SlideShare a Scribd company logo
1 of 94
Download to read offline
บทที่ 3 แนวทางการวางแผนการ
ปฏิบัติงาน
อาจารย์มัลลิกา ผ่องแผ้ว
รายละเอียดเนื้อหาที่จะเรียนในบทเรียนนี้
 ความหมายของการวางแผน
 หลักการวางแผนขั้นพื้นฐาน
 ความสาคัญของแผน
 ลักษณะของแผนที่ดี
 ประเภทของการวางแผน
 คุณลักษณะของแผนที่ดี
 เทคนิคในการวางแผน
 โครงการกับการวางแผน
 การวางแผนโครงการ
 ขั้นตอนการวางแผนโครงการ
บทนา
การดาเนินการทางธุรกิจในปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูง สิ่งที่นักบริหารจะต้องเผชิญ
คือการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกองค์การ ดังนั้นการวางแผนอย่างรัดกุมจะช่วย
ผ่อนคลายหรือแก้ปัญหาต่างๆ ไปได้มาก และสามารถชนะคู่แข่งขันได้ในที่สุด ในปัจจุบัน
การวางแผนเป็นหน้าที่หลักของการบริหารที่ขาดไม่ได้ จากการศึกษาพบว่านักวิชาการ
ด้านการบริหารทุกคนต่างจัดเอาการวางแผนเป็นหน้าที่หลัก และเป็นอันดับแรกของ
ผู้บริหารที่จะต้องคิดและต้องทาก่อนลงมือดาเนินธุรกิจใดๆ
ความหมายของการวางแผน
นักวิชาการด้านการบริหารได้ให้ความหมายของการวางแผนไว้ต่างๆ กันแต่ในเนื้อหา
สาระไม่แตกต่างกันมากนัก ดังนี้
เดล ให้ความหมายไว้ว่า การวางแผนคือการกาหนดวัตถุประสงค์ที่จะทากิจการงานไว้
ล่วงหน้าโดยกาหนดวิธีและแนวปฏิบัติเพื่อบรรลุถึงความสาเร็จตามความมุ่งหมาย
คูนตซ์และโอ ดอนเนลล์ (Koontz and O’Donnell) ให้ความหมายว่าการวางแผน
คือการตัดสินใจล่วงหน้าว่าจะทาอะไร ทาทาไม ทาเมื่อไร และใครเป็นคนทา
ความหมายของการวางแผน (ต่อ)
คาสต์และโรเซนซ์วีก (Kast and Roseenzwieg) ได้กล่าวไว้ว่า การวางแผนคือ
กระบวนการในการตัดสินใจล่วงหน้าว่าจะทาอะไร อย่างไร มีการเลือกวัตถุประสงค์ นโยบาย
โครงการ และแนวปฏิบัติ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นั้น
ผู้เขียน (สมคิด บางโม) มีความเห็นว่า การวางแผนคือการกาหนดเป้าหมายและ
แนวทางปฏิบัติไว้ล่วงหน้า โดยการศึกษาข้อมูลต่างๆ และเลือกแนวทางปฏิบัติที่จะเกิด
ประโยชน์สูงสุดต่อองค์การ
ความหมายของการวางแผน (ต่อ)
จากคาจากัดความดังกล่าว จะพบว่าการวางแผนมีลักษณะสาคัญดังนี้
1. เป็นเรื่องสมมติฐานในอนาคต โดยอาศัยข้อมูลในปัจจุบัน
2. กาหนดเป้าหมายและวิธีการไปสู่เป้าหมาย
3. เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการกระทาหรือกิจกรรม
4. เป็นเรื่องของการตัดสินใจของผู้บริหาร
หลักการวางแผนขั้นพื้นฐาน
แผนภูมิกระบวนการวางแผน
ภารกิจ
“อะไรเป็น
เหตุผลที่บริษัท
ต้องดาเนิน
กิจการอยู่”
วิสัยทัศน์
“อยากจะเป็น
แบบไหน”
การวางแผน
กลยุทธ์
โดยผู้บริหาร
ระดับสูง
สาหรับ 1-5 ปี
เป้าหมาย
ปฏิบัติการ
เทคนิคการ
วางแผน
ทาโดยผู้บริหาร
ระดับกลาง
สาหรับ ภายใน
66-24 เดือน
เป้าหมาย
ปฏิบัติการ
การวางแผน
ปฏิบัติการ
ทาโดยผู้บริหาร
ระดับล่าง
ภายใน 1-52
สัปดาห์
เป้าหมาย
ปฏิบัติการ
หลักการวางแผนขั้นพื้นฐาน (ต่อ)
กระบวนการวางแผนมักจะเริ่มต้นด้วย 2 องค์ประกอบ
คือ วิสัยทัศน์และพันธกิจ
หลักการวางแผนขั้นพื้นฐาน (ต่อ)
วิสัยทัศน์ (The Vision Statement) หมายถึงการกาหนดความต้องการหรือภาพใน
อนาคตระยะยาว โดยมองไปในอนาคตข้างหน้า 5 ปี หรือ 10 ปี ว่าต้องการให้องค์การ
หรือบริษัทของตนเป็นอย่างไร หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราอยากไปถึงไหน วิสัยทัศน์
ขององค์การจะเป็นข้อความเชิงปรัชญาที่แสดงเจตนารมณ์ของเจ้าของ ผู้ก่อตั้ง ผู้บริหาร
ปัจจุบัน เช่น
การเป็นผู้นาของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า
เราจะเป็นผู้นาในตลาดค้าปลีก
การเป็นผู้นาร้านค้าสะดวกซื้อ
ความรู้คู่คุณธรรมนาสังคม
หลักการวางแผนขั้นพื้นฐาน (ต่อ)
การกาหนดวิสัยทัศน์ขององค์การจะต้องสัมพันธ์กับการเปลี่ยนไปของ
สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์การ ได้แก่ สภาพเศรษฐกิจและสังคม การเมือง
กฎหมาย เทคโนโลยี ฯลฯ การวางแผนในทุกระดับจะต้องสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ
องค์การ บุคลากรทุกคนทุกระดับจะต้องรู้ว่าวิสัยทัศน์ขององค์การคืออะไร ดังนั้น
ระบบสื่อสารภายในองค์การจึงมีความสาคัญมาก ผู้บริหารจะต้องพูดถึงวิสัยทัศน์บ่อยๆ
หรือทุกครั้งที่มีโอกาส
หลักการวางแผนขั้นพื้นฐาน (ต่อ)
การได้มาซึ่งวิสัยทัศน์ขององค์การในภาคธุรกิจเอกชนอาจได้มาจากการกาหนด
ของเจ้าของกิจการ (ผู้ถือหุ้น) และกรรมการบริษัทหรืออาจให้บุคลากรทุกระดับร่วมออก
ความเห็นด้วย ในภาคราชการอาจได้วิสัยทัศน์ขององค์การโดยการสัมมนาบุคลากรทุก
ระดับและอาจให้ตัวแทนของประชาชนมีส่วนร่วมก็จะดีมาก
หลักการวางแผนขั้นพื้นฐาน (ต่อ)
ตัวอย่างของวิสัยทัศน์ Amazon.com
Jeff Bezos เริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ โดยการขายหนังสือเป็นสินค้าชนิดแรก เนื่องจากหนังสือ
บางเล่มก็ไม่สามารถหาตามร้านหนังสือทั่วไป นอกจากนี้ยังมีที่ต้นสังกัดไม่ได้เป็นผู้จัด
จัดจาหน่าย ซึ่งเป็นทางเลือกของเขา อย่างไรก็ตาม วิสัยทัศน์ของ Bezos เริ่มมาจากการขาย
หนังสือเป็นหลักนั้นต้องการครอบคลุมไปยังการให้บริการในส่วนอื่นด้วย คือ ต้องการสร้าง
สถานที่ๆ ลูกค้าสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการซื้อได้ทุกอย่างแม้กระทั่ง อะไหล่รถยนต์
ทางบริษัทเองก็ได้พยายามขยายไปในส่วนต่างๆ เช่น CD เพลง VDO DVD การประมูลทาง
ธุรกิจ การให้บริการส่ง Electronic card ฟรี ข้อมูลภาพยนตร์ และการบริการทาง
Websites ให้เฉพาะประเทศอังกฤษและเยอรมนี
หลักการวางแผนขั้นพื้นฐาน (ต่อ)
ตัวอย่างของวิสัยทัศน์ Amazon.com (ต่อ)
รวมไปถึงการลงทุนในการขายปลีกทาง Internet เช่น Drugstore.com, Pet.com
และ Homegrocer.com อย่างไรก็ตาม การขยายขอบเขตของวิสัยทัศน์นี้ก็เพื่อต้องการให้
บริษัทเป็นศูนย์กลางของโลกสาหรับลูกค้า โดยสร้างความแตกต่างผ่านนวัตกรรมและการยึด
มั่นต่อการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
หลักการวางแผนขั้นพื้นฐาน (ต่อ)
พันธกิจ (The Mission Statement) คือ “เหตุผลในการดารงอยู่” ซึ่งการกาหนดภารกิจ
เป็นหน้าที่ของผู้บริหารและคณะกรรมการ ซึ่ง Dr. Peter Crucker แนะนาว่า “เฉพาะ
องค์การที่มีภารกิจและวัตถุประสงค์ชัดเจนเท่านั้นจึงจะสามารถมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมี
ความเป็นไปได้” ดังนั้น ไม่ว่าองค์การนั้นจะต้องการผลกาไรหรือไม่ก็ตาม พันธกิจจะเป็นสิ่งที่
บ่งบอกถึงสินค้าและการบริการที่องค์การเป็นผู้จัดจาหน่ายหรือกาลังจะทา พร้อมกับเหตุผล
ในการเลือกทาธุรกิจหรือกิจกรรมนั้นๆ
หลักการวางแผนขั้นพื้นฐาน (ต่อ)
ตัวอย่างของพันธกิจ Amazon.com
เป็นเวลาน้อยกว่า 4 ปี คือตั้งแต่ เดือนกรกฎาคม 1995 ถึง เดือนมิถุนายน 1999 ที่
Amazon.com เริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกจากไม่มีลูกค้าเลย จนมีลูกค้าเป็นจานวนมากถึง 10 ล้าน
