SlideShare a Scribd company logo
1 of 22
ข้อสอบกายวิภาคศาสตร์พื้นฐาน อาจารย์สุรศักดิ์ สิงห์
ชัย พิษณุโลก
...........................................................................................................................
..................................
1. ระบบโครงกระดูก ( skeletal system) ของมนุษย์มีกี่ชิ้น
1. 602 ชิ้น
2. 206 ชิ้น
3. 260 ชิ้น
4. 260 ชิ้น
2. หน้าที่ของกระดูกที่สำาคัญคือ
1. เป็นโครงของร่างกาย
2. ป้องกันอวัยวะสำาคัญ เช่น กระโหลกศีรษะป้องกันสมอง
แหล่งสร้างเม็ดเลือดแดง โดยสร้างจาก ไขกระดูก“Bone
Marrow”
3. แหล่งสะสมแร่ธาตุต่างๆ เช่นแคลเซี่ยมฟอสเฟต
4. ถูกทุกข้อ
3. ข้อต่อไปนี้ผิด กระดูกแกนกลาง(Axial skeleton) คือ (ยกเว้น)
1. กระดูกแขน(Humerus)
2. กระดูกขา(Femur)
3. กระดูกซี่โครง(Ribs)
4. กระดูกสันหลัง(Axial skeleton)
4. กระดูกระยางค์ (Appendicular skeleton) ประกอบไปด้วย..
(ยกเว้น)
1. กระดูกสันหลัง(Axial skeleton)
2. กระดูกต้นแขน (Humerus)
3. กระดูกต้นขาขา (Femur)
4. กระดูกซี่โครง (Ribs)
5. ข้อต่อไปนี้คือกระดูกแข็ง (compact bones)
1. กระดูกต้นขาขา (Femur)
2. กระดูกอ่อนไฮอะลีนหรือกระดูกอ่อนขาว (Hyaline
cartilage)
3. กระดูกอ่อนใบหู และ ฝาปิดกล่องเสียง
4. กระดูกหมอนกระดูกสันหลัง และข้อต่อหัวหน่าว
6. การแบ่งตามลักษณะรูปร่างของกระดูก ดังนี้
1. กระดูกยาว (Long bones)
2. กระดูกสั้น (Short bones)
3. กระดูกแบน (Flat bones)
4. ถูกทุกข้อ
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
1
7. กระดูกสันหลังช่วงอก(Thoracic Vertebrae) มี ทั้งหมดกี่ชิ้น
1. มี 5 ชิ้น
2. มี 12 ชิ้น
3. มี 7 ชิ้น
4. มี 4 - 5 ชิ้น
8. กระหม่อมด้านหน้า (Anterior fontanel)จะมีกระดูกหน้าผาก
และกระดูกด้านข้างศรีษะมาต่อกัน เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน
กระหม่อมนี้จะปิดตอนอายุ เท่าไร
1. อายุ 14 เดือน
2. อายุ 34 เดือน
3. อายุ 24 เดือน
4. อายุ 4 เดือน
9. ลักษณะการเคลื่อนไหวของกระดูกคอ(Cervical Vertebrae)
ดังนี้
1. พยักหน้าใช้กระดูกกะโหลกศรีษะและกระดูกคอ
ระหว่างชิ้นที่ 1
2. เอียงคอไปด้านซ้ายและด้านขวาใช้กระดูกคอทั้ง 5
ชิ้น
3. ส่ายหน้าใช้กระดูกคอระหว่างชิ้นที่ 6 และ 2
4. หันหน้าไปทางซ้ายและทางขวาใช้กระดูกคอชิ้นที่ 4
ชิ้น
10. กระดูกสันหลัง(Axial skeleton)ส่วนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ
1. กระดูกสันหลังช่วงอก(Thoracic Vertebrae)
2. กระดูกสันหลังช่วงคอ (Cervical Vertebrae)
3. กระดูกสันหลังช่วงเอว(Lumbar Vertebrae)
4. กระดูกกระเบนเหน็บ(Sacrum)
11. ส่วนประกอบของกระดูก (Bone composition) คือดังนี้
1. คือ กระดูกทึบ (Compact bone or Dense bone)
2. กระดูกโปร่ง (Spongy bone or Cancellous bone)
3. กระดูกสั้น (Short bones)
4. ข้อ 1 และ ข้อ 2 ถูก
12. กระดูกหน้าอก(Sternum)มีกระดูกกี่ชิ้น
1. มีกระดูก 1 ชิ้น
2. มีกระดูก 2 ชิ้น
3. มีกระดูก 3 ชิ้น
4. มีกระดูก 4 ชิ้น
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
2
13. ข้อต่อไปนี้คือกระดูกสะบัก
1. Clavicle
2. Radius
3. Scapula
4. Ulna
14. กระดูกเชิงกรานคือข้อต่อไปนี้
1. Femur
2. Patella
3. Tibia
4. Ilium
15. การเคลื่อนไหวของข้อต่อกระดูกได้ระนาบเดียว (แบบบานพับ)
Hinge joint คือ..
1. ข้อศอก ข้อเข่า
2. ข้อมือ กระดกขึ้น - ลง เอียงซ้าย – ขวา
3. ข้อไหล่ ข้อสะโพก กางออก – หุบเข้า หมุนเข้าใน –
หมุนออกนอก
4. ไม่ข้อถูก
16. กล้ามเนื้อที่อยู่ในอำานาจสั่งการของจิตใจคือ....
1. กล้ามเนื้อหัวใจ (Cadiac muscle)
2. กล้ามเนื้อเรียบ (Smooth muscle)
3. กล้ามเนื้อลาย (Striated muscle)
4. ถูกทุกข้อ
17. คุณสมบัติของกล้ามเนื้อมีดังนี้ (ยกเว้น)
1. มีความรู้สึกต่อสิ่งเร้า คือ สามารถรับและตอบสนองต่อ
สิ่งเร้า
2. มีความสามารถเปลี่ยนรูปร่างให้สั้น หนา และแข็งได้
3. มีความยืดหยุ่นคล้ายยาง (Elasticity)
4. เป็นโครงสร้างของร่างกาย
18. ส่วนประกอบของกล้ามเนื้อคือ
1. นำ้าประมาณ 75 %
2. โปรตีนประมาณ 10 %
3. เกลือแร่ / ไกลโคเจน / และไขมัน ประมาณ 5 %
4. ถูกทุกข้อ
20. กล้ามเนื้อในร่างกายทั้งหมด จะมีอยู่ประมาณ ….. มัด
1. มีทั้งหมด 972 มัด
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
3
2. มีทั้งหมด 927 มัด
3. มีทั้งหมด 782 มัด
4. มีทั้งหมด 792 มัด
21. กล้ามเนื้อในร่างกายที่อยู่ในอำานาจสั่งการของจิตใจใน
ร่างกายมีกี่มัด
1. มีทั้งหมด 972 มัด
2. มีทั้งหมด 696 มัด
3. มีทั้งหมด 672 มัด
4. มีทั้งหมด 662 มัด
22. กล้ามเนื้อสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนคือ
1. Sternocleidomastoid
2. Deltoid
3. Pectoralis major
4. Trapezius
23. กล้ามเนื้อหน้าท้อง(Rectus abdominis) มีแนวขวาง แบ่งเป็น
ร่องเล็กๆ มีกี่มัด
1. มีทั้งหมด 6 มัด
2. มีทั้งหมด 7 มัด
3. มีทั้งหมด 8 มัด
4. มีทั้งหมด 9 มัด
24. การหดตัวของกล้ามเนื้อลาย แบ่งออกได้เป็น .....กี่แบบ
1. แบ่งออกเป็น 1 แบบ
1. แบ่งออกเป็น 2 แบบ
1. แบ่งออกเป็น 3 แบบ
1. แบ่งออกเป็น 4 แบบ
25. การหดตัวของกล้ามเนื้อลายแบบ Isotonic contraction
คือ....
1. การเดิน การวิ่ง
2. การนอนยกนำ้าหนัก
3. การโหนบาร์ดึงข้อ
4. ถูกทุกข้อ
26. ข้อต่อไปนี้ ทำาหน้าที่เหยียดขา กางขา
1. Quadriceps femoris
2. Hamstrings
3. Gastrocnemius
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
4
4. Gluteus maximus
27. กล้ามเนื้อที่ทำาหน้ที่กระดกปลายเท้าขึ้น – ลง คือ
1. Gastrocnemius
2. Gluteus maximus
3. Tibialis anterior
4. Hamstrings
28. ข้อต่อไปนี้ผิด (ยกเว้น)
1. กล้ามเนื้อลาย (Striated muscle)หรือกล้ามเนื้อใน
อำานาจจิตใจ
2. กล้ามเนื้อหัวใจ (Cadiac muscle) ควบคุมได้โดย
จิตใจ
3. กล้ามเนื้อเรียบ (Smooth muscle)หรือกล้ามเนื้อที่สั่ง
การทำางานได้อำานาจจิตใจ
4. กล้ามเนื้อลาย (Striated muscle)หรือกล้ามเนื้อที่ไม่
อยู่ในอำานาจจิตใจ
29. หน้าที่ของระบบไหลเวียนข้อใดถูก (ยกเว้น)
1. ขนส่งอาหารและออกซิเจน (O2) ให้ออกจากทุกเซลล์
2. ช่วยลำาเรียงฮอร์โมนและเอ็นไซม์ ไปให้เซลล์ เพื่อ
ช่วยในการเผาผลาญของเซลล์
3. ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ
(Temperature regulation)
4. ป้องกัน และทำาลายเชื้อโรค ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน
(Antibodies) ให้กับร่างกาย
30. เลือดประกอบด้วย
1. (Red blood cells)
2. White blood cells
3. Blood platelets
4. ถูกทุกข้อ
31. เม็ดเลือดแดง (Red blood cells) มีอายุกี่วัน......
1. มีอายุ 112 วัน
2. มีอายุ 102 วัน
3. มีอายุ 120 วัน
4. มีอายุ 212 วัน
32. เม็ดเลือดแดง (Red blood cells) ถูกสร้างจากที่ใด
1. ไขกระดูกสันหลัง
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
5
2. กระดูกกระเบนเหน็บ(Sacrum)
3. สมอง (Brain)
4. ไขกระดูก“Bone Marrow” เช่นบริเวณกระดูก
สะโพก
33. เม็ดเลือดขาว (White blood cells) มีกี่ชนิด
1. มี 5 ชนิด
2. มี 3 ชนิด
3. มี 4 ชนิด
4. มี 2 ชนิด
34. เม็ดเลือดขาวชนิดที่จับเชื้อจุลินทรีย์เข้าสู่ร่างกาย คือ...
1. Lymphocyte
2. Neutrophil
3. Monocyte
4. Basophil
35. เม็ดเลือดขาวชนิดที่จับเฉพาะ antigen-antibody complex
เท่านั้น ในรายที่มี พยาธิ์ (parasitic infection) คือ...
1. Lymphocyte
2. Monocyte
3. Basophil
4. Eosiophil
36. หน้าที่ของเกร็ดเลือด (Blood platelets)ที่สำาคัญคือ.....
1. มีสารที่สำาคัญ ทำาให้เลือดมีอุณหภูมิ คงที่
2. มีสารที่สำาคัญ ทำาให้เลือดสลายจากที่เป็นก้อน
3. มีสารที่สำาคัญ ทำาให้เลือดจับตัวกันเป็นก้อน
4. มีสารที่สำาคัญ ทำาให้เลือดจับไหลเวียนได้สะดวกขึ้น
37. เกร็ดเลือด (Blood platelets) ,มีอายุอยู่ได้กี่วัน.....
1. อายุ 3 - 5 วัน
2. อายุ 7 - 10 วัน
3. อายุ 7 - 8 วัน
4. อายุ 8 - 10 วัน
38. ค่าปกติในผู้ใหญ่ ชีพจร (Pulse) จะเต้นประมานกี่ครั้งต่อ 1
นาที
1. ประมาณ 50 - 80 ครั้ง
2. ประมาณ 60 - 90 ครั้ง
3. ประมาณ 75 - 90 ครั้ง
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
6
4. ประมาณ 70 - 80 ครั้ง
39. การจับชีพจร จะจับลงบนหลอดเลือดใด
1. หลอดเลือดแดง (Arteries)
2. หลอดเลือดดำา (Veins)
3. เส้นประสาทสมอง (Cranial nerve)
4. เส้นประสาทไขสันหลัง(Spinal neve)
40. เลือดดำาจะถูกดูดเข้าสู่หัวใจห้องใดเป็นลำาดับแรก
1. หัวใจห้องบนขวา (Right atrium)
2. หัวใจห้องล่างขวา (Right ventricle)
3. หัวใจห้องบนซ้าย (Left atrium)
4.หัวใจห้องล่างซ้าย (Left ventricle)
41. หัวใจห้องใดที่ทำาหน้าที่บีบตัวจ่ายเลือดแดงออกจากหัวใจ
1. หัวใจห้องล่างขวา (Right ventricle)
2. หัวใจห้องบนซ้าย (Left atrium)
3. หัวใจห้องล่างซ้าย (Left ventricle)
4. หัวใจห้องบนขวา (Right atrium)
