก body 2 ด้าน
- Laminae เป็นแผ่นแบน 2 แผ่น แต่ละ
แผ่นต่อกับ pedicle ด้านเดียวกัน และด้าน
หลังต่อกันเอง
3. Processes เป็นส่วนที่ยื่นออกจาก
vertebral arch
- Transverse process
ยื่นจากจุดต่อกันระหว่าง pedicle
กับ lamina ทางด้านข้างทั้ง 2 ข้าง
- Spinous process
ยื่นจากจุดต่อกันระหว่าง lamina 2 ข้าง ทางด้านหลัง
- Articular process มี 2 คู่ อยู่ทางด้านบนและ
ด้านล่างของ pedicle ด้านละ 1 คู่ ที่ผิวเป็นแอ่งตื้นๆเพื่อ
ต่อกับกระดูกสันหลังที่อยู่ใกล้เคียง ทำาเกิดรูทางด้านข้าง
เรียกว่า intervertebral foramen ให้เส้นประสาทไขสันหลังผ่านออกมา
37. Cervical vertebra, C spine (กระดูกสันหลังส่วนคอ )
» มี body ขนาดเล็ก
» Transverse process มีรูเรียกว่า
transverse foramen มี
vertebral artery ผ่านไปเลี้ยง
สมอง
» ส่วนปลายของ spinous process
จาก C2– C6 จะแยกเป็น 2 แฉก
» C1 ชื่อ atlas รูปร่างเหมือนวงแหวน
เพราะ ไม่มี body และ spinous
process มีเพียง anterior และ
posterior arch ล้อมรอบ vertebral
foramen
» C2 ชื่อ axis มีปุ่มยื่นขึ้นไปจาก body
เรียกว่า dens
38. costal facet
Demifacet for
head of rib
มีขนาดกลางแต่ใหญ่กว่ากระดูกสันหลังส่วนคอ
» Spinous process ยาว แหลม ชี้ลงด้านล่าง
» Transverse process มีแอ่งผิวเรียบ ตื้น
(costal facet) เป็นรอยต่อกับกระดูกซี่โครง
» Body มี demifacet เป็นรอยต่อกับ
กระดูกซี่โครง
Thoracic vertebra, T spine (กระดูกสันหลังส่วนอก)
39. lumbar vertebra, L spine (กระดูกสันหลังส่วนเอว )
เป็นกระดูกสันหลังที่ใหญ่ และแข็งแรงที่สุด มี
» pedicle และ lamina สั้นและหนา
» spinous process แบนเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม
» vertebral foramen เป็นรูปสามเหลี่ยม
40. Sacrum: รูปสามเหลี่ยม มี 1 ชิ้น เกิดจากการเชื่อมต่อกันของกระดูก sacral
vertebra 5 ชิ้น อยู่ระหว่างกระดูกสะโพกทั้ง 2 ข้าง ประกอบเป็นผนังด้านหลังของอุ้ง
เชิงกราน body ของ S1 ยื่นมาทางด้านหน้าเรียกว่า sacral promontory
และแผ่เป็นปีกออกทางด้านข้างทั้งสองข้าง เรียกว่า ala of sacrum
Sacrum (กระดูกสันหลังส่วนกระเบนเหน็บ) และ Coccyx (ก้นกบ)
Coccyx: รูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก อยู่ส่วนล่างสุดของแนวกระดูกสันหลัง ต่อจาก
Sacrum เกิดจากการเชื่อมต่อกันของกระดูก coccyges 4 ชิ้น
42. กระดูกที่ประกอบเป็นโครงร่างของทรวงอกได้แก่
» กระดูกหน้าอก (sternum)
» กระดูกซี่โครง (rib)
» กระดูกสันหลังส่วนอก
Thorax (ทรวงอก)
กระดูกหน้าอก (Sternum)
เป็นกระดูกแบน อยู่ด้านหน้าใน
แนวกลางหน้าอก ประกอบด้วย
» Manubrium: ส่วนบนสุด
ขอบบนเว้าเรียกว่า
suprasternal (jugular) notch
» Body: ส่วนกลางมีขนาด
ใหญ่ที่สุด
» Xiphoid process: ส่วนปลายล่าง เป็นกระดูกอ่อน ในวัยสูงอายุจะเป็นกระดูก
ให้เป็นที่เกาะของกล้ามเนื้อผนังหน้าท้อง
43. Rib (กระดูกซี่โครง )
มีจำานวน 12 คู่ ประกอบเป็นส่วนใหญ่ของผนังอก แบ่งได้เป็น 2 ชนิด ตาม
ลักษณะปลายหน้าที่สัมพันธ์กับกระดูก sternum คือ
1. True ribs/Vertebrosternal ribs:
ปลายหน้าส่วน costal cartilage
ไปต่อกับ Sternum โดยตรง
ได้แก่ ribs คู่ที่ 1-7
2. False ribs มี 2 กลุ่ม
» Vertebro-chondral
ribs:
ปลายหน้าส่วน costal
cartilage ไปต่อกับ
costal cartilage ของ
rib บนเพื่อไปต่อทาง
อ้อมกับ costal cartilage
» Vertebral ribs: ปลายด้านหน้าลอย ไม่ต่อกับ Sternum ได้แก่ Ribs คู่ที่ 11-12
44. ส่วนของกระดูกซี่โครง (Rib)
» ส่วนปลายสุดทางด้านหลังเป็นปุ่มกลม เรียกว่า head เป็นส่วนที่ประกอบเป็นข้อ
ต่อกับ body ของ thoracic vertebra
» ส่วนคอดเรียกว่า neck
» ส่วนที่เหลือทั้งหมดเรียกว่า body
» บริเวณที่ neck เชื่อมต่อกับ body มีปุ่มนูนเรียกว่า tubercle ซึ่งจะไปประกอบ
เป็นข้อต่อกับ transverse process ของ thoracic vertebra