คน แน่นอนว่านี่คือชัยชนะมากกว่าเป็นแค่พันธกิจของบริษัทที่เกี่ยวกับเวบไซต์ โดยการใช้
อินเตอร์เน็ต เพื่อการนาเสนอสินค้าที่ให้ความรู้และข้อมูลต่างๆ บริษัทจึงก่อตั้งร้านค้าออนไลน์ที่
สามารถใช้งานง่ายและมีสินค้าต่างๆ มากมายให้เลือก ซึ่งทาให้ Amazon.com เป็นมากกว่า
องค์การที่หวังผลกาไร เพราะเชื่อว่าความสาเร็จพื้นฐานมาจากความให้ความสาคัญกับผู้ถือหุ้น
เป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการแสดงถึงความสามารถของบริษัทโดยตรง และยังสร้างความแข็งแกร่ง
ให้กับบริษัทในฐานะผู้นาในตลาดที่ทาธุรกิจนี้ ดังนั้นการเป็นผู้นาทางการตลาดทาให้ได้
ค่าตอบแทนสูงขึ้น
หลักการวางแผนขั้นพื้นฐาน (ต่อ)
ความสาคัญของแผน
องค์การทางธุรกิจจะประสบความสาเร็จตามเป้าหมายได้หากมีการวางแผนไว้เป็น
อย่างดี เช่นได้กาหนดงาน กาหนดนโยบายในการดาเนินงาน กาหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ
ของบุคลากรและการใช้ทรัพยากรต่างๆ ที่จาเป็นในการดาเนินการ ฯลฯ การวางแผนจะ
อานวยประโยชน์แก่การประกอบธุรกิจ ดังนี้
1. ช่วยลดการทางานตามยถากรรม
2. ช่วยให้การทางานประสานสัมพันธ์กัน รวมทั้งลดการทางานซ้าซ้อน
3. การปฏิบัติงานตามแผนงานย่อมก่อให้เกิดการประหยัดทั้งเงินทุนและเวลา
4. ช่วยให้การตรวจสอบและการควบคุมงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ความสาคัญของแผน (ต่อ)
5. ช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่การงานของผู้บริหารให้ลดน้อยลง
6. ช่วยให้ผู้บริหารมีความเชื่อมั่นในการบริหารมากขึ้น
7. ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตรวจสอบความสาเร็จของเป้าหมายได้
8. แผนงานที่ดีจะสามารถระดมกาลังคนและทรัพยากรต่างๆ ขององค์การมาใช้อย่าง
ทั่วถึง
ลักษณะของแผนที่ดี
ลักษณะของแผนที่ดีซึ่งเป็นที่ดีซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปนั้นควรมีลักษณะดังนี้
1. มีความคล่องตัว (Flexibility) ลักษณะของแผนที่ดีต้องมีความคล่องตัวสูง สามารถ
เปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาวะแวดล้อม ตลอดจนโอกาสใหม่ๆ ที่
เกิดขึ้นได้
2. มีความครอบคลุม (Comprehensiveness ) ลักษณะของแผนมีทั้งที่เฉพาะเจาะจง
และแผนรวมกิจกรรมทั้งมวลในองค์การ ดังนั้น แผนหลักหรือแผนระยะยาวควรเป็นที่รวม
ของกิจกรรมย่อยๆ ทั้งหลายในองค์การ หรือแผนระยะสั้นทั้งหมดเข้าไว้โดยมุ่งให้บรรลุ
เป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์หลักขององค์การ
ลักษณะของแผนที่ดี (ต่อ)
3. ระยะเวลาแผน (Time Spam) แผนที่ดีควรมีกาหนดระยะเวลาการเริ่มต้นและ
การสิ้นสุดของแผนไว้อย่างชัดเจนว่า จะทาอะไร เมื่อไร และจะสิ้นสุดกิจกรรมนั้นเมื่อไร
4. มีความคุ้มค่า (Cost Effectiveness) แผนที่ดีควรมีต้นทุนต่ากว่าผลที่จะได้รับจาก
การใช้แผนนั้น โดยยึดหลักการประหยัด และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
5. มีความชัดเจน (Celerity or Specificity) แผนที่ดีต้องกาหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ใคร
จะเป็นผู้รับผิดชอบ ทาอะไร ทาเมื่อไร ทาที่ไหน ทาอย่างไร และทาเพื่ออะไร
อย่างละเอียด เพื่อให้การวางแผนไปใช้ปฏิบัติสามารถกระทาได้ประสานสอดคล้องกัน
อย่างต่อเนื่อง
ลักษณะของแผนที่ดี (ต่อ)
6. เป็นรูปแบบตามพิธีการ (Formality) แผนที่ดีต้องจัดวางขึ้นโดยผ่านขั้นตอน
กระบวนการต่างๆ อย่างครบถ้วนซึ่งจะทาให้เป็นที่ยอมรับของคนในองค์การ
7. มีเหตุมีผล (Rationality) แผนที่ดีจะต้องถูกกาหนดขึ้นอย่างมีเหตุมีผลเป็นที่ยอมรับ
ของบุคลากรทุกคนในองค์การ และสามารถปฏิบัติให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้จริง
8. มีความสอดคล้อง (Relevance) แผนที่ดีจะต้องอยู่ในกรอบของวัตถุประสงค์ และ
นโยบายที่กาหนดไว้
ลักษณะของแผนที่ดี (ต่อ)
9. มีลักษณะปกปิด (Confidentiality) แผนที่ดีจะต้องเปิดเผยรายละเอียดเฉพาะผู้ที่
รับผิดชอบในการปฏิบัติ และผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพื่อป้องกันคู่แข่งขันทางธุรกิจ
10. มีลักษณะเน้นอนาคต (Future Oriented) เพราะว่าการวางแผนคือการะบวนการ
ต่างๆ ในการตัดสินใจในปัจจุบัน เพื่อการปฏิบัติการในอนาคต ดังนั้นแผนที่ดีจึงต้อง
มุ่งเน้นการตอบสนองการปฏิบัติภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ
11. มีความต่อเนื่อง (Continuous Process) แผนที่ดีต้องมุ่งเน้นการปฏิบัติอย่าง
ต่อเนื่องตลอดจนการต่อเนื่องของแผน และการบริหารเพื่อให้องค์การก้าวไปข้างหน้า
อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเภทของการวางแผน
การจาแนกประเภทของแผน ขึ้นอยู่กับบรรทัดฐานที่นามาใช้ในการจาแนกและ
จัดแบ่งประเภท เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้งานและง่ายต่อการทาความเข้าใจ
การวางแผนอาจจาแนกเป็นประเภทต่างๆ โดยอาศัยหลักเกณฑ์ที่แตกต่างกันไป
การจาแนกประเภทของแผนที่สาคัญๆ มีดังนี้
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 จาแนกตามระดับหน่วยงาน
 จาแนกตามวัตถุประสงค์ หรือ เป้าหมาย
 จาแนกตามระยะเวลา
 จาแนกตามลักษณะการใช้
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 จาแนกตามระดับหน่วยงาน
เป็นแผนซึ่งระบุถึงระดับหน่วยงานที่กาหนดแผนและกาหนดวิธีการในการปฏิบัติตาม
แผน แผนประเภทนี้ได้แก่ แผนระดับชาติ แผนระดับกระทรวง แผนระดับกรม แผนระดับ
จังหวัด แผนระดับเขตพื้นที่การศึกษา แผนระดับโรงเรียน เป็นต้น
 จาแนกตามวัตถุประสงค์ หรือ เป้าหมาย
เป็นแผนซึ่งจัดทาขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายโดยเฉพาะ เช่น แผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนการศึกษาแห่งชาติ แผนพัฒนาชนบท แผนพัฒนาแหล่ง
อุตสาหกรรมภาคตะวันออก เป็นต้น
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 จาแนกตามระยะเวลา
แผนประเภทนี้ อาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
 แผนระยะสั้น (Short-Range Plan) คือ แผนที่ใช้ระยะเวลาดาเนินการ
ประมาณ 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี เช่น แผนปฏิบัติการประจาปี (Action Plan
or Operation Plan) ในแผนจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการดาเนินการ
สถานที่ งบประมาณ และผู้รับผิดชอบ การวางแผนระยะสั้นอาจทาในรูป
ของแผนงาน (Program) หรือ โครงการ (Project) ซึ่งมีกิจกรรมไม่
สลับซับซ้อน
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 จาแนกตามระยะเวลา (ต่อ)
 แผนระยะปานกลาง (Intermediate-Range Plan) คือ แผนที่ใช้
ระยะเวลาในการดาเนินการตั้งแต่ 3-4 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี เช่น แผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ.2550-2554) แผนปฏิบัติ