42. ระบบประสาทส่วนกลาง (Central nervous system)
ประกอบไปด้วย
1. สมอง (Brain)
2. ไขสันหลัง (Spinal cord)
3. ก้านสมอง(Brain stem)
4. ถูกเฉพาะข้อ 1 - 2
43. ข้อต่อไปนี้เป็นโครงสร้างของระบบประสาท
1. ระบบประสาทส่วนกลาง (Central nervous
system)
2. ระบบประสาทส่วนปลาย (Peripheral nervous
system)
3. ข้อ 1 กับ ข้อ 2 ถูก
4. (Peripheral nervous system)
44. ข้อต่อไปนี้ถูก ยกเว้น...
1. ส่วนหน้า(Frontal lobe) เกี่ยวข้องกับการทรงจำา
ความนึกคิด สติปัญญา และการเคลื่อนไหวของ
ร่างกาย
2. ส่วนกลาง(Parietal lobe) เกี่ยวข้องกับการรับรู้
ความรู้สึกเช่น ร้อน , เย็น ,เจ็บปวด , สัมผัส และ
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
7
ตำาแหน่งของข้อต่อต่างๆ
3. ส่วนข้าง(Temporal lobe) เกี่ยวข้องกับการได้ยิน
การแปลความหมายที่ได้ยิน
4. ส่วนหลัง(Occipital lobe) เกี่ยวข้องกับการโศกเศร้า
ดีใจ ภาวะอารมย์
45. ก้านสมอง(Brain stem) ทำาหน้าที่ดังนี้ ยกเว้น...
1. ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ
2. ควบคุมการเต้นของหัวใจ
3. ควบคุมการหดและขยายตัวของหลอดเลือด
4. ควบคุมอุณหภูมิ
46. ความยาวของไขสันหลัง(Spinal cord) คือ
1. ยาวประมาณ 18 นิ้ว
2. ยาวประมาณ 19 นิ้ว
3. ยาวประมาณ 20 นิ้ว
4. ยาวประมาณ 21 นิ้ว
47. ข้อต่อไปนี้ผิด หน้าที่สำาคัญของเส้นประสาททั้งขาขึ้น(Motor
neuron) ยกเว้น...
1. รับความรู้สึกจากส่วนต่างๆของร่างกาย แล้วส่งไปที่
สมอง
2. รับความรู้สึกจากส่วนต่างๆของร่างกาย แล้วส่งไปที่
กล้ามเนื้อลาย
3. รับความรู้สึกจากส่วนต่างๆของร่างกาย แล้วส่งไปที่
หัวใจ
4. รับความรู้สึกจากส่วนต่างๆของร่างกาย แล้วส่งไปที่
ปอด
48. ข้อต่อไปนี้คือหน้าที่ของระบบประสาท
1. ตอบสนองสิ่งเร้าที่มากระตุ้น
2. ควบคุมการทำา งานของอวัยวะต่าง ๆ
3. ข้อ 1. และข้อ 2. ถูก
4. ถูกเฉพาะข้อ 1.
49. ระบบประสาทส่วนปลาย (Peripheral nervous system)
ประกอบไปด้วย
1. เส้นประสาทที่แยกออกจากสมอง คือประสาทสมอง
(Ceanial nerve)
2. ไขสันหลัง (Spinal cord)
3.ระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic nervous
system)
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
8
4. ถูกเฉพาะข้อ 1 - 3
50. สมองใหญ่(Cerebrum) แบ่งเป็น 2 ซีก ระบบการทำางานคือ...
1. ซีกซ้ายควบคุมการทำางานของร่างกายซีกซ้าย
2. ซีกขวาก็จะควบคุมการทำางานของร่างกายซีกขวา
3. ซีกขวาก็จะควบคุมการทำางานของร่างกายซีกซ้าย
4. ซีกขวาก็จะควบคุมการทำางานของร่างกายทั้งหมด
51. สมองส่วนที่ควบคุมความทรงจำา ความรู้สึกนึกคิดคือ....
1. ส่วนกลาง(Parietal lobe)
2. ส่วนข้าง(Temporal lobe)
3. ส่วนหลัง(Occipital lobe)
4. ส่วนหน้า(Frontal lobe)
52. สมองส่วนที่ควบคุมความร้อน - เย็น เจ็บปวดและตำาแหน่งของ
ข้อต่อต่างๆ ได้แก่
1. ส่วนกลาง(Parietal lobe)
2. ส่วนหลัง(Occipital lobe)
3. ส่วนข้าง(Temporal lobe)
4. ส่วนหน้า(Frontal lobe)
53. ข้อต่อไปนี้คือ หน้าที่ของก้านสมอง(Brain stem)
1. ควบคุมความร้อน - เย็น เจ็บปวดและตำาแหน่งของ
ข้อต่อต่างๆ
2. ควบคุมความทรงจำา ความรู้สึกนึกคิดคือ....
3. ควบคุมการทำางานของร่างกายทั้งหมด
4. เป็นศูนย์กลางควบคุมการหายใจ และการเต้นของ
หัวใจ
54. หน้าที่ของไขสันหลัง(Spinal cord)คือ
1. ควบคุมความร้อน - เย็น เจ็บปวดและตำาแหน่งของ
ข้อต่อต่างๆ ได้แก่
2. ควบคุมการทำางานของร่างกายทั้งหมด
3. เป็นทางเดินของเส้นประสาททั้งขาขึ้น(Motor
neuron) และขาลง (Sensory neuron)
4. ควบคุมความร้อน - เย็น เจ็บปวดและตำาแหน่งของข้อ
ต่อต่างๆ
55. ระบบย่อยอาหาร(The Digestive system) ประกอบไป
ด้วย.....
1. ปาก (Mouth) หลอดคอ (Pharyng)
2. หลอดคอ (Pharyng) ท่อทางเดินอาหาร(Esophagus)
3. กระเพาะอาหาร (Stomach)
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
9
4. ถูกทุกข้อ
56. ภาวะที่ร่างกายมีธัยร็อกซินน้อยไป (Hypothyroxin) ผลคือ
1. ในทารก ทำาให้เกิดร่างกายแคระแกรน เจริญเติบโต
ช้า กล้ามเนื้อไม่มีแรง
2. ในผู้ใหญ่ ทำาให้เกิดอาการบวมใสใต้ผิวหนังแลดู
คล้ายเทียนไขกล้ามเนื้อไม่มีแรง
3. ร่างกายผอม นำ้าหนักลด กินจุ อ่อนแอ ตอบสนองต่อสิ่ง
เร้ามากและไวขึ้น
4. ถูกเฉพาะข้อ 1 และ ข้อ 2
57. ระบบประสาทอัตโนมัติ(Autonomic nervous system) มีผล
ต่อระบบต่างๆดังนี้
1. ผลต่อหัวใจ ประสาทซิมพาเทติกทำาให้หัวใจเต้นเร็ว
และแรง
2. ผลต่อหัวใจ ประสาทซิมพาเทติกทำาให้หัวใจเต้นช้า
และตำ่า
3. พาราซิมพาเทติกทำาให้หัวใจเต้นเร็วและแรง
4. ซิมพาเทติกทำาให้หัวใจเต้นช้าและเบา
58. ระบบประสาทซิมพาเทติก(Sympathetic) มีผลดังนี้
1. ซิมพาเทติก(Sympathetic) ทำาให้หลอดลมขยายตัว
2. ซิมพาเทติก(Sympathetic) ทำาให้หลอดเลือดหดตัว
เล็กน้อย
3. ซิมพาเทติก(Sympathetic) ทำาให้ความดันโลหิตสูง
ขึ้น
4. ถูกทุกข้อ
59. ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก(Parasympathetic) มีผลดังนี้
1. พาราซิมพาเทติก (Parasympathetic) ทำาให้หัวใจ
เต้นช้าและเบา
2. พาราซิมพาเทติก (Parasympathetic) ทำาให้ม่านตา
หดเล็ก
3. พาราซิมพาเทติก (Parasympathetic) ทำาให้หลอด
เลือดขยายเล็กน้อย
4. ถูกทุกข้อ
60. ท่อทางเดินอาหาร(Esophagus) ส่วนปลายล่างสุดเชื่อมต่อกับ
อวัยวะใด
1. ลำาไส้เล็ก
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
10
2. ลำาไส้ใหญ่
3. กระเพาะอาหาร
4. ตับ
60. เส้นประสาทไขสันหลัง(Spinal neve)ระดับคอ (Cervical) มี
กี่คู่
1. มี 5 คู่
2. มี 6 คู่
3. มี 7 คู่
4. มี 8 คู่
61. เส้นประสาทไขสันหลัง(Spinal neve)ระดับอก (Thoracic) มี
กี่คู่
1. มี 10 คู่
2. มี 12 คู่
3. มี 14 คู่
4. มี 16 คู่
62. เส้นประสาทไขสันหลัง(Spinal neve)ระดับเอว (Lumbar) มีกี่
คู่
1. มี 3. คู่
2. มี 4 คู่
3. มี 5 คู่
4. มี 6 คู่
63. หน้าที่ของเส้นประสาทไขสันหลัง(Spinal neve) ข้อต่อไปนี้
ถูกต้อง
1. เป็นทางเดินของสารอาหารทุกชนิด
2. เป็นศูนย์ควบคุมการหายใจ
3. เป็นทางเดินของกระแสเลือด
4. ทำาหน้าที่เป็นทางผ่าน Conduction path way รับ
กระแสความรู้สึกไปสู่สมอง และส่งความรู้สึก
ออกจากสมอง ไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย
64. หน้าที่ของเส้นประสาทไขสันหลัง(Spinal neve) มีดังต่อไปนี้
1. เส้นประสาทช่วง L1-L4 เลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณหลัง
ส่วนบน
2. เส้นประสาทช่วง C1-C5 เลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณศรีษะ
บางส่วนของไหล่และกระบังลม
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
11
3. เส้นประสาทช่วง C5-T1 เป็นร่างแหประสาทแขน
เลี้ยงหัวไหล่ แขน และเท้า
4. เส้นประสาทช่วง T1-T12 เลี้ยงบริเวณหน้าอก หลัง
ท้อง และศรีษะบางส่วน
65. หน้าที่สำาคัญของกระเพาะอาหาร
1. เป็นที่เก็บอาหารไว้ ก่อนที่จะผ่านเข้าสู่ลำาไส้ อาหาร
จะถูกเปลี่ยนแปลงโดยกลวิธีต่างๆ จน
จนกลายสะภาพเป็นของเหลวเล็กน้อยเรียก
ว่า(Chyme)
2. เคลื่อนไหว (Gastric motility) เพื่อคลุกเคล้าอาหาร
ให้สัมผัสกับนำ้าย่อย และส่งอาหารที่อยู่ใน
สภาพของ (Chyme) ไปสู่ลำาไส้เป็นระยะๆ
ในอัตราความเร็วที่พอเหมาะ ทั้งนี้เพื่อให้ลำาไส้มี
โอกาสย่อยและดูดซึมอาหารได้ดี
3. ขับนำ้าย่อยในกระเพาะอาหาร (Gastric juice) ซึ่งเป็น
นำ้าใสๆ มีคุณสมบัติเป็นกรด ความ
ความถ่วงจำาเพาะ 1.002 – 1.003
4. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา
66. ลำาไส้เล็ก (Small intestine)ลำาไส้เล็กส่วนต้น(Duodnum)
เป็นลำาไส้เล็กที่ต่อจากกระเพาะอาหาร มีความ
มีความยาวทั้งสิ้นเท่าไร
1. มีความยาวทั้งสิ้น 8 นิ้ว
2. มีความยาวทั้งสิ้น 10 นิ้ว
3. มีความยาวทั้งสิ้น 12 นิ้ว
4. มีความยาวทั้งสิ้น 15 นิ้ว
67. ลำาไส้เล็ก (Small intestine)ลำาไส้เล็กส่วนกลาง(Jejunum)
เป็นลำาไส้เล็กที่ต่อจากต้น(Duodnum) มีความ
มีความยาวทั้งสิ้นเท่าไร
1. มีความยาวทั้งสิ้น 12 ฟุต
2. มีความยาวทั้งสิ้น 10 นิ้ว
3. มีความยาวทั้งสิ้น 9 ฟุต
4. มีความยาวทั้งสิ้น 8 นิ้ว
68. ลำาไส้เล็ก (Small intestine)ลำาไส้เล็กส่วนปลาย(ileum) เป็น
ลำาไส้เล็กที่ต่อจากส่วนกลาง(Jejunum) มีความ
มีความยาวทั้งสิ้นเท่าไร
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
12
1. มีความยาวทั้งสิ้น 9 ฟุต
2. มีความยาวทั้งสิ้น 9 นิ้ว
3. มีความยาวทั้งสิ้น 9 นิ้ว
4. มีความยาวทั้งสิ้น 12 ฟุต
69. หน้าที่สำาคัญของลำาไส้เล็ก ข้อต่อไปนี้ ถูกต้อง (ยกเว้น)
1. หลั่งนำ้าย่อยออกมาย่อยอาหาร (Digestive
function)
2. การเคลื่อนไหว (Intestinal motility) เพื่อคลุกเคล้า
อาหารให้เข้ากับนำ้าย่อยต่างๆ
3. ถูกเฉพาะข้อ 1. กับข้อ 2.
4. ไม่มีข้อถูก
70. ลำาไส้ใหญ่ (Large intestine) มีความยาว ดังนี้
1. ความยาวทั้งหมด 5 ฟุต
2. ความยาวทั้งหมด 6 ฟุต
3. ความยาวทั้งหมด 8 ฟุต
4. ถูกเฉพาะข้อ 1.
71. Ascending colon ข้อต่อไปนี้ถูกต้อง
