More Related Content
More from Utai Sukviwatsirikul (20)
CPG. for Topical Steroid Usage - สถาบันโรคผิวหนัง
- 1. -47- . CPG. for Topical Steroid Usage
สถาบันโรคผิวหนัง
ตารางที่ 1 การแบงโรคตามการตอบสนองตอสตีรอยด
ความนํา
แนวทางการดูแลรักษาโรคผิวหนังเปน
ความเห็นรวมกันของกลุมผูรูที่ปฏิบัติการ
ดูแลรักษาผูปวย แนวทางที่วางไวนี้เพื่อใช
เปนแนวทางในการดูแลรักษาผูปวย มิใชกฎ
ตายตัวที่ตองปฏิบัติการรักษาตามที่เขียนไว
ทุกประการ ทั้งนี้เพราะผูปวยแตละรายมี
ปญหาที่แตกตางกัน การวางแนวทางการ
รักษานี้เปนการสรางมาตรฐานและพัฒนาการ
ดูแลรักษาโรคผิวหนัง เพื่อใหประชาชนที่มา
พบแพทยไดรับความมั่นใจวาจะไดรับการ
ดูแลรักษาที่ดี
คณะผูจัดทําขอสงวนสิทธิ์ในการนําไปใช
อางอิง
ทางกฎหมายโดยไมผานการพิจารณาจาก
ผูทรงคุณวุฒิ หรือผูเชี่ยวชาญในแตละกรณี
นิยาม
ยาทาคอรติโคสตีรอยด (Corticosteroid)
หมายถึงยาที่ใชทาผิวหนังและเยื่อบุ โดยมี
ฤทธิ์ลดการอักเสบ กดปฏิกิริยาอิมมูน และ
ยับยั้งการแบงเซลล
เกณฑการพิจารณาใชยา
ใหทําการซักประวัติ ตรวจรางกาย การ
ตรวจทางหองปฏิบัติการและใหการวินิจฉัย
วาเปนโรคที่ตอบสนองตอการใชยาทาคอรติ
โคสตีรอยด (ตารางที่ 1) กอนทําการรักษา
ตอบสนองดีมาก ตอบสนองดีปานกลาง ตอบสนองนอย
Psoriasis(intertriginous)
Atopic dermatitis (children)
Seborrheic dermatitis
Intertrigo (non-infectious)
Psoriasis
Atopic dermatitis (adults)
Nummular eczema
Allergic contact dermatitis,
subacute phase
Primary irritant dermatitis
Papular urticaria
Parapsoriasis
Lichen simplex chronicus
Palmoplantar psoriasis
Psoriasis of nails
Dyshidrotic eczema
Lupus erythematosus
Pemphigus
Lichen planus
Granuloma annulare
Necrobiosis lipoidica diabeticorum
Sarcoidosis
Allergic contact dermatitis, acute
phase
Insect bites
Topical Steroid Usage
- 2. CPG. for Topical Steroid Usage
สถาบันโรคผิวหนัง
-48-
หลักการใชยา
เนื่องจากการออกฤทธิ์ของยาในกลุมนี้
ขึ้นกับปจจัยหลายอยาง ดังนั้นการเลือกใชยา
จึงตองคํานึงถึงปจจัย ดังตอไปนี้
1.ตัวยา ดังนี้
1.1 รูปแบบของยา (Form): ยาทาคอรติ
โคสตีรอยด โดยทั่วไปตองผสมอยูในยา
พื้นฐาน (Base) ทําใหเกิดเปนรูปแบบของยา
(form) ชนิดตางๆ ดังนี้
1.1.1 ขี้ผึ้ง (ointment): ใชเคลือบ
ผิวหนังทําใหชุมชื้น เหมาะสําหรับผิวหนังที่
แหง จะไดผลดีในผื่นผิวหนังที่หนา แหงแตก
เนื่องจากคุณสมบัติของขี้ผึ้งจะเคลือบผิวหนัง
ไดดี จึงทําใหยาถูกดูดซึมไดมากขึ้น แตผูใช
1.1.2 จะรูสึกเหนียวเหนอะหนะ ขี้ผึ้งมัก
ไมมีสารกันบูด
1.1.3 ครีมและโลชัน (cream and
lotion): เหมาะสําหรับผื่นผิวหนังอักเสบชนิด
เฉียบพลัน และกึ่งเฉียบพลัน อาจใชกับ
ผิวหนังบริเวณที่อับชื้น ยาประเภทครีมจําเปน
จะตองใชสารกันบูด ซึ่งอาจทําใหเกิดการแพ
ได
1.1.4 รูปสารละลาย (lotion และ
solution), เจล (gel), สเปรย (spray) : เหมาะ
ที่จะใชกับบริเวณที่มีขนและผม ยาประเภทนี้
บางชนิดมีสวนผสมของแอลกอฮอลและ
propylene glycol ซึ่งอาจทําใหเกิดการระคาย