ราชการ 4 ปี เป็นต้น
 แผนระยะยาว (Long-Range Plan) คือ แผนที่ใช้ระยะเวลาในการ
ดาเนินการมากกว่า 5 ปี ขึ้นไป ในแผนจะกาหนดขอบเขตแนวทางไว้กว้างๆ
เช่น แผนการศึกษาแห่งชาติ 15 ปี เป็นต้น
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
จาแนกตามระยะเวลา
- แผนระยะสั้น (Short-Range Plan)
- แผนระยะปานกลาง (Intermediate-Range Plan)
- แผนระยะยาว (Long-Range Plan)
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 จาแนกตามลักษณะการใช้
โดยปกติองค์การหรือหน่วยงานต่างๆ จะมีแผนที่ใช้อยู่ 2 ประเภท คือ
 แผนที่มีวัตถุประสงค์เดียว (Single-Purpose planning) เป็นแผนที่ใช้
สาหรับเป็นแนวทางในการปฏิบัติเฉพาะงานหรือเฉพาะความรับผิดชอบหรือ
เป็นไปตามสภาวการณ์ ครั้นเมื่องานสาเร็จลุล่วงไปแล้วหรือสภาวการณ์
เปลี่ยนแปลงไป แผนนั้นก็จะถูกยกเลิกไม่ใช้อีกต่อไป หรืออาจเรียกว่า
“แผนชั่วคราว” เช่น แผนลดค่าเงินบาท แผนป้องกันน้าท่วม โครงการ
แพทย์อาสาสมัครเคลื่อนที่และอื่นๆ เป็นต้น
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 จาแนกตามลักษณะการใช้ (ต่อ)
 แผนที่ใช้อย่างต่อเนื่อง (Continuous-Use Planning) เป็นแผนที่ใช้
สาหรับเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องและเป็นประจาด้วย
ระยะเวลาที่ยาวนาน แม้จะมีผลกระทบต่างๆ เกิดขึ้นในขณะดาเนินงาน
แผนชนิดนี้จะไม่เปลี่ยนโครงสร้างแต่จะปรับปรุงรายละเอียดให้สามารถ
ดาเนินการต่อไปได้ หรืออาจเรียกได้ว่า “แผนถาวร” หรือ “แผนงานหลัก”
ได้แก่นโยบายต่างๆ เช่น นโยบายการพัฒนาชนบท นโยบายการป้องกัน
และปราบปรามคอมมิวนิสต์ นโยบายการลดอัตราการเกิด เป็นต้น
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
จาแนกตามลักษณะการใช้
- แผนที่มีวัตถุประสงค์เดียว (Single-Purpose planning)
- แผนที่ใช้อย่างต่อเนื่อง (Continuous-Use Planning)
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 จาแนกตามระดับการบริหารงานหน่วยงาน
แผนประเภทนี้ อาจแบ่งได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
 แผนกลยุทธ์ (Strategic Planning) เป็นแผนที่ถูกจัดทาขึ้นโดยผู้บริหาร
ระดับสูง เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายกลยุทธ์ของหน่วยงานแล้วประสาน
ไปยังผู้บริหารระดับกลาง และระดับล่าง ทาให้การวางแผนกลยุทธ์มี
ลักษณะการบริหารแบบลงล่าง (Top-Dow Planning) ที่ผู้บริหารระดับสูงมี
บทบาทสาคัญที่สุด
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 จาแนกตามระดับการบริหารงานหน่วยงาน (ต่อ)
 แผนยุทธวิธี (Tactical Planning) เป็นแผนที่เกิดจากการกระทาร่วมกัน
ระหว่างผู้บริหารระดับสูงกับผู้บริหารระดับกลางเพื่อให้หน่วยงานธุรกิจก้าว
ไปสู่ผลสาเร็จที่วางไว้ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายยุทธวิธีและสอดคล้องกับแผน
กลยุทธ์ แผนยุทธวิธี จะมีลักษณะเฉพาะเจาะจงและเป็นกิจกรรมที่ต้อง
กระทาโดยหน่วยงานย่อยซึ่งอยู่ภายในหน่วยงาน การวางแผนยุทธวิธีต้อง
อยู่ภายใต้ขอบเขตกาหนดของแผนกลยุทธ์ แต่แผนยุทธวิธีจะทาหน้าที่ใน
การผสมผสานสอดคล้องระหว่างแผนกลยุทธ์
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 จาแนกตามระดับการบริหารงานหน่วยงาน (ต่อ)
 แผนปฏิบัติการ (Operational Plans) ใช้อธิบายเป้าหมายใน
การปฏิบัติงานของหน่วยงานในลักษณะที่เป็นหน้าที่เฉพาะของหน่วยงาน
หรือ มีลักษณะที่เป็นงานที่ต้องทาเป็นประจาวันต่อวัน การวางแผน
ปฏิบัติการเป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับล่างที่จะต้องกระทาตามเป้าหมาย
ปฏิบัติการ และให้สอดคล้องกับแผนยุทธวิธี และแผนกลยุทธ์ แผนปฏิบัติ
การจึงมีลักษณะการวางแผนระยะสั้น ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่างๆ ภายใน
หน่วยงาน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ผู้บริหารสามารถควบคุมได้
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
จาแนกตามระดับการบริหารงานหน่วยงาน
- แผนกลยุทธ์ (Strategic Planning)
- แผนยุทธวิธี (Tactical Planning)
- แผนปฏิบัติการ (Operational Plans)
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 การจาแนกแผนตามหน้าที่ดาเนินงาน
การวางแผนโดยจาแนกตามหน้าที่ดาเนินงาน สามารถจาแนกแผนออกได้
เป็น 5 ชนิด ได้แก่
 แผนแม่บท (Master Plan) เป็นแผนที่เกิดจากการรวมแผนทั้งหมด
ภายในหน่วยงานเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้เห็นถึงโครงสร้างโดยรวมของการ
ปฏิบัติงานภายในหน่วยงาน และใช้เป็นแม่แบบในการวางแผนระดับรอง
ลงไปของกิจการ
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 การจาแนกแผนตามหน้าที่ดาเนินงาน (ต่อ)
 แผนหน้าที่ (Functional Plan) เป็นแผนที่ถูกวางขึ้นเพื่อเฉพาะเจาะจง
ใช้กับกลุ่มงาน แผนปฏิบัติงานจะเป็นแผนย่อยที่อยู่ในแผนใหญ่ที่เรียกว่า
แผนแม่บท แผนปฏิบัติงานจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติทราบว่า หน่วยงานจะต้องทา
อะไร ทาอย่างไร และทาเพื่ออะไร ตลอดจนแสดงเป้าหมายสุดท้ายที่
คาดหวัง เมื่อปฏิบัติตามแผนทุกอย่างหมดแล้ว การจาแนกการวางแผนตาม
หน้าที่นี้ สามารถจาแนกแผนย่อยออกได้เป็นแผนด้านบุคลากร แผนด้าน
การผลิต แผนด้านการตลาด และแผนด้านการเงิน
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 การจาแนกแผนตามหน้าที่ดาเนินงาน (ต่อ)
 แผนงานโครงการ (Project) เป็นแผนที่หน่วยงานทาขึ้นเพื่อตอบสนอง
นโยบาย เกี่ยวกับกิจกรรมใหญ่ของหน่วยงานเฉพาะครั้ง (เป็นกิจกรรมที่
นานๆ ทาที มิใช่ทาเป็นประจาสม่าเสมอ) ซึ่งต้องใช้ปัจจัยเป็นจานวนมาก
จากหน่วยงานต่างๆ หลายๆ หน่วยงาน การวางแผนงานโครงการจะช่วยให้
หน่วยงานย่อยแต่ละหน่วยงานรู้หน้าที่ และความรับผิดชอบของตนมี
การประสานสัมพันธ์อันดี ซึ่งจะทาให้งานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 การจาแนกแผนตามหน้าที่ดาเนินงาน (ต่อ)
 แผนสรุป (Comprehensive Plan) เป็นแผนที่จัดทาขึ้นเพื่อสรุปรวม
แผนหน้าที่ตลอดจนแผนงานโครงงานที่หน่วยงานกระทา โดยอาจจาแนก
เป็นหมวดหมู่ หรือจาแนกตามขอบเขตของงานหรือระดับความซับซ้อนใน
การปฏิบัติ เพื่อให้ง่ายต่อการทาความเข้าใจ การวางแผนประเภทนี้ จะเห็น
ได้ชัดในการวางแผนบริหารประเทศของรัฐบาล ตัวอย่างเช่น
แผนสาธารณสุข แผนการจัดการศึกษา เป็นต้น
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 การจาแนกแผนตามหน้าที่ดาเนินงาน (ต่อ)
 แผนกิจกรรม (Activity Planning) เป็นแผนที่จัดทาขึ้นเพื่อแสดงให้เห็น
ตารางเวลาของการปฏิบัติงาน (Schedule) แผนกิจกรรมจะแสดงให้เห็นว่า
แต่ละหน่วยงานย่อยในหน่วยงานมีหน้าที่รับผิดชอบในการดาเนินกิจกรรม
อะไร ในช่วงเวลาใดบ้าง กิจกรรมนั้นจะเริ่มต้นเมื่อไร และจะต้องดาเนิน