1. เป็นส่วนที่ทอดขึ้นมาทางขวาของช่องท้อง จนถึงใต้
ตับ โค้งไปทางซ้าย ส่วนโค้งนี้ เรียกว่า
Hepatic flexure
2. เป็นส่วนที่ทอดต่อจาก Hepatic flexure ทอดขวางไป
ตามช่องท้อง ไปจนถึงด้านซ้ายของช่อง
แล้วแล้วทอดโค้งไปใต้ส่วนของปลาย
speen ส่วนโค้งนี้เรียกว่า Splenic flexure
3. เป็นส่วนที่ต่อจาก Splenic flexure ทอดลงมาข้างล่าง
ทางซ้ายของช่องท้องจนถึง
left iliac rigion ตรงระดับ crest of ileum
4. ถูกเฉพาะข้อ 1.
72. Rectum คือส่วนที่ต่อมาจาก (Singmoid colon) เป็น
ลำาไส้ใหญ่ส่วนตรง เป็นส่วนที่พองโตขยายตัวได้มากกว่าส่วน
อื่นๆ เพื่อเก็บอุจจาระได้มากมีความยาวประมาณ ……….. นิ้ว
1. ความยาวทั้งหมด 5 ฟุต
2. ความยาวทั้งหมด 5 นิ้ว
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
13
3. ความยาวทั้งหมด 4 ฟุต
4. ความยาวทั้งหมด 6 ฟุต
73. ระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine System) ทำาหน้าที่ควบคุมอวัยวะ
ภายในร่างกายให้ทำางานประสานงานกัน
ข้อต่อไปนี้ถูกต้อง
1. ระบบนี้จะทำาหน้าที่นอกเหนือไปจากการทำางานของ
ระบบประสาท
2. การกระทำาของต่อมไร้ท่อให้ผลช้าแต่ทำางานนานกว่า
ระบบประสาท
3. โดยอาศัยสารเคมีที่ต่อมไร้ท่อผลิตขึ้นมาที่เรียกว่า
ฮอร์โมน (Hormone)
4. ถูกทั้ง หมดทุกข้อ
73. การกระตุ้นต่อมธัยรอยด์ให้สร้าง Thyroxin เพิ่มขึ้น เป็นผลมา
จาก ข้อใด
1. ต่อมใต้สมอง (Pituitary Gland)
2. ต่อมธัยรอยด์ (Thyroid Gland)
3. ถูกเฉพาะข้อ 1.
4. ถูกเฉพาะข้อ 2.
75. ต่อมธัยรอยด์ (Thyroid Gland) มีหน้าที่ๆสำาคัญคือ
1. ผลิตฮอร์โมนที่สำาคัญคือธัยร็อกซิน (Thyroxin)
2. กระตุ้นให้เซลเม็ดสีสร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้น
3. กระตุ้นการตกไข่และสร้างฮอร์โมนเพศหญิงและชาย
4. กระตุ้นการขยายเต้านมสำาหรับหญิงที่มีครรภ์
76. ถ้ามีธัยร็อกซินน้อยไป (Hypothyroxin) ผลที่เกิดขึ้นคือ
1. ในทารก ทำาให้เกิดร่างกายแคระแกรน เจริญเติบโต
ช้า
2. ในผู้ใหญ่ ทำาให้เกิดอาการบวมใสใต้ผิวหนังแลดู
คล้ายเทียนไข
3. เกิดโรคคอพอกชนิดธรรมดา
4. ถูกทั้ง หมดทุกข้อ
77. ถ้ามีธัยร็อกซินมากเกินไป (Hyperthyroxin) ผลที่เกิดขึ้นคือ
1.ร่างกายผอม นำ้าหนักลด กินจุ อ่อนแอ ตอบสนองต่อสิ่ง
เร้ามากและไวขึ้น
2. เกิดโรคคอพอกชนิดธรรมดา
3. เกิดโรคคอพอกชนิดเป็นพิษ
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
14
4. ถูกเฉพาะข้อ 1. ข้อ 3.
78. ฮอร์โมนเพศชาย ที่สำาคัญคือ
1. โปรเจสเตอโรน (Progesterone)
2. เอสโตรเจน (Estrogen)
3. เทสทอสเตอโรน (Testosterone)
4. ถูกเฉพาะ ข้อ 1. ข้อ 2.
79. ถ้าตัดอัณฑะออกจะทำาให้เกิดผลดังต่อไปนี้
1. ในเด็ก - ทำาให้อวัยวะสืบพันธ์ไม่เจริญ
2. ทำาให้อัตราการเจริญเติบโตของกระดูกเพิ่มขึ้น
3. ควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนเพศชาย
4. ถูกทั้ง หมดทุกข้อ
80. ถ้าตัดอัณฑะออกจะทำาให้เกิดผลดังต่อไปนี้
1. ในเด็ก - ทำาให้อวัยวะสืบพันธ์ไม่เจริญ
2. มีไขมันสะสมมากขึ้น แขนขาสั้นผิดปกติ
3. ไม่มี Secondary sexual characteristic
4. ถูกเฉพาะ ข้อ 1. ข้อ 3.
82. ฮอร์โมนเพศหญิง คือข้อต่อไปนี้
1. เอสโตรเจน (Estrogen)
2. และโปรเจสเตอโรน (Progesterone)
3. เทสทอสเตอโรน (Testosterone)
4. ถูกเฉพาะ ข้อ 1. ข้อ 2.
83. ถ้าตัดรังไข่ออกจะทำาให้เกิดผลดังต่อไปนี้
1. มีลักษณะคล้ายชาย
2. มีความรู้สึกทางเพศเพิ่มขึ้น
3. มีไขมันสะสมมากขึ้น แขนขายาวผิดปกติ
4. กระตุ้นการสร้างโปรตีนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเอ็นไซม์
84. หน้าที่สำาคัญของ อัณฑะ (Testis) และถุงอัณฑะ (Scrotum)
1. ปรับอุณหภูมิภายในถุงอัณฑะให้เหมาะแก่การเจริญ
เติบโตของอสุจิ คือ
เซลเซียส ประมาณ 34 องศา
2. สร้างฮอร์โมนเพศชาย ที่สำาคัญคือ เทสทอสเตอโรน
(Testosterone)
3. ควบคุมการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธ์
4. ควบคุมการหลั่งของฮอร์โมน Hormone กระตุ้นต่อม
ธัยรอยด์ให้สร้าง Thyroxin เพิ่มขึ้น
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
15
85. ขั้นตอนในการสร้างตัวอสุจิและการหลั่งนำ้าอสุจิ มีดังนี้
1. เริ่มจากหลอดสร้างตัวอสุจิ ซึ่งอยู่ภายในอัณฑะสร้าง
ตัวอสุจิออกมา
2. จากนั้นตัวอสุจิจะถูกนำาไปพักไว้ที่หลอดเก็บอสุจิ
3. ลำาเลียงผ่านไปตามหลอดนำาตัวอสุจิ เพื่อนำาตัวอสุจิไป
เก็บไว้ที่ต่อมสร้างนำ้าเลี้ยงตัวอสุจิรอการ
หลั่งออกสู่ภายนอก
4. ถูกทั้ง หมดทุกข้อ
86. โดยปกติเพศชายจะเริ่มสร้างตัวอสุจิได้เมื่ออายุประมาณ
กี่ ปี
1. อายุ 12 - 13 ปี
2. อายุ 13 - 14 ปี
3. อายุ 14 - 15 ปี
4. อายุ 15 - 16 ปี
87. การหลั่งนำ้าอสุจิในแต่ละครั้งจะมีตัวอสุจิเฉลี่ย ประมาณ กี่
ตัว
1. ประมาณ 330 - 500 ล้านตัว
2. ประมาณ 360 - 500 ล้านตัว
3. ประมาณ 350 - 500 ล้านตัว
4. ประมาณ 340 - 500 ล้านตัว
88. สำาหรับชายที่เป็นหมันจะมีตัวอสุจิน้อยกว่า 30 - 50 ล้านตัว ต่อ
ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือมีตัวอสุจิที่ผิดปกติ มากกว่าร้อยละ กี่ตัว
1. มากกว่าร้อยละ 28
2. มากกว่าร้อยละ 26
3. มากกว่าร้อยละ 25
4. มากกว่าร้อยละ 24
89. ตัวอสุจิที่หลั่งออกมาจะเคลื่อนที่ได้ประมาณ 3 - 4 มิลลิเมตรต่อ
นาที และมีชีวิตอยู่นอกร่างกายได้ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่จะมีชีวิต
อยู่ในมดลูกของเพศหญิงได้นานเท่าใด
1. ได้นานประมาณ 24 - 48 ชั่วโมง
2. ได้นานประมาณ 25 - 48 ชั่วโมง
3. ได้นานประมาณ 26 - 48 ชั่วโมง
4. ได้นานประมาณ 27 - 48 ชั่วโมง
90. อสุจิ เป็นเซลสืบพันธุ์เพศชายที่ผลิตขึ้นมาจาก.......
1. อัณฑะ (Testis)
2. ต่อมลูกหมาก(prostate gland)
3. ต่อมคาวเปอร์(cowper gland)
4. อวัยวะเพศชาย(pennis)
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
16
91. ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ดังนี้
1. รังไข่( ovary )
2. ท่อนำาไข่( oviduct )
3. ช่องคลอด( vagina )
4. ถูกทั้ง หมดทุกข้อ
92. การตกไข่ หมายถึง
1. การที่ไข่สุกและออกจากรังไข่เข้าสู่ท่อนำาไข่
2. การตกไข่เกิดขึ้นเดือนละ 2 ใบ
3. ในช่วงกึ่งกลางของรอบเดือน เมื่อมีการตกไข่ มดลูก
จะมีการเปลี่ยนแปลงโดยมีผนังหนาขึ้น
4. ถูกเฉพาะ ข้อ 1. ข้อ 3.
93. โดยปกติผู้หญิงจะเริ่มมีประจำาเดือนเมื่ออายุประมาณ กี่ ปี ขึ้น
ไป
1. อายุ 11 ปี ขึ้นไป
2. อายุ 12 ปี ขึ้นไป
3. อายุ 13 ปี ขึ้นไป
4. อายุ 14 ปี ขึ้นไป
94. รอบของการมีประจำาเดือนแต่ละเดือนจะแตกต่างกันไปใน
แต่ละคน โดยทั่วไปประมาณ กี่ วัน
1. ประมาณ 25 วัน
2. ประมาณ 26 วัน
3. ประมาณ 27 วัน
4. ประมาณ 28 วัน
95. โดยทั่วไปแล้ว ถ้าร่างกายของคนที่มีความสมบูรณ์เป็นปกติ
ประจำาเดือนจะหยุดเมื่ออายุกี่ปี
1. อายุประมาณ 40 - 45 ปี
2. อายุประมาณ 45 - 50 ปี
3. อายุประมาณ 50 - 55 ปี
4. อายุประมาณ 50 - 60 ปี
96. ลึงค์ ( penis ) มีหน้าที่สำาคัญคือ...
1. เป็นอวัยวะที่ใช้ในการร่วมเพศ
2. เพศ เป็นทางผ่านของสเปิร์มและนำ้าปัสสาวะออกสู่
ภายนอก
3. เป็นแหล่งผลิตนำ้ากาม ( semen )
4. ถูกเฉพาะข้อ 1. และข้อ 2.
97. ต่อมคาวเปอร์ ( Cowper’s gland ) ทำาหน้าที่ดังนี้
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
17
1. ทำาหน้าที่ในการหลั่งสารเหลวใสและเหนียว เพื่อหล่อ
ลื่นในขณะที่เกิดการกระตุ้นทางเพศ
2. ขับสเปิร์มและนำ้าปัสสาวะออกสู่ภายนอก
3. ทำาหน้าที่ในการสร้างนำ้าเลี้ยงอสุจิ ซึ่งได้แก่นำ้าตาล
ฟรักโทส วิตามินซี
4. ถูกเฉพาะข้อ 1.
98. ถุงอัณฑะ ( scrotum or scrotal sac ) ที่ยื่นออกมาจากช่อง
ท้อง เนื่องจากอัณฑะที่อยู่ในช่องท้องเลื่อนลงมา ถุงอัณฑะทำา
หน้าที่ควบคุมอุณหภูมิให้แก่อัณฑะ โดยอุณหภูมิของถุงอัณฑะจะ
ตำ่ากว่าอุณหภูมิของร่างกายประมาณ
1. ประมาณ 33 องศาเซลเซียส
2. ประมาณ 34 องศาเซลเซียส
3. ประมาณ 35 องศาเซลเซียส
4. ประมาณ 36 องศาเซลเซียส
99. ข้อต่อไปนี้คือแฝดร่วมไข่ (identical twins) (ฝาเดียวกัน)
1. เกิดจากไข่ 1 ใบผสมกับอสุจิ 1 ตัว เป็นไซโกตแล้ว
ไซโกตแบ่งตัวออกเป็น 2 ส่วน
2. มีเพศเดียวกัน รูปร่างลักษณะเหมือนกัน
3. อุปนิสัยสติปัญญาใกล้เคียงกัน และความสามารถ
ต่างๆ จะใกล้เคียงกันมาก
4. ถูกทุกข้อ
100. แฝดต่างไข่ (fraternal twins)(คนละฝา)คือข้อต่อไปนี้
1. เกิดจากไข่มากกว่า 1 ใบ ผสมกับอสุจิมากกว่า 1 ตัว
2. เกิดไซโกตและเอมบริโอมากกว่า 1
3. อาจเป็นเพศเดียวกันหรือต่างเพศก็ได้
4. ถูกทุกข้อ
*************************************ขอให้โชค
ดี***********************************
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
18
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
19
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
20
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
21
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก
10/05/2010
22