เคือง หากใชบริเวณที่มีรอยแตกหรือแผล
- 3. . CPG. for Topical Steroid Usage
สถาบันโรคผิวหนัง
-49-
1.2 ความแรงของยา (Potency)
ตารางที่ 2 การจําแนกยาทาคอรติโคสตีรอยดตามความแรงเรียงตามลําดับจากมากไปหานอยโดยวิธี
Vasoconstriction assay
Generic name Trade name
Super-potent
ความแรงสูงมาก
Clobetasol propionate 0.05%
Augmented betamethasone dipropionate 0.05%
Dermovate cream
Diprotop cream, ointment
Potent
ความแรงสูง
Betamethasone dipropionate 0.05%
Desoximetasone 0.25%
Diprosone ointment
Topicort
Esperson
Moderately
Potent
ความแรงปาน
กลาง
Betamethasone dipropionate 0.05%
Amcinonide 0.1%
Triamcinolone acetonide 0.1%
Mometasone furoate 0.1%
Betamethasone valerate 0.1%
Fluocinolone acetonide 0.025%
Prednicarbae 0.1%
Triamcinolone acetonide 0.02%
Clobetasone butyrate 0.5%
Diprosone Cream
Visderm cream, lotion
Arisocort A 0.1%
TA cream 0.1%
Elomet cream
Betnovate cream
Synalar cream
Dermatop cream
TA cream 0.02%
Aristocort 0.02%
Eumovate
MILD
ความแรงต่ํา
Hydrocortisone 1-2%
Prednisolone 0.5%
Hydrocortisone cream
Prednisil cream
*หมายเหตุ - ตารางนี้เปนเพียงตัวอยางของยาทาคอรติโคสตีรอยดที่มีใชในประเทศไทย
- ยาทาคอรติโคสตีรอยดชนิดเดียวกัน แตเมื่ออยูในรูปแบบที่แตกตางกัน อาจใหความ
แรงไมเทากัน โดยทั่วไป ขี้ผึ้งแรงกวาครีม ครีมแรงกวาโลชัน
2. ลักษณะของรอยโรค
2.1 ผื่นที่ไมหนา หรือมีการอักเสบ
เฉียบพลัน ยกเวนระยะที่มีน้ําเหลืองไหลควร
เลือกยาที่มีความแรงต่ําหรือปานกลาง
2.2 ผื่นที่หนาเปนเรื้อรัง อาจจําเปนตอง
ใชยาคอรติโคสตีรอยดที่มีความแรงสูงถึงสูง
มาก
- 4. CPG. for Topical Steroid Usage
สถาบันโรคผิวหนัง
-50-
3.ตําแหนงของรอยโรค
3.1 ใบหนา และบริเวณที่อับชื้น (รักแร
ขาหนีบ ใตราวนม อวัยวะเพศ) ควรใชยาทาที่
มีความแรงต่ํา ถาจะใชยาที่มีความแรงสูงขึ้น
ควรใชไมเกิน 2 สัปดาห ยกเวนผื่นที่เปน
เรื้อรัง หรือโรคบางอยางที่จําเปน
3.2 บริเวณที่ผิวหนังหนา เชน ที่ฝามือ
ฝาเทา มักจะตองใชยาทาที่มีความแรงสูงหรือ
สูงมาก
4.พื้นที่ของรอยโรค : เนื่องจากยาทาคอรติโค
สตีรอยดสามารถถูกดูดซึมเขาสูกระแสเลือด
ได ดังนั้นหากมีรอยโรคเปนบริเวณกวาง ควร
เลือกใชยาที่ความแรงต่ําถึงปานกลาง
5.อายุ เด็กและผูสูงอายุมีผิวหนังบาง จึงมี
โอกาสเกิดฤทธิ์ขางเคียงจากยาทาและการดูด
ซึมของยาเขาสูรางกาย จึงควรเลือกใชยาทา
ดวยความระมัดระวัง
6.ระยะเวลาในการทายา : เนื่องจากยาทาคอร
ติโคสตีรอยด อาจมีฤทธิ์ขางเคียงไดทั้ง
เฉพาะที่และการดูดซึมเขาสูรางกาย และการ
ทายาตอเนื่องเปนเวลานาน อาจทําใหเกิดการ
ตอบสนองตอยาลดลง (Tachyphylaxis)
ดังนั้น ถารอยโรคหาย ควรหยุดยา แตหากมี
ความจําเปนตองใชยาเปนระยะเวลานาน ควร
จะหยุดยาบางเปนระยะๆ ดังนี้
- ยาทาที่มีความแรงสูงมาก ไมควรใช
ตอเนื่องเกิน 3 สัปดาห
- ยาทาที่มีความแรงปานกลางถึงสูง ไม
ควรใชตอเนื่องเกิน 3 เดือน
7.ความถี่ในการทายา ขึ้นอยูกับชนิดของยา
คอรติโคสตีรอยดที่เลือกใช แตโดยทั่วไปควร