กิจกรรมต่อเนื่องกับหน่วยงานใดบ้างหรือไม่ เพื่อให้งานนั้นแล้วเสร็จ
บรรลุผลสาเร็จ ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
การจาแนกแผนตามหน้าที่ดาเนินงาน
- แผนแม่บท (Master Plan)
- แผนหน้าที่ (Functional Plan)
- แผนงานโครงการ (Project)
- แผนสรุป (Comprehensive Plan)
- แผนกิจกรรม (Activity Planning)
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 จาแนกตามความถี่ของการนาแผนไปใช้
การจาแนกประเภทของแผนวิธีนี้ จะแบ่งแผนออกได้ เป็น 2 ประเภท ดังนี้
 แผนหลัก (Standing Plan) (หรืออาจเรียกได้ว่าแผนยืนพื้น แผนถาวร
หรือแผนประจา) เป็นแนวคิด หลักการ หรือแนวทางปฏิบัติในการกระทา
กิจกรรมบางอย่างภายในหน่วยงาน ซึ่งต้องมีการกระทาซ้าบ่อยๆ แผนหลัก
หรือแผนประจานี้ จะถูกนามาใช้ได้หลายๆครั้งโดยไม่มีการกาหนดอายุ
(ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงสภาวการณ์ทั้งภายในและภายนอกเป็นเกณฑ์)
แผนหลักหรือแผนประจาจึงต้องเป็นเครื่องมือสาหรับผู้บริหารในการ
ตัดสินใจแก้ไขปัญหาระหว่างฝ่ายต่างๆ
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
 จาแนกตามความถี่ของการนาแผนไปใช้ (ต่อ)
 แผนใช้เฉพาะครั้ง (Single-Use Plan) หมายถึง แผนที่เตรียมขึ้นอย่าง
เฉพาะเจาะจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวแล้วจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น
อีก (one time Goal) เมื่อบรรลุผลตามที่กาหนดแล้วจะเลิกใช้แผนนั้นๆ
แต่ถ้าสถานการณ์เอื้ออานวยจะนากลับมาใช้ใหม่อีกก็ได้
ประเภทของการวางแผน (ต่อ)
จาแนกตามความถี่ของการนาแผนไปใช้
- แผนหลัก (Standing Plan)
- แผนใช้เฉพาะครั้ง (Single-Use Plan)
สรุป ประเภทของการวางแผน
จากการจาแนกประเภทของแผน หากพิจารณาแผนที่หน่วยงานทางการศึกษาใน
ระดับเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนต้องดาเนินการแล้ว แผนที่มีความสาคัญและ
จาเป็นต้องดาเนินการไม่ว่าจะคานึงถึงบริบทของหน่วยงาน วัตถุประสงค์และเป้าหมาย
ระยะเวลา คือแผนกลยุทธ์ที่ต้องมุ่งพัฒนาหน่วยงานไปสู่อนาคตที่สอดคล้องกับนโยบาย
หน่วยเหนือและตามความต้องการของหน่วยงาน รวมถึงบริบทที่เปลี่ยนไปโดยใช้
ศักยภาพภายในและสภาพแวดล้อมภายนอก ช่วยหนุนเสริมผลักดันให้หน่วยงานบรรลุ
วัตถุประสงค์และภารกิจที่กาหนดไว้
คุณลักษณะของแผนที่ดี
 แผนต้องมีความจาเพาะเจาะจง
 แผนต้องสามารถประเมินผลเป็นตัวเลขได้
 แผนต้องเป็นที่ยอมรับขององค์การ
 แผนต้องมีแนวโน้มของความสาเร็จ
 แผนต้องมีการกาหนดระยะเวลาที่ชัดเจน
คุณลักษณะของแผนที่ดี (ต่อ)
 แผนต้องมีความจาเพาะเจาะจง
ความจาเพราะเจาะจงในที่นี้หมายถึง ความสามารถของแผนที่กาหนดขึ้นสาหรับ
โครงการนั้น สามารถที่จะแจกแจงการปฏิบัติงานของโครงการได้อย่างเจาะจงหรือไม่ เช่น
โครงการจัดสัมมนา ควรมีการวางแผนตั้งแต่การกาหนดวัน, กาหนดสถานที่จัดประชุม,
กาหนดผู้ดาเนินการ, วิทยากร, คณะทางาน, การจัดเอกสาร, หนังสือเชิญเข้าร่วมสัมมนา,
จัดสรรงบประมาณ, การจัดรายการอาหาร ฯลฯ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาอันดับ
แรกของแผน เพราะหากไม่มีการระบุให้เฉพาะเจาะจงลงไปตรงตามรูปแบบและลักษณะ
ของโครงการเราก็อาจมองข้ามปัญหาที่ยากต่อการแก้ไขหากดาเนินการตามแผนที่ไม่รัดกุม
คุณลักษณะของแผนที่ดี (ต่อ)
 แผนต้องสามารถประเมินผลเป็นตัวเลขได้
แผนที่ดีจะต้องสามารถประเมินหรือวัดค่าของงานต่าง ๆ ออกมาได้ เช่น
การดาเนินการของโครงการแบ่งเป็น 4 ช่วง ช่วงแรกของการดาเนินการคิดเป็น 20 % ช่วง
ที่ 2 คิดเป็น 50 % ช่วงที่ 3 คิดเป็น 75 % และช่วงสุดท้ายคิดเป็น 100 % หากเริ่ม
ปฏิบัติงานตามแผนจริง แล้ววัดค่าของการดาเนินงานได้ตามเปอร์เซ็นต์ที่กาหนด ก็เชื่อได้
ว่ามีการวางแผนไปในทิศทางที่ถูกต้อง
คุณลักษณะของแผนที่ดี (ต่อ)
 แผนต้องเป็นที่ยอมรับขององค์การ
แผนที่วางไว้สาหรับโครงการนั้น ถึงแม้จะเลิศหรูเพียงใด แต่หากขาดการยอมรับ
จากองค์การก็ถือเป็นแผนที่ไม่ดีขึ้นมาได้เช่นกัน สาหรับการยอมรับหรือไม่ยอมรับของ
องค์การนั้น นอกจากจะเป็นเรื่องการตัดสินใจของคณะผู้บริหารและทีมงานแล้ว ยัง
เกี่ยวเนื่องกับผู้วางแผนโดยตรง
คุณลักษณะของแผนที่ดี (ต่อ)
 แผนต้องเป็นที่ยอมรับขององค์กร (ต่อ)
ในการอธิบายถึงวิธีการและรูปแบบของแผนต้องชัดเจนแจ่มแจ้ง เพื่อให้องค์การ
นั้นเกิดความเข้าใจและยอมรับโครงการนั้นๆ ผู้วางแผนโครงการจะต้องให้ความสาคัญต่อ
การอธิบายถึงแผนการด้วย การนาเสนอต่อบอร์ดหรือที่ประชุมด้วยเทคนิคและข้อมูลที่พรั่ง
พร้อม เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริหารระดับสูงและแจกแจงงานต่อผู้ร่วมทีมที่มีหน้าที่
รับผิดชอบให้เข้าใจถึงบทบาทและหน้าที่เพื่อเกิดความเข้าใจในงานและยอมรับแผนการ
ทางาน
คุณลักษณะของแผนที่ดี (ต่อ)
 แผนต้องมีแนวโน้มของความสาเร็จ
โครงการต่างๆ โดยหลักจะต้องมีการกาหนดเป้าหมายของโครงการไว้ตั้งแต่
แรกเริ่ม เพราะฉะนั้นแผนที่ดีจะต้องมีแนวโน้มมุ่งไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ เช่น การจะรณรงค์
ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนนั้นขับรถด้วยความระมัดระวัง ก็จะต้องวางแผนทั้งการรณรงค์ทางสื่อ
ต่างๆ เช่น ประกาศทางโทรทัศน์ วิทยุ เดินรณรงค์อย่างต่อเนื่องและชัดเจน หรือหาก
ดาเนินธุรกิจด้านการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกต่างประเทศ ก็จะต้องมีแผนการดาเนินการ ระบุ
กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจัดส่งสินค้าว่าสามารถดาเนินการได้หรือไม่ เพราะหากเราเพียงแค่
วางแผนแล้วพบว่า จะไม่ประสบผลสาเร็จ ก็อาจจะพักหรือยกเลิกโครงการนั้นไปก่อน
คุณลักษณะของแผนที่ดี (ต่อ)
 แผนต้องมีการกาหนดระยะเวลาที่ชัดเจน
โครงการต่างๆ นั้นจะต้องมีวงจรชีวิตของโครงการ คือ มีเริ่มและมีจบ
เพราะฉะนั้นในช่วงอายุของโครงการจะต้องมีการวางแผนที่กาหนดเวลาอย่างชัดเจน แผน
ที่ดีจะต้องบอกได้ว่าจะเริ่มต้นงานในช่วงเวลาใดเสร็จสิ้นงานในเวลาใด ช่วงใดของโครงการ
ที่จะเป็นช่วงเริ่ม ช่วงดาเนินการ ช่วงตรวจสอบ และช่วงสรุปผล การกาหนดระยะเวลาที่
ชัดเจนนี้ นอกจากจะส่งผลให้ทราบถึงการดาเนินการของโครงการที่เป็นระบบ ยังเป็นการ
แจกแจงงานให้ผู้ร่วมงานนั้น สามารถปฏิบัติงานได้อย่างตรงตามเวลาและตรงเป้าหมาย
ของแผน
เทคนิคในการวางแผน
ในการวางแผนนั้น นอกจากที่จะใช้แนวทางจากแนวคิดหลักในเบื้องต้น ยังต้อง
ผสมผสานไปกับความชานาญและประสบการณ์ของผู้วางแผน นอกจากนี้ยังสามารถใช้
เครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ออกแบบ และสามารถถ่ายทอดแผนที่กาหนดขึ้นมาให้ผู้
ร่วมทีมสามารถเข้าใจและรับงานไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
สาหรับเครื่องมือที่ถือเป็นเทคนิคหลักในการออกแบบการวางแผน โดยส่วนใหญ่ก็