More Related Content

What's hot

ระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหารระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหารพัน พัน
 
ข้อสอบวิชาช่าง
ข้อสอบวิชาช่างข้อสอบวิชาช่าง
ข้อสอบวิชาช่างkrupeak
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศdnavaroj
 
การศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอด
การศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอดการศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอด
การศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอดpitsanu duangkartok
 
การรับรู้และการตอบสนอง
การรับรู้และการตอบสนองการรับรู้และการตอบสนอง
การรับรู้และการตอบสนองsukanya petin
 
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อการประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อUtai Sukviwatsirikul
 
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบwebsite22556
 
ถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
ถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
ถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีWarodom Techasrisutee
 
ขอความอนุเคราะห์
ขอความอนุเคราะห์ขอความอนุเคราะห์
ขอความอนุเคราะห์Rapheephan Phola
 
สมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุ
สมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุสมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุ
สมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุUtai Sukviwatsirikul
 
เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4
เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4
เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4krusarawut
 
11แผน
11แผน11แผน
11แผนFmz Npaz
 
27การตรวจครรภ์
27การตรวจครรภ์27การตรวจครรภ์
27การตรวจครรภ์Papawee Laonoi
 
แบบประเมินต่างๆ
แบบประเมินต่างๆแบบประเมินต่างๆ
แบบประเมินต่างๆNaphachol Aon
 
การอ่านค่า Ekg
การอ่านค่า Ekgการอ่านค่า Ekg
การอ่านค่า Ekgtechno UCH
 
ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2Sukanya Nak-on
 
3ชีววิทยาม. 5 เทอม 1 การบูรณาการภาษาอังกฤษ (ไฟล์ที่ 3)
3ชีววิทยาม. 5 เทอม 1 การบูรณาการภาษาอังกฤษ (ไฟล์ที่ 3)3ชีววิทยาม. 5 เทอม 1 การบูรณาการภาษาอังกฤษ (ไฟล์ที่ 3)
3ชีววิทยาม. 5 เทอม 1 การบูรณาการภาษาอังกฤษ (ไฟล์ที่ 3)กมลรัตน์ ฉิมพาลี
 

What's hot (20)

ระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหารระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหาร
 
แนวข้อสอบครูผู้ช่วยเอกพลศึกษา
แนวข้อสอบครูผู้ช่วยเอกพลศึกษาแนวข้อสอบครูผู้ช่วยเอกพลศึกษา
แนวข้อสอบครูผู้ช่วยเอกพลศึกษา
 
ข้อสอบวิชาช่าง
ข้อสอบวิชาช่างข้อสอบวิชาช่าง
ข้อสอบวิชาช่าง
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
 
การศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอด
การศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอดการศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอด
การศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอด
 
การรับรู้และการตอบสนอง
การรับรู้และการตอบสนองการรับรู้และการตอบสนอง
การรับรู้และการตอบสนอง
 
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
ระบบย่อยอาหาร (Digestive System)
 
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อการประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
 
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
 
ถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
ถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
ถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
 
ขอความอนุเคราะห์
ขอความอนุเคราะห์ขอความอนุเคราะห์
ขอความอนุเคราะห์
 
สมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุ
สมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุสมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุ
สมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุ
 
เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4
เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4
เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4
 
11แผน
11แผน11แผน
11แผน
 
27การตรวจครรภ์
27การตรวจครรภ์27การตรวจครรภ์
27การตรวจครรภ์
 
ระบบไหลเวียนเลือด (Circulatory System)
ระบบไหลเวียนเลือด (Circulatory System)ระบบไหลเวียนเลือด (Circulatory System)
ระบบไหลเวียนเลือด (Circulatory System)
 