ทายาวันละ 2 ครั้ง การทายาบอยครั้งกวานี้
มักจะไมเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาแต
อาจเพิ่มผลขางเคียง
8.ปริมาณยาที่ทา
- ยาทา 1 กรัม จะทาผิวหนังไดเปนพื้นที่
ประมาณ 100 ตารางเซนติเมตร (ในผูใหญจะ
ใชยาประมาณ 30 กรัม ถาทาทั้งตัว)
- ยาทาที่มีความแรงสูงมาก ไมควรใช
เกินสัปดาหละ 50 กรัม
- ยาทาที่มีความแรงสูง ไมควรใชเกิน
สัปดาหละ 100 กรัม
9.ขอควรระวัง
9.1 การใชยาทาในบริเวณผื่นผาออมใน
เด็ก ควรระวังเปนพิเศษ เนื่องจากจะเพิ่มการ
ดูดซึมของยา จึงควรใชยาที่มีฤทธิ์ออน
9.2 การใชยาทาในหญิงที่ใหนมบุตร ไม
ควรทายาบริเวณหัวนมและเตานมกอนใหนม
ผลขางเคียง
1.ผลขางเคียงเฉพาะที่ (local side effect)
1.1 Atrophic changes ไดแก ผิวหนังบาง
ลง, แตกลาย (striae), หลอดเลือดขยาย
(telangiectasia), จ้ําเลือด (purpura), ฯลฯ
1.2 สีผิวบริเวณที่ทาจางลง
(hypopigmentation)
- 5. . CPG. for Topical Steroid Usage
สถาบันโรคผิวหนัง
-51-
1.3 มีขนขึ้นบริเวณที่ทาย
(hypertrichosis)
1.4 สิว, rosacea, perioral dermatitis
1.5 การติดเชื้อ : ทําใหเกิดการ
เปลี่ยนแปลงหรือการกําเริบของรอยโรค
ผิวหนังติดเชื้อตางๆ เชน โรคกลาก
1.2 ผื่นแพสัมผัส อาจเกิดจากโมเลกุล
ของคอรติโคสตีรอยดเอง หรือสวนประกอบ
อื่นในตัวยา เชน สารกันบูด
2.ผลขางเคียงตามระบบ (systemic side
effect)
พบเมื่อใชยาทาเปนเวลานาน เปนบริเวณ
กวางหรือใชยาที่มีความแรงสูงมาก
โดยเฉพาะอยางยิ่งในเด็ก ไดแก
2.1 ผลขางเคียงทางตา เชน ตอกระจก ตอ
หิน
2.2 การกดการทํางานของตอมหมวกไต
(HPA-axis)
2.3 Iatrogenic Cushing’s syndrome
2.4 การเจริญเติบโตชาในเด็ก
References
1. Baumann L, Kerdel F. Topical
glucocorticoids. In: Freedberg IM, Eisen
AZ, Wolff K, eds. Dermatology in
General Medicine. New York: McGraw-
Hill, 1999;2713-7.
2. riffiths WAD, Wilkinson JD. Topical
therapy. In: Champion RH, Burton JL,
Burns DA, Breathnach SM, eds.
Rook/Wilkinson/Ebling. Textbook of
Dermatology. Oxford: Blackwell Science,
1998;3519-51.
3. Guin JD. Contact sensitivity to topical
corticosteroids. J Am Acad Dermatol
1984; 10: 773-82.
4. Hepburn D, Yohn JJ, Weston WL. Topical
steroid treatment in infants, children and
adolescents. Adv Dermatol 1994; 9: 225-
54.
5. Lepoittevin JP, Drieghe J, Dooms-
Goossens A. Studies in patients with
corticosteroid contact allergy:
understanding cross-reactivity among
different steroids. Arch Dermatol
1995;131:31-7.
6. Singh G, Singh PK. Tachyphylaxis to
topical steroid measured by histamine-
induced wheal suppression. Int J Dermatol
1986;25:324-6.
7. Stoughton RB. The vasoconstrictor assay
in bioequivalence testing: practical
concerns and recent developments. Int J
Dermatol 1992;31:26-8.
- 6. CPG. for Topical Steroid Usage-52-
8. Yohn JJ, Weston WL. Topical
glucocorticosteroids. Curr Probl Dermatol
1990;2:31-63.
สถาบันโรคผิวหนัง