จะต้องใช้แผนภูมิ ผังงาน ตารางงาน ซึ่งมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของการเก็บ
ข้อมูลงานประเภทต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์งาน การจัดกระบวนการงาน
การมอบหมายงาน หรือแม้กระทั่งการนาเสนอและใช้ในการควบคุม การทางานให้ตรง
ตามแผนได้อย่างดีเยี่ยม
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
สาหรับเทคนิคที่จะช่วยให้การวางแผนนั้นสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ
จะต้องมีการจัดลาดับของการทางานดังต่อไปนี้
วิเคราะห์และแยกแยะงานทั้งหมดของโครงการ
 ปรับโครงสร้างการจาแนกงาน
ลงรายละเอียดข้อมูลในแผนภูมิการทางาน
จัดลาดับงานสาหรับแผนปฏิบัติการ
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 วิเคราะห์และแยกแยะงานทั้งหมดของโครงการ
อันดับแรกสุดในกระบวนการวางแผนนั้นจะต้องมีการกาหนดงานที่จะเกิดขึ้นใน
โครงการให้เด่นชัดก่อน เพื่อที่เราจะสามารถแยกแยะหรือจัดกระบวนการของงานได้ โดย
ส่วนใหญ่การวิเคราะห์งานที่จะต้องปฏิบัตินั้น ควรที่จะมีการระดมความคิดจากผู้เชี่ยวชาญ
หลายๆ ด้านที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะครอบคลุมงานทุกด้านของโครงการ และเป็นที่ยอมรับใน
ทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า องค์กร หรือผู้ร่วมงาน
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 ปรับโครงสร้างการจาแนกงาน
เพื่อให้เห็นถึงโครงสร้างของงานที่ชัดเจน จะต้องนาเอาข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากการ
วิเคราะห์งานมาจัดในรูปแบบของโครงสร้างการจาแนกงาน ซึ่งมีลักษณะของแผนภาพ
ที่อธิบายถึงงานและหน้าที่ตลอดจนผู้รับผิดชอบในสายการปฏิบัติงาน
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 ปรับโครงสร้างการจาแนกงาน (ต่อ)
เป็นแผนภาพโครงสร้างการจาแนกงาน ที่ได้มีการแยกแยะงานออกเป็นส่วนต่างๆ
ลักษณะของแผนภาพจะเป็นการระบุถึงงานต่าง ๆ ของโครงการ โดยเริ่มกาหนดเป้าหมาย
ที่ต้องการไว้ในระดับบนสุด ซึ่งก็คือ ระดับ 0 เป็นการสารวจความคิดเป็นของสุภาพสตรีที่มี
ต่อผลิตภัณฑ์เสริมความงาม จากนั้นจะมีการแบ่งแยกงานที่ทาออกเป็น 2 รายการหลัก ที่
ระดับ 1 คือ งานทางด้านแบบสอบถาม และงานด้านการรายงาน หากมีงานที่สามารถแยก
ย่อยออกมาได้อีก จะถูกกาหนดระดับเป็นระดับ 2 สาหรับงานในระดับนี้ จากตัวอย่างก็คือ
การออกแบบสอบถาม กับการเก็บข้อมูลในด้านของแบบสอบถาม
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 ปรับโครงสร้างการจาแนกงาน (ต่อ)
ส่วนด้านการรายงาน จะประกอบไปด้วยงานทางด้านโปรแกรมกับรายงาน จะเห็น
ได้ว่า เมื่อนาข้อมูลด้านการปฏิบัติงานมาเขียนในรูปแบบของโครงสร้างการจาแนกงาน จะ
ช่วยให้เราทราบถึง กระบวนการหรือโครงสร้างของงานที่เป็นภาพรวมทั้งหมด หากมีจุดใด
ที่ต้องการกาหนด หรือควบคุมในด้านงบประมาณ หรือการสลับสับเปลี่ยนตาแหน่งงานก็
สามารถทาได้โดยง่าย
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การลงรายละเอียดของข้อมูลในแผนภูมิการปฏิบัติงาน
จากโครงสร้างจาแนกงาน ถึงแม้จะช่วยให้เราทราบถึงภาพรวมของงานของ
โครงการที่เข้าใจง่าย แต่ก็ยังต้องมีการปรับรายละเอียดของการนาเสนอที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะในรายละเอียดของงานและผู้รับผิดชอบ นอกจากนี้ยังต้องมีการแสดงถึงกาหนด
ของเวลาที่ใช้ในการปฏิบัติงานด้วยจึงจะทาให้การวางแผนนั้นแสดงรายละเอียดได้อย่าง
ครบถ้วน
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การลงรายละเอียดของข้อมูลในแผนภูมิการปฏิบัติงาน (ต่อ)
ดังนั้น การลงรายละเอียดจะอาศัยข้อมูลที่กาหนดจากโครงสร้างจาแนกงาน มา
จัดรูปแบบของการนาเสนอใหม่ ให้ประกอบไปด้วย ลักษณะการทางานของผู้รับผิดชอบ
และระยะเวลาที่ใช้ในการปฏิบัติงานต่าง ๆ โดยจะได้แนะนาถึง
1. การลงรายละเอียดในแผนภูมิแบบเมตริกซ์
2. การลงรายละเอียดในแผนภูมิแบบแกนต์
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การลงรายละเอียดของข้อมูลในแผนภูมิการปฏิบัติงาน (ต่อ)
1. การลงรายละเอียดในแผนภูมิแบบเมตริกซ์
แผนภูมิแบบเมตริกซ์ของการสารวจ
ความคิดเห็นของสุภาพสตรีต่อ
ผลิตภัณฑ์ความงาม
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การลงรายละเอียดของข้อมูลในแผนภูมิการปฏิบัติงาน (ต่อ)
1. การลงรายละเอียดในแผนภูมิแบบเมตริกซ์ (ต่อ)
ในการอ่านรายละเอียดของแผนภูมิ จะเห็นว่า ดนุพลมีหน้าที่หลักในการ
รับผิดชอบงานที่ 2 และ 2.2 ซึ่งก็คือการรายงานและการจัดเตรียมรายงาน นอกจากนี้ยังมี
หน้าที่ที่ต้องคอยสนับสนุนงาน 1.0 แบบสอบถาม ที่มี นพวรรณ เป็นผู้รับผิดชอบหลัก
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การลงรายละเอียดของข้อมูลในแผนภูมิการปฏิบัติงาน (ต่อ)
2. การลงรายละเอียดในแผนภูมิแบบแกนต์
แผนภูมิแบบแกนต์ เป็นแผนภูมิที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีการลง
รายละเอียดที่ง่าย และสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว โดยรูปแบบของแผนภูมิก็จะประกอบ
ไปด้วย ข้อมูลที่เกี่ยวกับงานที่ต้องปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบ ระยะเวลาของการดาเนินการ ดังนั้น
ก่อนที่จะมีการเขียนแผนภูมิแบบแกนต์ขึ้นมาสาหรับการวางแผนจะต้อง กาหนดงานหรือ
กิจกรรมที่ต้องปฏิบัติให้ได้ก่อน พร้อมทั้งระบุระยะเวลาของงาน เช่น จากโครงการสารวจ
ความคิดเห็นของสุภาพสตรีต่อผลิตภัณฑ์ความงาม สามารถระบุรายละเอียดลงในแผนภูมิ
แบบแกนต์
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การลงรายละเอียดของข้อมูลในแผนภูมิการปฏิบัติงาน (ต่อ)
2. การลงรายละเอียดในแผนภูมิแบบแกนต์
แผนภูมิแบบแกนต์ของการสารวจความคิดเห็น
ของสุภาพสตรีต่อผลิตภัณฑ์ความงาม
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การลงรายละเอียดของข้อมูลในแผนภูมิการปฏิบัติงาน (ต่อ)
2. การลงรายละเอียดในแผนภูมิแบบแกนต์
จากรูปเป็นการแสดงรายละเอียดที่บ่งบอกให้ทราบถึง
การดาเนินการ: แสดงรายการของกิจกรรมหรืองานที่ต้องปฏิบัติในโครงการ การลง
ข้อมูลในแผนภูมิจะต้องลงรายละเอียดในส่วนนี้ให้ครบถ้วนก่อน เพื่อที่จะได้พิจารณาการจัด
เวลา โดยรวมให้เห็นเด่นชัด ก่อนที่จะระบุรายละเอียดจริง เช่น มีงานทั้งหมด 13 งาน แต่
ภายในระยะเวลา 30 วัน งานในลาดับที่ 8 ควรที่จะใช้เวลามากเนื่องจากต้องออกเก็บข้อมูล
ก็สามารถกาหนดระยะเวลาก่อนได้
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การลงรายละเอียดของข้อมูลในแผนภูมิการปฏิบัติงาน (ต่อ)
2. การลงรายละเอียดในแผนภูมิแบบแกนต์
จากรูปเป็นการแสดงรายละเอียดที่บ่งบอกให้ทราบถึง
ผู้รับผิดชอบ: ระบุถึงผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในงานต่างๆ
ระยะเวลา: แสดงระยะเวลาทั้งหมดของโครงการหรืออายุของโครงการ