แบบประเมินต่างๆ
แบบประเมินต่างๆแบบประเมินต่างๆ
แบบประเมินต่างๆ
 
การอ่านค่า Ekg
การอ่านค่า Ekgการอ่านค่า Ekg
การอ่านค่า Ekg
 
ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2
 
3ชีววิทยาม. 5 เทอม 1 การบูรณาการภาษาอังกฤษ (ไฟล์ที่ 3)
3ชีววิทยาม. 5 เทอม 1 การบูรณาการภาษาอังกฤษ (ไฟล์ที่ 3)3ชีววิทยาม. 5 เทอม 1 การบูรณาการภาษาอังกฤษ (ไฟล์ที่ 3)
3ชีววิทยาม. 5 เทอม 1 การบูรณาการภาษาอังกฤษ (ไฟล์ที่ 3)
 

Similar to ข้อสอบกายวิภาคศาสตร์ (บันทึกอัตโนมัติ)

บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdf
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdfบทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdf
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdfRatarporn Ritmaha
 
ใบความรู้+เราจัดกลุ่มสัตว์ได้อย่างไร+ป.5+281+dltvscip5+55t2sci p05 f48-1page
ใบความรู้+เราจัดกลุ่มสัตว์ได้อย่างไร+ป.5+281+dltvscip5+55t2sci p05 f48-1pageใบความรู้+เราจัดกลุ่มสัตว์ได้อย่างไร+ป.5+281+dltvscip5+55t2sci p05 f48-1page
ใบความรู้+เราจัดกลุ่มสัตว์ได้อย่างไร+ป.5+281+dltvscip5+55t2sci p05 f48-1pagePrachoom Rangkasikorn
 
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคนโครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคนWan Ngamwongwan
 
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์.pptx
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์.pptxบทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์.pptx
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์.pptxRatarporn Ritmaha
 
skeletal system
skeletal systemskeletal system
skeletal systemRungsaritS
 
50 120929012936-phpapp01
50 120929012936-phpapp0150 120929012936-phpapp01
50 120929012936-phpapp01Bunsita Baisang
 
50 120929012936-phpapp01
50 120929012936-phpapp0150 120929012936-phpapp01
50 120929012936-phpapp01Bunsita Baisang
 
ระบบร่างกาย
ระบบร่างกายระบบร่างกาย
ระบบร่างกายAobinta In
 
ระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemsupreechafkk
 
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคนโครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคนnokbiology
 
การทำงานของระบบประสาทสั่งการ
การทำงานของระบบประสาทสั่งการการทำงานของระบบประสาทสั่งการ
การทำงานของระบบประสาทสั่งการWan Ngamwongwan
 
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)Natthaya Khaothong
 
พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2
พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2
พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2Kobchai Khamboonruang
 

Similar to ข้อสอบกายวิภาคศาสตร์ (บันทึกอัตโนมัติ) (20)

บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdf
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdfบทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdf
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdf
 
ใบความรู้+เราจัดกลุ่มสัตว์ได้อย่างไร+ป.5+281+dltvscip5+55t2sci p05 f48-1page
ใบความรู้+เราจัดกลุ่มสัตว์ได้อย่างไร+ป.5+281+dltvscip5+55t2sci p05 f48-1pageใบความรู้+เราจัดกลุ่มสัตว์ได้อย่างไร+ป.5+281+dltvscip5+55t2sci p05 f48-1page
ใบความรู้+เราจัดกลุ่มสัตว์ได้อย่างไร+ป.5+281+dltvscip5+55t2sci p05 f48-1page
 
vbvb
vbvbvbvb
vbvb
 
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคนโครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
 
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์.pptx
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์.pptxบทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์.pptx
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์.pptx
 
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
 
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
 
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
ศูนย์ที่ 1 ชุดที่ 3
 
skeletal system
skeletal systemskeletal system
skeletal system
 
50 120929012936-phpapp01
50 120929012936-phpapp0150 120929012936-phpapp01
50 120929012936-phpapp01
 
50 120929012936-phpapp01
50 120929012936-phpapp0150 120929012936-phpapp01
50 120929012936-phpapp01
 
ระบบร่างกาย
ระบบร่างกายระบบร่างกาย
ระบบร่างกาย
 
การรับรู้และการตอบสนอง
การรับรู้และการตอบสนองการรับรู้และการตอบสนอง
การรับรู้และการตอบสนอง
 
ระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous system
 
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคนโครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
 
การทำงานของระบบประสาทสั่งการ
การทำงานของระบบประสาทสั่งการการทำงานของระบบประสาทสั่งการ
การทำงานของระบบประสาทสั่งการ
 
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
 
พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2
พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2
พื้นฐานทางสรีรวิทยาของพฤติกรรม Present2
 
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
 
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
ศูนย์ที่ 4 ชุดที่ 5
 

ข้อสอบกายวิภาคศาสตร์ (บันทึกอัตโนมัติ)