เมื่อต้องการระบุรายละเอียดของเวลาที่ใช้ไปในการปฏิบัติงาน ก็ใช้การลากเส้นให้
สัมพันธ์กันกับเวลาที่ได้กาหนดให้งานแต่ละงาน โดยรายละเอียดของเส้นก็จะบอกให้เรา
ทราบถึงการเริ่มต้นของงานและสิ้นสุด ใช้เวลาไปมากน้อยเท่าใด
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การลงรายละเอียดของข้อมูลในแผนภูมิการปฏิบัติงาน (ต่อ)
2. การลงรายละเอียดในแผนภูมิแบบแกนต์
จากรูปเป็นการแสดงรายละเอียดที่บ่งบอกให้ทราบถึง
เช่น ในงานที่ 6 การจัดพิมพ์แบบสอบถาม เริ่มต้นวันที่ 6 สิ้นสุดวันที่ 7 ใช้ระยะเวลาใน
การปฏิบัติงานทั้งสิ้น 2 วัน
แต่หากนาไปปฏิบัติจริงแผนที่กาหนดในแผนภูมิแกนต์ ก็อาจจะต้องมีการ
ปรับเปลี่ยนหรือคลาดเคลื่อนของช่วงเวลาได้ เนื่องจากอาจเกิดความล่าช้าจากการปฏิบัติงาน
ในส่วนต่างๆ เช่น เครื่องถ่ายเอกสารชารุด ทาให้ไม่สามารถได้งานในเวลาที่กาหนด
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การจัดลาดับงานของแผนปฏิบัติการ
ผังงานแบบเครือข่าย เป็นผังงานที่ใช้ในการแสดงการจัดระบบของการปฏิบัติงาน
บอกให้ทราบถึงขั้นตอนจากงานหนึ่งไปสู่งานหนึ่ง หรือหลายๆ งาน รูปแบบที่ใช้กัน
โดยทั่วไป แบ่งเป็น
1. ผังงานเครือข่ายแบบกล่อง
2. ผังงานเครือข่ายแบบลูกศร
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การจัดลาดับงานของแผนปฏิบัติการ
ผังงานแบบเครือข่าย เป็นผังงานที่ใช้ในการแสดงการจัดระบบของการปฏิบัติงาน
บอกให้ทราบถึงขั้นตอนจากงานหนึ่งไปสู่งานหนึ่ง หรือหลายๆ งาน รูปแบบที่ใช้กัน
โดยทั่วไป แบ่งเป็น
1. ผังงานเครือข่ายแบบกล่อง
รูปแบบผังงานเครือข่ายแบบกล่อง จะเป็นการระบุถึงกิจกรรมหรืองานที่ต้อง
ปฏิบัติในกรอบสี่เหลี่ยมดังรูป
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การจัดลาดับงานของแผนปฏิบัติการ (ต่อ)
1. ผังงานเครือข่ายแบบกล่อง (ต่อ)
ลักษณะของข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในกล่องจะต้องประกอบไปด้วย คาอธิบายลักษณะ
งานที่ต้องปฏิบัติ ซึ่งก็คือ "การรวบรวมสมาชิก" ส่วนตัวเลขที่อยู่ในกรอบเล็ก จะบอกให้
ทราบถึงลาดับขั้นของการ
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การจัดลาดับงานของแผนปฏิบัติการ (ต่อ)
1. ผังงานเครือข่ายแบบกล่อง (ต่อ)
เป็นลาดับที่ 7 โดยที่กล่อง 1 กล่องจะเป็นการเก็บข้อมูลของการปฏิบัติงานเพียง
1 งานเท่านั้น แต่หากมีงานที่ต้องปฏิบัติอีกหลายๆ งาน ก็จะใช้การเขียนรายละเอียดของ
งานและลาดับการทางานเป็นแต่ละส่วน
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การจัดลาดับงานของแผนปฏิบัติการ (ต่อ)
1. ผังงานเครือข่ายแบบกล่อง (ต่อ)
หากงานนั้นมีความสัมพันธ์กัน ก็จะใช้การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ด้วยลูกศร เช่น
เริ่มต้นการทางานด้วยการล้างรถ แต่งานจะสาเร็จหรือสิ้นสุดก็ต่อเมื่อได้มีการเช็ดรถให้แห้ง
ดังรูป
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การจัดลาดับงานของแผนปฏิบัติการ (ต่อ)
1. ผังงานเครือข่ายแบบกล่อง (ต่อ)
จากผังงานเครือข่ายแบบกล่อง จะแสดงให้เราทราบถึงการปฏิบัติงานในการออกร้านหรือ
จัดบูธสินค้า โดยเริ่มจากการรวบรวมสมาชิก และจัดซื้ออุปกรณ์
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การจัดลาดับงานของแผนปฏิบัติการ (ต่อ)
1. ผังงานเครือข่ายแบบกล่อง (ต่อ)
จากนั้นจึงจะสามารถสร้างบูธ แล้วดาเนินการตกแต่ง และงานจะเสร็จสิ้นก็ต่อเมื่อได้มี
การรื้อถอนบูธและจัดการเก็บกวาดทาความสะอาดพื้นที่
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การจัดลาดับงานของแผนปฏิบัติการ
2. ผังงานเครือข่ายแบบลูกศร
รูปแบบของผังงานเครือข่ายแบบลูกศร จะแสดงรูปแบบของการปฏิบัติงานโดยใช้
ลูกศรเป็นเครื่องมือในการชี้ทิศทางของการทางาน และเขียนกิจกรรมหรืองานกากับไว้ที่
เส้น ดังรูป
ลักษณะของลูกศร 1 เส้น จะใช้ในการแสดงกิจกรรมหรืองาน เพียง 1 อย่าง โดย
กาหนดจุดเริ่มต้นที่ท้ายลูกศร, จุดสิ้นสุดหรือการทางานต่อไปที่ตาแหน่งการชี้ของหัวลูกศร
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การจัดลาดับงานของแผนปฏิบัติการ (ต่อ)
2. ผังงานเครือข่ายแบบลูกศร (ต่อ)
ในกรณีที่มีกิจกรรมหรืองานที่มากกว่าหนึ่ง จะต้องมีการเพิ่มลาดับของการทางาน
ขึ้นมาโดยจะจัดการเขียนให้อยู่ในรูปแบบของตัวเลขภายในเส้นวงกลม จัดวางไว้ที่
ตาแหน่งเริ่มหรือทางด้านเส้นของลูกศรที่ไม่ใช่หัวลูกศร ตัวเลขที่ระบุนั้นจะบอกให้
ทราบว่าเป็นงานในลาดับที่เท่าไหร่ แต่ไม่ได้หมายถึงจานวนของกิจกรรมหรืองาน เช่น
จากการทางานเช็ดและล้างรถ เป็นการทางานแบบลาดับและมีความสัมพันธ์กันในงาน
ทั้งคู่ หากเขียนในรูปแบบของผังงานเครือข่ายแบบลูกศร แสดงได้ดังนี้
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การจัดลาดับงานของแผนปฏิบัติการ (ต่อ)
2. ผังงานเครือข่ายแบบลูกศร (ต่อ)
การเริ่มต้นของงานจะเริ่มจากจุดด้านปลายลูกศร ซึ่งเรียกว่า เป็นงานก่อนหน้า
และจุดด้านหัวลูกศร จะเป็นการเสร็จสิ้นของงาน เช่น การทางานก่อนหน้าการล้างรถ ที่
เริ่มจากจุดของหมายเลข 1 นั้นไม่มี แต่จะจบการทางานนี้ในจุดที่ 2 จากนั้นเริ่มการทางาน
เช็ดรถ ซึ่งเริ่มจากจุดที่ 2 และเสร็จสิ้นในจุดที่ 3 ซึ่งหมายความว่า การล้างรถคืองานก่อน
หน้าของการเช็ดรถ ซึ่งต้องปฏิบัติให้เสร็จก่อนมิฉะนั้นจะไม่สามารถปฏิบัติงานในการเช็ด
รถได้
เทคนิคในการวางแผน (ต่อ)
 การจัดลาดับงานของแผนปฏิบัติการ (ต่อ)
2. ผังงานเครือข่ายแบบลูกศร (ต่อ)
และจากการทางานของการออกบูธสินค้า เราสามารถนามาเขียนในรูปแบบผังงาน
เครือข่ายแบบลูกศรได้ดังรูป
โครงการกับการวางแผน
สิ่งสาคัญต่อการประกอบธุรกิจหรือบริหารโครงการนั้น นอกจากจะมีการเลือก
ดาเนินงาน หรือกิจการที่ถนัดแล้ว จุดสาคัญก็คือการวางแผน เพื่อวางแนวทางการทางาน
ของธุรกิจหรือโครงการนั้นๆ ไปพร้อมกันด้วย เชื่อแน่ว่าทุกท่านก็ต้องเคยวางแผนให้กับ
ชีวิตของตนเองง่ายๆ เช่น วันนี้จะทาอะไร ตื่นนอน กินข้าว ไปทางาน แวะซื้อของ เสร็จ
ไปหนึ่งวัน นี่ก็เป็นการวางแผนซึ่งไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแต่ประการใด
โครงการกับการวางแผน (ต่อ)
แต่ในการประกอบธุรกิจหรือบริหารโครงการนั้นความยากของการวางแผน
กลับมาตกอยู่ที่ความละเอียดและรอบคอบต่อการคิดแผนที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้านของ
กิจการหรือโครงการ ที่จาเป็นต้องคานึงถึงความเป็นไปได้ ผลกระทบที่เกิดขึ้น แนวทาง
สาหรับการแก้ปัญหา หรือกาหนดตัวผู้รับผิดชอบ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้ทั้งสมอง
และหลักการทางด้านทฤษฎีเข้ามาประกอบกัน
“ความล้มเหลวของโครงการ คือการวางแผนที่ล้มเหลว”
เคยมีคากล่าวที่บอกว่า "ความล้มเหลวของโครงการ คือ การวางแผนที่ล้มเหลว"
ซึ่งถือเป็นคากล่าวที่ฟันธงได้เลยว่า หากคุณอยากจะประสบความสาเร็จในการดาเนินงาน
ของโครงการต่างๆ สิ่งแรกที่จะบ่งบอกได้ว่าโครงการจะต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน หรือ
ดาเนินการต่อไปก็คือ การวางแผน เพราะการวางแผน เป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงการปฏิบัติ หรือ
แนวทางที่จะพุ่งเป้าไปสู่ความสาเร็จของโครงการ หลายๆ โครงการที่ไม่มีการวางแผนที่ดี
เมื่อดาเนินการไปก็จะพบกับความบกพร่องหรือช่องโหว่ในการทางาน ซึ่งอาจนาไปสู่
ความล้มเหลวได้หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
การวางแผนโครงการ
การวางแผนโครงการ (Project planning) คือ ความพยายามที่จะคาดคะเนเวลาและ
ค่าใช้จ่าย ที่จะใช้ในการดาเนินงานโครงการใดโครงการหนึ่ง นอกจากนี้ยังรวมถึง
ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ การกาหนดขั้นตอนในการทางาน กิจกรรมที่
จะต้องทา เวลาที่ใช้ในแต่ละกิจกรรม รวมทั้งบุคลากรที่เหมาะสมในแต่ละกิจกรรมด้วย
ในแต่ละโครงการควรจะวางแผนในรายละเอียดให้มาก ก่อนที่จะเริ่มทางานจริงและเมื่อ
ดาเนินงานจริงแล้ว ควรมีการติดตามและควบคุมให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ด้วย
สาหรับการกาหนดแผนงานและออกแบบโครงการจะประกอบไปด้วยกิจกรรมต่างๆ
ได้แก่ การวิเคราะห์การออกแบบและการพัฒนาโปรแกรม การเตรียมเอกสาร
การฝึกอบรม และการปฏิบัติงานจริง
การวางแผนโครงการ (ต่อ)
ซึ่งแต่ละกิจกรรมก็จะประกอบด้วยงานย่อยแยกอีก ได้แก่ การคาดคะเนและ
กาหนดระยะเวลา การเตรียมตารางการปฏิบัติงาน คาดคะเนและจัดสรรค่าใช้จ่าย
ผลประโยชน์ที่จะได้รับ เป็นต้น
ขั้นตอนการวางแผนโครงการ
ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: เป้าหมายโครงการ
โครงการจะประสบความสาเร็จ เมื่อผู้จัดการโครงการมีความเข้าใจความต้องการ
ของผู้มีส่วนได้เสียอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นใคร? โดยตรงหรือ
ผลกระทบทางอ้อมจากโครงการ
ขั้นตอนการวางแผนโครงการ (ต่อ)
ในฐานะที่เป็นขั้นตอนแรกก็เป็นสิ่งที่สาคัญในการระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการของ
คุณ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอเพื่อระบุ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโครงการโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ผลกระทบทางอ้อม ตัวอย่างของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย คือ
 ผู้สนับสนุนโครงการ
 ลูกค้าที่จะใช้บริการ หรือผู้รับการส่งมอบงาน
 ผู้ที่ได้รับผลกระทบโครงการทั้งจากทางบวก และทางลบ
 ผู้จัดการโครงการและทีมงานโครงการ
ขั้นตอนการวางแผนโครงการ (ต่อ)
ขั้นตอนที่ 2 : การส่งมอบโครงการ
การใช้เป้าหมายที่คุณได้กาหนดไว้ในขั้นตอนที่ 1 การสร้างรายชื่อของสิ่งที่
โครงการต้องการเพื่อส่งมอบ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น ระบุเวลาและวิธีการแต่ละ
รายการจะต้องส่งมอบ งานที่จะส่งมอบเพื่อการวางแผนโครงการ มีวันที่ส่งมอบ
โดยประมาณ และพยามปรับให้ถูกต้องมากขึ้น วันที่ส่งมอบจะถูกจัดตั้งขึ้นในระหว่าง
ขั้นตอนการตั้งเวลาการทางานขณะดาเนินโครงการ
ขั้นตอนการวางแผนโครงการ (ต่อ)
ขั้นตอนที่ 3 : กาหนดการของโครงการ
สร้างรายการของงานที่ต้องมีการดาเนินการสาหรับการส่งมอบแต่ละช่วงที่ระบุไว้ใน
ขั้นตอนที่ 2 สาหรับแต่ละงานระบุต่อไปนี้
 ปริมาณของงานที่ต้องมีความพยายาม (ชั่วโมงหรือวัน) ที่จาเป็นเพื่อให้งานสาเร็จ
 ทรัพยากรที่จะ Carryout งานให้สามารถเดินไปได้
ขั้นตอนการวางแผนโครงการ (ต่อ)
ขั้นตอนที่ 3 : กาหนดการของโครงการ (ต่อ)
ปัญหาที่พบบ่อยค้นพบที่จุดนี้ คือ เมื่อโครงการมีการกาหนดเส้นตายการจัดส่งที่เรียกเก็บ
จากสปอนเซอร์ที่ไม่ได้เป็นจริง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการประมาณการของคุณ ถ้าคุณพบว่าเป็น
กรณีนี้คุณต้องติดต่อสปอนเซอร์ให้ได้ทันที ตัวเลือกที่คุณมีอยู่ในสถานการณ์นี้ คือ
 กาหนดการเจรจา (ล่าช้าของโครงการ)
 จ้างลูกจ้างแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม (ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น)
 ลดขอบเขตของโครงการ (ส่งมอบน้อยกว่า)
ขั้นตอนการวางแผนโครงการ (ต่อ)
ขั้นตอนที่ 4 : แผนการสนับสนุน
ข้อเสนอส่วนที่มีแผนการควรสร้างให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการวางแผน
สิ่งเหล่านี้สามารถกาหนดได้โดยตรงในขั้นตอนการวางแผนการซึ่งประกอบด้วย
แผนการใช้ทรัพยากรมนุษย์
ระบุชื่อบุคคลและองค์การที่มีบทบาทนาในโครงการ สาหรับแต่ละขั้นตอนอธิบาย
บทบาทและความรับผิดชอบในโครงการถัดไป อธิบายจานวน และประเภทของคนที่จาเป็นใน
การ Carryout โครงการ สาหรับทรัพยากรที่มีรายละเอียดแต่ละวันเริ่มต้นระยะเวลาประมาณ
และวิธีการที่คุณจะใช้สาหรับการให้ได้พวกเขามาช่วย
ขั้นตอนการวางแผนโครงการ (ต่อ)
ขั้นตอนที่ 4 : แผนการสนับสนุน (ต่อ)
แผนการสื่อสาร
สร้างรายการเอกสารที่จะต้องมีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ และวิธีการที่
พวกจะได้รับข้อมูลที่สื่อสาร กลไกที่นิยมมากที่สุด คือ รายการสัปดาห์ หรือ รายการรายเดือน
รายงานความคืบหน้า การอธิบายว่าโครงการมีประสิทธิภาพ, เหตุการณ์สาคัญที่
ประสบความสาเร็จ และการทางานที่มีการวางแผนไว้สาหรับช่วงถัดไป
ขั้นตอนการวางแผนโครงการ (ต่อ)
ขั้นตอนที่ 4 : แผนการสนับสนุน (ต่อ)
แผนบริหารความเสี่ยง
การบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนสาคัญของการจัดการโครงการ แม้ว่าผู้จัดการ
โครงการส่วนใหญ่มักจะมองข้าม เป็นสิ่งสาคัญในการระบุความเสี่ยงเป็นจานวนมากใน
โครงการของคุณ ทั้งที่เป็นไปได้และสิ่งที่จะต้องเตรียม ถ้าเกิดสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้น
นี่คือตัวอย่างของความเสี่ยงโครงการที่มีร่วมกัน คือ
• เวลาและค่าใช้จ่ายประมาณการมองในแง่ดีมากเกินไป
• การขอความคิดเห็นของลูกค้าและรอบความคิดเห็นช้าเกินไป
ขั้นตอนการวางแผนโครงการ (ต่อ)
นี่คือตัวอย่างของความเสี่ยงโครงการที่มีร่วมกัน คือ (ต่อ)
• การถูกตัดงบประมาณโดยไม่คาดคิด
• ไม่มีบทบาทและความรับผิดชอบที่ชัดเจน
• ไม่มีการป้อนข้อมูลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ต้องการ หรือความต้องการของ
พวกเขาจะเข้าใจอย่างไม่ถูกต้อง
• เปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลังจากที่โครงการได้เริ่มต้น
• ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพิ่มข้อกาหนดใหม่หลังจากโครงการได้เริ่มต้นขึ้น
• การสื่อสารที่แย่เกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนปัญหาด้านคุณภาพและ
การทางานซ้า
• ขาดความต่อเนื่องของทรัพยากร
Chapter : 3 Practices Operational Planning (บทที่ 3 แนวทางการวางแผนการปฏิบัติงาน)