  • 1. ข้อสอบกายวิภาคศาสตร์พื้นฐาน อาจารย์สุรศักดิ์ สิงห์ ชัย พิษณุโลก ........................................................................................................................... .................................. 1. ระบบโครงกระดูก ( skeletal system) ของมนุษย์มีกี่ชิ้น 1. 602 ชิ้น 2. 206 ชิ้น 3. 260 ชิ้น 4. 260 ชิ้น 2. หน้าที่ของกระดูกที่สำาคัญคือ 1. เป็นโครงของร่างกาย 2. ป้องกันอวัยวะสำาคัญ เช่น กระโหลกศีรษะป้องกันสมอง แหล่งสร้างเม็ดเลือดแดง โดยสร้างจาก ไขกระดูก“Bone Marrow” 3. แหล่งสะสมแร่ธาตุต่างๆ เช่นแคลเซี่ยมฟอสเฟต 4. ถูกทุกข้อ 3. ข้อต่อไปนี้ผิด กระดูกแกนกลาง(Axial skeleton) คือ (ยกเว้น) 1. กระดูกแขน(Humerus) 2. กระดูกขา(Femur) 3. กระดูกซี่โครง(Ribs) 4. กระดูกสันหลัง(Axial skeleton) 4. กระดูกระยางค์ (Appendicular skeleton) ประกอบไปด้วย.. (ยกเว้น) 1. กระดูกสันหลัง(Axial skeleton) 2. กระดูกต้นแขน (Humerus) 3. กระดูกต้นขาขา (Femur) 4. กระดูกซี่โครง (Ribs) 5. ข้อต่อไปนี้คือกระดูกแข็ง (compact bones) 1. กระดูกต้นขาขา (Femur) 2. กระดูกอ่อนไฮอะลีนหรือกระดูกอ่อนขาว (Hyaline cartilage) 3. กระดูกอ่อนใบหู และ ฝาปิดกล่องเสียง 4. กระดูกหมอนกระดูกสันหลัง และข้อต่อหัวหน่าว 6. การแบ่งตามลักษณะรูปร่างของกระดูก ดังนี้ 1. กระดูกยาว (Long bones) 2. กระดูกสั้น (Short bones) 3. กระดูกแบน (Flat bones) 4. ถูกทุกข้อ สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 1
  • 2. 7. กระดูกสันหลังช่วงอก(Thoracic Vertebrae) มี ทั้งหมดกี่ชิ้น 1. มี 5 ชิ้น 2. มี 12 ชิ้น 3. มี 7 ชิ้น 4. มี 4 - 5 ชิ้น 8. กระหม่อมด้านหน้า (Anterior fontanel)จะมีกระดูกหน้าผาก และกระดูกด้านข้างศรีษะมาต่อกัน เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน กระหม่อมนี้จะปิดตอนอายุ เท่าไร 1. อายุ 14 เดือน 2. อายุ 34 เดือน 3. อายุ 24 เดือน 4. อายุ 4 เดือน 9. ลักษณะการเคลื่อนไหวของกระดูกคอ(Cervical Vertebrae) ดังนี้ 1. พยักหน้าใช้กระดูกกะโหลกศรีษะและกระดูกคอ ระหว่างชิ้นที่ 1 2. เอียงคอไปด้านซ้ายและด้านขวาใช้กระดูกคอทั้ง 5 ชิ้น 3. ส่ายหน้าใช้กระดูกคอระหว่างชิ้นที่ 6 และ 2 4. หันหน้าไปทางซ้ายและทางขวาใช้กระดูกคอชิ้นที่ 4 ชิ้น 10. กระดูกสันหลัง(Axial skeleton)ส่วนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ 1. กระดูกสันหลังช่วงอก(Thoracic Vertebrae) 2. กระดูกสันหลังช่วงคอ (Cervical Vertebrae) 3. กระดูกสันหลังช่วงเอว(Lumbar Vertebrae) 4. กระดูกกระเบนเหน็บ(Sacrum) 11. ส่วนประกอบของกระดูก (Bone composition) คือดังนี้ 1. คือ กระดูกทึบ (Compact bone or Dense bone) 2. กระดูกโปร่ง (Spongy bone or Cancellous bone) 3. กระดูกสั้น (Short bones) 4. ข้อ 1 และ ข้อ 2 ถูก 12. กระดูกหน้าอก(Sternum)มีกระดูกกี่ชิ้น 1. มีกระดูก 1 ชิ้น 2. มีกระดูก 2 ชิ้น 3. มีกระดูก 3 ชิ้น 4. มีกระดูก 4 ชิ้น สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 2
  • 3. 13. ข้อต่อไปนี้คือกระดูกสะบัก 1. Clavicle 2. Radius 3. Scapula 4. Ulna 14. กระดูกเชิงกรานคือข้อต่อไปนี้ 1. Femur 2. Patella 3. Tibia 4. Ilium 15. การเคลื่อนไหวของข้อต่อกระดูกได้ระนาบเดียว (แบบบานพับ) Hinge joint คือ.. 1. ข้อศอก ข้อเข่า 2. ข้อมือ กระดกขึ้น - ลง เอียงซ้าย – ขวา 3. ข้อไหล่ ข้อสะโพก กางออก – หุบเข้า หมุนเข้าใน – หมุนออกนอก 4. ไม่ข้อถูก 16. กล้ามเนื้อที่อยู่ในอำานาจสั่งการของจิตใจคือ.... 1. กล้ามเนื้อหัวใจ (Cadiac muscle) 2. กล้ามเนื้อเรียบ (Smooth muscle) 3. กล้ามเนื้อลาย (Striated muscle) 4. ถูกทุกข้อ 17. คุณสมบัติของกล้ามเนื้อมีดังนี้ (ยกเว้น) 1. มีความรู้สึกต่อสิ่งเร้า คือ สามารถรับและตอบสนองต่อ สิ่งเร้า 2. มีความสามารถเปลี่ยนรูปร่างให้สั้น หนา และแข็งได้ 3. มีความยืดหยุ่นคล้ายยาง (Elasticity) 4. เป็นโครงสร้างของร่างกาย 18. ส่วนประกอบของกล้ามเนื้อคือ 1. นำ้าประมาณ 75 % 2. โปรตีนประมาณ 10 % 3. เกลือแร่ / ไกลโคเจน / และไขมัน ประมาณ 5 % 4. ถูกทุกข้อ 20. กล้ามเนื้อในร่างกายทั้งหมด จะมีอยู่ประมาณ ….. มัด 1. มีทั้งหมด 972 มัด สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 3
  • 4. 2. มีทั้งหมด 927 มัด 3. มีทั้งหมด 782 มัด 4. มีทั้งหมด 792 มัด 21. กล้ามเนื้อในร่างกายที่อยู่ในอำานาจสั่งการของจิตใจใน ร่างกายมีกี่มัด 1. มีทั้งหมด 972 มัด 2. มีทั้งหมด 696 มัด 3. มีทั้งหมด 672 มัด 4. มีทั้งหมด 662 มัด 22. กล้ามเนื้อสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนคือ 1. Sternocleidomastoid 2. Deltoid 3. Pectoralis major 4. Trapezius 23. กล้ามเนื้อหน้าท้อง(Rectus abdominis) มีแนวขวาง แบ่งเป็น ร่องเล็กๆ มีกี่มัด 1. มีทั้งหมด 6 มัด 2. มีทั้งหมด 7 มัด 3. มีทั้งหมด 8 มัด 4. มีทั้งหมด 9 มัด 24. การหดตัวของกล้ามเนื้อลาย แบ่งออกได้เป็น .....กี่แบบ 1. แบ่งออกเป็น 1 แบบ 1. แบ่งออกเป็น 2 แบบ 1. แบ่งออกเป็น 3 แบบ 1. แบ่งออกเป็น 4 แบบ 25. การหดตัวของกล้ามเนื้อลายแบบ Isotonic contraction คือ.... 1. การเดิน การวิ่ง 2. การนอนยกนำ้าหนัก 3. การโหนบาร์ดึงข้อ 4. ถูกทุกข้อ 26. ข้อต่อไปนี้ ทำาหน้าที่เหยียดขา กางขา 1. Quadriceps femoris 2. Hamstrings 3. Gastrocnemius สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 4
  • 5. 4. Gluteus maximus 27. กล้ามเนื้อที่ทำาหน้ที่กระดกปลายเท้าขึ้น – ลง คือ 1. Gastrocnemius 2. Gluteus maximus 3. Tibialis anterior 4. Hamstrings 28. ข้อต่อไปนี้ผิด (ยกเว้น) 1. กล้ามเนื้อลาย (Striated muscle)หรือกล้ามเนื้อใน อำานาจจิตใจ 2. กล้ามเนื้อหัวใจ (Cadiac muscle) ควบคุมได้โดย จิตใจ 3. กล้ามเนื้อเรียบ (Smooth muscle)หรือกล้ามเนื้อที่สั่ง การทำางานได้อำานาจจิตใจ 4. กล้ามเนื้อลาย (Striated muscle)หรือกล้ามเนื้อที่ไม่ อยู่ในอำานาจจิตใจ 29. หน้าที่ของระบบไหลเวียนข้อใดถูก (ยกเว้น) 1. ขนส่งอาหารและออกซิเจน (O2) ให้ออกจากทุกเซลล์ 2. ช่วยลำาเรียงฮอร์โมนและเอ็นไซม์ ไปให้เซลล์ เพื่อ ช่วยในการเผาผลาญของเซลล์ 3. ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ (Temperature regulation) 4. ป้องกัน และทำาลายเชื้อโรค ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน (Antibodies) ให้กับร่างกาย 30. เลือดประกอบด้วย 1. (Red blood cells) 2. White blood cells 3. Blood platelets 4. ถูกทุกข้อ 31. เม็ดเลือดแดง (Red blood cells) มีอายุกี่วัน...... 1. มีอายุ 112 วัน 2. มีอายุ 102 วัน 3. มีอายุ 120 วัน 4. มีอายุ 212 วัน 32. เม็ดเลือดแดง (Red blood cells) ถูกสร้างจากที่ใด 1. ไขกระดูกสันหลัง สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 5
  • 6. 2. กระดูกกระเบนเหน็บ(Sacrum) 3. สมอง (Brain) 4. ไขกระดูก“Bone Marrow” เช่นบริเวณกระดูก สะโพก 33. เม็ดเลือดขาว (White blood cells) มีกี่ชนิด 1. มี 5 ชนิด 2. มี 3 ชนิด 3. มี 4 ชนิด 4. มี 2 ชนิด 34. เม็ดเลือดขาวชนิดที่จับเชื้อจุลินทรีย์เข้าสู่ร่างกาย คือ... 1. Lymphocyte 2. Neutrophil 3. Monocyte 4. Basophil 35. เม็ดเลือดขาวชนิดที่จับเฉพาะ antigen-antibody complex เท่านั้น ในรายที่มี พยาธิ์ (parasitic infection) คือ... 1. Lymphocyte 2. Monocyte 3. Basophil 4. Eosiophil 36. หน้าที่ของเกร็ดเลือด (Blood platelets)ที่สำาคัญคือ..... 1. มีสารที่สำาคัญ ทำาให้เลือดมีอุณหภูมิ คงที่ 2. มีสารที่สำาคัญ ทำาให้เลือดสลายจากที่เป็นก้อน 3. มีสารที่สำาคัญ ทำาให้เลือดจับตัวกันเป็นก้อน 4. มีสารที่สำาคัญ ทำาให้เลือดจับไหลเวียนได้สะดวกขึ้น 37. เกร็ดเลือด (Blood platelets) ,มีอายุอยู่ได้กี่วัน..... 1. อายุ 3 - 5 วัน 2. อายุ 7 - 10 วัน 3. อายุ 7 - 8 วัน 4. อายุ 8 - 10 วัน 38. ค่าปกติในผู้ใหญ่ ชีพจร (Pulse) จะเต้นประมานกี่ครั้งต่อ 1 นาที 1. ประมาณ 50 - 80 ครั้ง 2. ประมาณ 60 - 90 ครั้ง 3. ประมาณ 75 - 90 ครั้ง สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 6
  • 7. 4. ประมาณ 70 - 80 ครั้ง 39. การจับชีพจร จะจับลงบนหลอดเลือดใด 1. หลอดเลือดแดง (Arteries) 2. หลอดเลือดดำา (Veins) 3. เส้นประสาทสมอง (Cranial nerve) 4. เส้นประสาทไขสันหลัง(Spinal neve) 40. เลือดดำาจะถูกดูดเข้าสู่หัวใจห้องใดเป็นลำาดับแรก 1. หัวใจห้องบนขวา (Right atrium) 2. หัวใจห้องล่างขวา (Right ventricle) 3. หัวใจห้องบนซ้าย (Left atrium) 4.หัวใจห้องล่างซ้าย (Left ventricle) 41. หัวใจห้องใดที่ทำาหน้าที่บีบตัวจ่ายเลือดแดงออกจากหัวใจ 1. หัวใจห้องล่างขวา (Right ventricle) 2. หัวใจห้องบนซ้าย (Left atrium) 3. หัวใจห้องล่างซ้าย (Left ventricle) 4. หัวใจห้องบนขวา (Right atrium) 42. ระบบประสาทส่วนกลาง (Central nervous system) ประกอบไปด้วย 1. สมอง (Brain) 2. ไขสันหลัง (Spinal cord) 3. ก้านสมอง(Brain stem) 4. ถูกเฉพาะข้อ 1 - 2 43. ข้อต่อไปนี้เป็นโครงสร้างของระบบประสาท 1. ระบบประสาทส่วนกลาง (Central nervous system) 2. ระบบประสาทส่วนปลาย (Peripheral nervous system) 3. ข้อ 1 กับ ข้อ 2 ถูก 4. (Peripheral nervous system) 44. ข้อต่อไปนี้ถูก ยกเว้น... 1. ส่วนหน้า(Frontal lobe) เกี่ยวข้องกับการทรงจำา ความนึกคิด สติปัญญา และการเคลื่อนไหวของ ร่างกาย 2. ส่วนกลาง(Parietal lobe) เกี่ยวข้องกับการรับรู้ ความรู้สึกเช่น ร้อน , เย็น ,เจ็บปวด , สัมผัส และ สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 7
  • 8. ตำาแหน่งของข้อต่อต่างๆ 3. ส่วนข้าง(Temporal lobe) เกี่ยวข้องกับการได้ยิน การแปลความหมายที่ได้ยิน 4. ส่วนหลัง(Occipital lobe) เกี่ยวข้องกับการโศกเศร้า ดีใจ ภาวะอารมย์ 45. ก้านสมอง(Brain stem) ทำาหน้าที่ดังนี้ ยกเว้น... 1. ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ 2. ควบคุมการเต้นของหัวใจ 3. ควบคุมการหดและขยายตัวของหลอดเลือด 4. ควบคุมอุณหภูมิ 46. ความยาวของไขสันหลัง(Spinal cord) คือ 1. ยาวประมาณ 18 นิ้ว 2. ยาวประมาณ 19 นิ้ว 3. ยาวประมาณ 20 นิ้ว 4. ยาวประมาณ 21 นิ้ว 47. ข้อต่อไปนี้ผิด หน้าที่สำาคัญของเส้นประสาททั้งขาขึ้น(Motor neuron) ยกเว้น... 1. รับความรู้สึกจากส่วนต่างๆของร่างกาย แล้วส่งไปที่ สมอง 2. รับความรู้สึกจากส่วนต่างๆของร่างกาย แล้วส่งไปที่ กล้ามเนื้อลาย 3. รับความรู้สึกจากส่วนต่างๆของร่างกาย แล้วส่งไปที่ หัวใจ 4. รับความรู้สึกจากส่วนต่างๆของร่างกาย แล้วส่งไปที่ ปอด 48. ข้อต่อไปนี้คือหน้าที่ของระบบประสาท 1. ตอบสนองสิ่งเร้าที่มากระตุ้น 2. ควบคุมการทำา งานของอวัยวะต่าง ๆ 3. ข้อ 1. และข้อ 2. ถูก 4. ถูกเฉพาะข้อ 1. 49. ระบบประสาทส่วนปลาย (Peripheral nervous system) ประกอบไปด้วย 1. เส้นประสาทที่แยกออกจากสมอง คือประสาทสมอง (Ceanial nerve) 2. ไขสันหลัง (Spinal cord) 3.ระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic nervous system) สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 8
  • 9. 4. ถูกเฉพาะข้อ 1 - 3 50. สมองใหญ่(Cerebrum) แบ่งเป็น 2 ซีก ระบบการทำางานคือ... 1. ซีกซ้ายควบคุมการทำางานของร่างกายซีกซ้าย 2. ซีกขวาก็จะควบคุมการทำางานของร่างกายซีกขวา 3. ซีกขวาก็จะควบคุมการทำางานของร่างกายซีกซ้าย 4. ซีกขวาก็จะควบคุมการทำางานของร่างกายทั้งหมด 51. สมองส่วนที่ควบคุมความทรงจำา ความรู้สึกนึกคิดคือ.... 1. ส่วนกลาง(Parietal lobe) 2. ส่วนข้าง(Temporal lobe) 3. ส่วนหลัง(Occipital lobe) 4. ส่วนหน้า(Frontal lobe) 52. สมองส่วนที่ควบคุมความร้อน - เย็น เจ็บปวดและตำาแหน่งของ ข้อต่อต่างๆ ได้แก่ 1. ส่วนกลาง(Parietal lobe) 2. ส่วนหลัง(Occipital lobe) 3. ส่วนข้าง(Temporal lobe) 4. ส่วนหน้า(Frontal lobe) 53. ข้อต่อไปนี้คือ หน้าที่ของก้านสมอง(Brain stem) 1. ควบคุมความร้อน - เย็น เจ็บปวดและตำาแหน่งของ ข้อต่อต่างๆ 2. ควบคุมความทรงจำา ความรู้สึกนึกคิดคือ.... 3. ควบคุมการทำางานของร่างกายทั้งหมด 4. เป็นศูนย์กลางควบคุมการหายใจ และการเต้นของ หัวใจ 54. หน้าที่ของไขสันหลัง(Spinal cord)คือ 1. ควบคุมความร้อน - เย็น เจ็บปวดและตำาแหน่งของ ข้อต่อต่างๆ ได้แก่ 2. ควบคุมการทำางานของร่างกายทั้งหมด 3. เป็นทางเดินของเส้นประสาททั้งขาขึ้น(Motor neuron) และขาลง (Sensory neuron) 4. ควบคุมความร้อน - เย็น เจ็บปวดและตำาแหน่งของข้อ ต่อต่างๆ 55. ระบบย่อยอาหาร(The Digestive system) ประกอบไป ด้วย..... 1. ปาก (Mouth) หลอดคอ (Pharyng) 2. หลอดคอ (Pharyng) ท่อทางเดินอาหาร(Esophagus) 3. กระเพาะอาหาร (Stomach) สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 9
  • 10. 4. ถูกทุกข้อ 56. ภาวะที่ร่างกายมีธัยร็อกซินน้อยไป (Hypothyroxin) ผลคือ 1. ในทารก ทำาให้เกิดร่างกายแคระแกรน เจริญเติบโต ช้า กล้ามเนื้อไม่มีแรง 2. ในผู้ใหญ่ ทำาให้เกิดอาการบวมใสใต้ผิวหนังแลดู คล้ายเทียนไขกล้ามเนื้อไม่มีแรง 3. ร่างกายผอม นำ้าหนักลด กินจุ อ่อนแอ ตอบสนองต่อสิ่ง เร้ามากและไวขึ้น 4. ถูกเฉพาะข้อ 1 และ ข้อ 2 57. ระบบประสาทอัตโนมัติ(Autonomic nervous system) มีผล ต่อระบบต่างๆดังนี้ 1. ผลต่อหัวใจ ประสาทซิมพาเทติกทำาให้หัวใจเต้นเร็ว และแรง 2. ผลต่อหัวใจ ประสาทซิมพาเทติกทำาให้หัวใจเต้นช้า และตำ่า 3. พาราซิมพาเทติกทำาให้หัวใจเต้นเร็วและแรง 4. ซิมพาเทติกทำาให้หัวใจเต้นช้าและเบา 58. ระบบประสาทซิมพาเทติก(Sympathetic) มีผลดังนี้ 1. ซิมพาเทติก(Sympathetic) ทำาให้หลอดลมขยายตัว 2. ซิมพาเทติก(Sympathetic) ทำาให้หลอดเลือดหดตัว เล็กน้อย 3. ซิมพาเทติก(Sympathetic) ทำาให้ความดันโลหิตสูง ขึ้น 4. ถูกทุกข้อ 59. ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก(Parasympathetic) มีผลดังนี้ 1. พาราซิมพาเทติก (Parasympathetic) ทำาให้หัวใจ เต้นช้าและเบา 2. พาราซิมพาเทติก (Parasympathetic) ทำาให้ม่านตา หดเล็ก 3. พาราซิมพาเทติก (Parasympathetic) ทำาให้หลอด เลือดขยายเล็กน้อย 4. ถูกทุกข้อ 60. ท่อทางเดินอาหาร(Esophagus) ส่วนปลายล่างสุดเชื่อมต่อกับ อวัยวะใด 1. ลำาไส้เล็ก สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 10
  • 11. 2. ลำาไส้ใหญ่ 3. กระเพาะอาหาร 4. ตับ 60. เส้นประสาทไขสันหลัง(Spinal neve)ระดับคอ (Cervical) มี กี่คู่ 1. มี 5 คู่ 2. มี 6 คู่ 3. มี 7 คู่ 4. มี 8 คู่ 61. เส้นประสาทไขสันหลัง(Spinal neve)ระดับอก (Thoracic) มี กี่คู่ 1. มี 10 คู่ 2. มี 12 คู่ 3. มี 14 คู่ 4. มี 16 คู่ 62. เส้นประสาทไขสันหลัง(Spinal neve)ระดับเอว (Lumbar) มีกี่ คู่ 1. มี 3. คู่ 2. มี 4 คู่ 3. มี 5 คู่ 4. มี 6 คู่ 63. หน้าที่ของเส้นประสาทไขสันหลัง(Spinal neve) ข้อต่อไปนี้ ถูกต้อง 1. เป็นทางเดินของสารอาหารทุกชนิด 2. เป็นศูนย์ควบคุมการหายใจ 3. เป็นทางเดินของกระแสเลือด 4. ทำาหน้าที่เป็นทางผ่าน Conduction path way รับ กระแสความรู้สึกไปสู่สมอง และส่งความรู้สึก ออกจากสมอง ไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย 64. หน้าที่ของเส้นประสาทไขสันหลัง(Spinal neve) มีดังต่อไปนี้ 1. เส้นประสาทช่วง L1-L4 เลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณหลัง ส่วนบน 2. เส้นประสาทช่วง C1-C5 เลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณศรีษะ บางส่วนของไหล่และกระบังลม สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 11
  • 12. 3. เส้นประสาทช่วง C5-T1 เป็นร่างแหประสาทแขน เลี้ยงหัวไหล่ แขน และเท้า 4. เส้นประสาทช่วง T1-T12 เลี้ยงบริเวณหน้าอก หลัง ท้อง และศรีษะบางส่วน 65. หน้าที่สำาคัญของกระเพาะอาหาร 1. เป็นที่เก็บอาหารไว้ ก่อนที่จะผ่านเข้าสู่ลำาไส้ อาหาร จะถูกเปลี่ยนแปลงโดยกลวิธีต่างๆ จน จนกลายสะภาพเป็นของเหลวเล็กน้อยเรียก ว่า(Chyme) 2. เคลื่อนไหว (Gastric motility) เพื่อคลุกเคล้าอาหาร ให้สัมผัสกับนำ้าย่อย และส่งอาหารที่อยู่ใน สภาพของ (Chyme) ไปสู่ลำาไส้เป็นระยะๆ ในอัตราความเร็วที่พอเหมาะ ทั้งนี้เพื่อให้ลำาไส้มี โอกาสย่อยและดูดซึมอาหารได้ดี 3. ขับนำ้าย่อยในกระเพาะอาหาร (Gastric juice) ซึ่งเป็น นำ้าใสๆ มีคุณสมบัติเป็นกรด ความ ความถ่วงจำาเพาะ 1.002 – 1.003 4. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา 66. ลำาไส้เล็ก (Small intestine)ลำาไส้เล็กส่วนต้น(Duodnum) เป็นลำาไส้เล็กที่ต่อจากกระเพาะอาหาร มีความ มีความยาวทั้งสิ้นเท่าไร 1. มีความยาวทั้งสิ้น 8 นิ้ว 2. มีความยาวทั้งสิ้น 10 นิ้ว 3. มีความยาวทั้งสิ้น 12 นิ้ว 4. มีความยาวทั้งสิ้น 15 นิ้ว 67. ลำาไส้เล็ก (Small intestine)ลำาไส้เล็กส่วนกลาง(Jejunum) เป็นลำาไส้เล็กที่ต่อจากต้น(Duodnum) มีความ มีความยาวทั้งสิ้นเท่าไร 1. มีความยาวทั้งสิ้น 12 ฟุต 2. มีความยาวทั้งสิ้น 10 นิ้ว 3. มีความยาวทั้งสิ้น 9 ฟุต 4. มีความยาวทั้งสิ้น 8 นิ้ว 68. ลำาไส้เล็ก (Small intestine)ลำาไส้เล็กส่วนปลาย(ileum) เป็น ลำาไส้เล็กที่ต่อจากส่วนกลาง(Jejunum) มีความ มีความยาวทั้งสิ้นเท่าไร สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 12