More Related Content

More from Aj.Mallika Phongphaew

บทที่ 6 การสนทนา
บทที่ 6 การสนทนาบทที่ 6 การสนทนา
บทที่ 6 การสนทนาAj.Mallika Phongphaew
 
บทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่อง
บทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่องบทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่อง
บทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่องAj.Mallika Phongphaew
 
บทที่ 4 การอ่านตีความ
บทที่ 4 การอ่านตีความบทที่ 4 การอ่านตีความ
บทที่ 4 การอ่านตีความAj.Mallika Phongphaew
 
บทที่ 3 หลักการอ่าน
บทที่ 3 หลักการอ่านบทที่ 3 หลักการอ่าน
บทที่ 3 หลักการอ่านAj.Mallika Phongphaew
 
บทที่ 2 การฟัง
บทที่ 2 การฟังบทที่ 2 การฟัง
บทที่ 2 การฟังAj.Mallika Phongphaew
 
บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาไทย
บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาไทยบทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาไทย
บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาไทยAj.Mallika Phongphaew
 

More from Aj.Mallika Phongphaew (6)

บทที่ 6 การสนทนา
บทที่ 6 การสนทนาบทที่ 6 การสนทนา
บทที่ 6 การสนทนา
 
บทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่อง
บทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่องบทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่อง
บทที่ 5 ปัญหาและข้อบกพร่อง
 
บทที่ 4 การอ่านตีความ
บทที่ 4 การอ่านตีความบทที่ 4 การอ่านตีความ
บทที่ 4 การอ่านตีความ
 
บทที่ 3 หลักการอ่าน
บทที่ 3 หลักการอ่านบทที่ 3 หลักการอ่าน
บทที่ 3 หลักการอ่าน
 
บทที่ 2 การฟัง
บทที่ 2 การฟังบทที่ 2 การฟัง
บทที่ 2 การฟัง
 
บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาไทย
บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาไทยบทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาไทย
บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาไทย
 

Chapter : 3 Practices Operational Planning (บทที่ 3 แนวทางการวางแผนการปฏิบัติงาน)