  • 13. 1. มีความยาวทั้งสิ้น 9 ฟุต 2. มีความยาวทั้งสิ้น 9 นิ้ว 3. มีความยาวทั้งสิ้น 9 นิ้ว 4. มีความยาวทั้งสิ้น 12 ฟุต 69. หน้าที่สำาคัญของลำาไส้เล็ก ข้อต่อไปนี้ ถูกต้อง (ยกเว้น) 1. หลั่งนำ้าย่อยออกมาย่อยอาหาร (Digestive function) 2. การเคลื่อนไหว (Intestinal motility) เพื่อคลุกเคล้า อาหารให้เข้ากับนำ้าย่อยต่างๆ 3. ถูกเฉพาะข้อ 1. กับข้อ 2. 4. ไม่มีข้อถูก 70. ลำาไส้ใหญ่ (Large intestine) มีความยาว ดังนี้ 1. ความยาวทั้งหมด 5 ฟุต 2. ความยาวทั้งหมด 6 ฟุต 3. ความยาวทั้งหมด 8 ฟุต 4. ถูกเฉพาะข้อ 1. 71. Ascending colon ข้อต่อไปนี้ถูกต้อง 1. เป็นส่วนที่ทอดขึ้นมาทางขวาของช่องท้อง จนถึงใต้ ตับ โค้งไปทางซ้าย ส่วนโค้งนี้ เรียกว่า Hepatic flexure 2. เป็นส่วนที่ทอดต่อจาก Hepatic flexure ทอดขวางไป ตามช่องท้อง ไปจนถึงด้านซ้ายของช่อง แล้วแล้วทอดโค้งไปใต้ส่วนของปลาย speen ส่วนโค้งนี้เรียกว่า Splenic flexure 3. เป็นส่วนที่ต่อจาก Splenic flexure ทอดลงมาข้างล่าง ทางซ้ายของช่องท้องจนถึง left iliac rigion ตรงระดับ crest of ileum 4. ถูกเฉพาะข้อ 1. 72. Rectum คือส่วนที่ต่อมาจาก (Singmoid colon) เป็น ลำาไส้ใหญ่ส่วนตรง เป็นส่วนที่พองโตขยายตัวได้มากกว่าส่วน อื่นๆ เพื่อเก็บอุจจาระได้มากมีความยาวประมาณ ……….. นิ้ว 1. ความยาวทั้งหมด 5 ฟุต 2. ความยาวทั้งหมด 5 นิ้ว สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 13
  • 14. 3. ความยาวทั้งหมด 4 ฟุต 4. ความยาวทั้งหมด 6 ฟุต 73. ระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine System) ทำาหน้าที่ควบคุมอวัยวะ ภายในร่างกายให้ทำางานประสานงานกัน ข้อต่อไปนี้ถูกต้อง 1. ระบบนี้จะทำาหน้าที่นอกเหนือไปจากการทำางานของ ระบบประสาท 2. การกระทำาของต่อมไร้ท่อให้ผลช้าแต่ทำางานนานกว่า ระบบประสาท 3. โดยอาศัยสารเคมีที่ต่อมไร้ท่อผลิตขึ้นมาที่เรียกว่า ฮอร์โมน (Hormone) 4. ถูกทั้ง หมดทุกข้อ 73. การกระตุ้นต่อมธัยรอยด์ให้สร้าง Thyroxin เพิ่มขึ้น เป็นผลมา จาก ข้อใด 1. ต่อมใต้สมอง (Pituitary Gland) 2. ต่อมธัยรอยด์ (Thyroid Gland) 3. ถูกเฉพาะข้อ 1. 4. ถูกเฉพาะข้อ 2. 75. ต่อมธัยรอยด์ (Thyroid Gland) มีหน้าที่ๆสำาคัญคือ 1. ผลิตฮอร์โมนที่สำาคัญคือธัยร็อกซิน (Thyroxin) 2. กระตุ้นให้เซลเม็ดสีสร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้น 3. กระตุ้นการตกไข่และสร้างฮอร์โมนเพศหญิงและชาย 4. กระตุ้นการขยายเต้านมสำาหรับหญิงที่มีครรภ์ 76. ถ้ามีธัยร็อกซินน้อยไป (Hypothyroxin) ผลที่เกิดขึ้นคือ 1. ในทารก ทำาให้เกิดร่างกายแคระแกรน เจริญเติบโต ช้า 2. ในผู้ใหญ่ ทำาให้เกิดอาการบวมใสใต้ผิวหนังแลดู คล้ายเทียนไข 3. เกิดโรคคอพอกชนิดธรรมดา 4. ถูกทั้ง หมดทุกข้อ 77. ถ้ามีธัยร็อกซินมากเกินไป (Hyperthyroxin) ผลที่เกิดขึ้นคือ 1.ร่างกายผอม นำ้าหนักลด กินจุ อ่อนแอ ตอบสนองต่อสิ่ง เร้ามากและไวขึ้น 2. เกิดโรคคอพอกชนิดธรรมดา 3. เกิดโรคคอพอกชนิดเป็นพิษ สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 14
  • 15. 4. ถูกเฉพาะข้อ 1. ข้อ 3. 78. ฮอร์โมนเพศชาย ที่สำาคัญคือ 1. โปรเจสเตอโรน (Progesterone) 2. เอสโตรเจน (Estrogen) 3. เทสทอสเตอโรน (Testosterone) 4. ถูกเฉพาะ ข้อ 1. ข้อ 2. 79. ถ้าตัดอัณฑะออกจะทำาให้เกิดผลดังต่อไปนี้ 1. ในเด็ก - ทำาให้อวัยวะสืบพันธ์ไม่เจริญ 2. ทำาให้อัตราการเจริญเติบโตของกระดูกเพิ่มขึ้น 3. ควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนเพศชาย 4. ถูกทั้ง หมดทุกข้อ 80. ถ้าตัดอัณฑะออกจะทำาให้เกิดผลดังต่อไปนี้ 1. ในเด็ก - ทำาให้อวัยวะสืบพันธ์ไม่เจริญ 2. มีไขมันสะสมมากขึ้น แขนขาสั้นผิดปกติ 3. ไม่มี Secondary sexual characteristic 4. ถูกเฉพาะ ข้อ 1. ข้อ 3. 82. ฮอร์โมนเพศหญิง คือข้อต่อไปนี้ 1. เอสโตรเจน (Estrogen) 2. และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) 3. เทสทอสเตอโรน (Testosterone) 4. ถูกเฉพาะ ข้อ 1. ข้อ 2. 83. ถ้าตัดรังไข่ออกจะทำาให้เกิดผลดังต่อไปนี้ 1. มีลักษณะคล้ายชาย 2. มีความรู้สึกทางเพศเพิ่มขึ้น 3. มีไขมันสะสมมากขึ้น แขนขายาวผิดปกติ 4. กระตุ้นการสร้างโปรตีนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเอ็นไซม์ 84. หน้าที่สำาคัญของ อัณฑะ (Testis) และถุงอัณฑะ (Scrotum) 1. ปรับอุณหภูมิภายในถุงอัณฑะให้เหมาะแก่การเจริญ เติบโตของอสุจิ คือ เซลเซียส ประมาณ 34 องศา 2. สร้างฮอร์โมนเพศชาย ที่สำาคัญคือ เทสทอสเตอโรน (Testosterone) 3. ควบคุมการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธ์ 4. ควบคุมการหลั่งของฮอร์โมน Hormone กระตุ้นต่อม ธัยรอยด์ให้สร้าง Thyroxin เพิ่มขึ้น สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 15
  • 16. 85. ขั้นตอนในการสร้างตัวอสุจิและการหลั่งนำ้าอสุจิ มีดังนี้ 1. เริ่มจากหลอดสร้างตัวอสุจิ ซึ่งอยู่ภายในอัณฑะสร้าง ตัวอสุจิออกมา 2. จากนั้นตัวอสุจิจะถูกนำาไปพักไว้ที่หลอดเก็บอสุจิ 3. ลำาเลียงผ่านไปตามหลอดนำาตัวอสุจิ เพื่อนำาตัวอสุจิไป เก็บไว้ที่ต่อมสร้างนำ้าเลี้ยงตัวอสุจิรอการ หลั่งออกสู่ภายนอก 4. ถูกทั้ง หมดทุกข้อ 86. โดยปกติเพศชายจะเริ่มสร้างตัวอสุจิได้เมื่ออายุประมาณ กี่ ปี 1. อายุ 12 - 13 ปี 2. อายุ 13 - 14 ปี 3. อายุ 14 - 15 ปี 4. อายุ 15 - 16 ปี 87. การหลั่งนำ้าอสุจิในแต่ละครั้งจะมีตัวอสุจิเฉลี่ย ประมาณ กี่ ตัว 1. ประมาณ 330 - 500 ล้านตัว 2. ประมาณ 360 - 500 ล้านตัว 3. ประมาณ 350 - 500 ล้านตัว 4. ประมาณ 340 - 500 ล้านตัว 88. สำาหรับชายที่เป็นหมันจะมีตัวอสุจิน้อยกว่า 30 - 50 ล้านตัว ต่อ ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือมีตัวอสุจิที่ผิดปกติ มากกว่าร้อยละ กี่ตัว 1. มากกว่าร้อยละ 28 2. มากกว่าร้อยละ 26 3. มากกว่าร้อยละ 25 4. มากกว่าร้อยละ 24 89. ตัวอสุจิที่หลั่งออกมาจะเคลื่อนที่ได้ประมาณ 3 - 4 มิลลิเมตรต่อ นาที และมีชีวิตอยู่นอกร่างกายได้ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่จะมีชีวิต อยู่ในมดลูกของเพศหญิงได้นานเท่าใด 1. ได้นานประมาณ 24 - 48 ชั่วโมง 2. ได้นานประมาณ 25 - 48 ชั่วโมง 3. ได้นานประมาณ 26 - 48 ชั่วโมง 4. ได้นานประมาณ 27 - 48 ชั่วโมง 90. อสุจิ เป็นเซลสืบพันธุ์เพศชายที่ผลิตขึ้นมาจาก....... 1. อัณฑะ (Testis) 2. ต่อมลูกหมาก(prostate gland) 3. ต่อมคาวเปอร์(cowper gland) 4. อวัยวะเพศชาย(pennis) สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 16
  • 17. 91. ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ดังนี้ 1. รังไข่( ovary ) 2. ท่อนำาไข่( oviduct ) 3. ช่องคลอด( vagina ) 4. ถูกทั้ง หมดทุกข้อ 92. การตกไข่ หมายถึง 1. การที่ไข่สุกและออกจากรังไข่เข้าสู่ท่อนำาไข่ 2. การตกไข่เกิดขึ้นเดือนละ 2 ใบ 3. ในช่วงกึ่งกลางของรอบเดือน เมื่อมีการตกไข่ มดลูก จะมีการเปลี่ยนแปลงโดยมีผนังหนาขึ้น 4. ถูกเฉพาะ ข้อ 1. ข้อ 3. 93. โดยปกติผู้หญิงจะเริ่มมีประจำาเดือนเมื่ออายุประมาณ กี่ ปี ขึ้น ไป 1. อายุ 11 ปี ขึ้นไป 2. อายุ 12 ปี ขึ้นไป 3. อายุ 13 ปี ขึ้นไป 4. อายุ 14 ปี ขึ้นไป 94. รอบของการมีประจำาเดือนแต่ละเดือนจะแตกต่างกันไปใน แต่ละคน โดยทั่วไปประมาณ กี่ วัน 1. ประมาณ 25 วัน 2. ประมาณ 26 วัน 3. ประมาณ 27 วัน 4. ประมาณ 28 วัน 95. โดยทั่วไปแล้ว ถ้าร่างกายของคนที่มีความสมบูรณ์เป็นปกติ ประจำาเดือนจะหยุดเมื่ออายุกี่ปี 1. อายุประมาณ 40 - 45 ปี 2. อายุประมาณ 45 - 50 ปี 3. อายุประมาณ 50 - 55 ปี 4. อายุประมาณ 50 - 60 ปี 96. ลึงค์ ( penis ) มีหน้าที่สำาคัญคือ... 1. เป็นอวัยวะที่ใช้ในการร่วมเพศ 2. เพศ เป็นทางผ่านของสเปิร์มและนำ้าปัสสาวะออกสู่ ภายนอก 3. เป็นแหล่งผลิตนำ้ากาม ( semen ) 4. ถูกเฉพาะข้อ 1. และข้อ 2. 97. ต่อมคาวเปอร์ ( Cowper’s gland ) ทำาหน้าที่ดังนี้ สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 17
  • 18. 1. ทำาหน้าที่ในการหลั่งสารเหลวใสและเหนียว เพื่อหล่อ ลื่นในขณะที่เกิดการกระตุ้นทางเพศ 2. ขับสเปิร์มและนำ้าปัสสาวะออกสู่ภายนอก 3. ทำาหน้าที่ในการสร้างนำ้าเลี้ยงอสุจิ ซึ่งได้แก่นำ้าตาล ฟรักโทส วิตามินซี 4. ถูกเฉพาะข้อ 1. 98. ถุงอัณฑะ ( scrotum or scrotal sac ) ที่ยื่นออกมาจากช่อง ท้อง เนื่องจากอัณฑะที่อยู่ในช่องท้องเลื่อนลงมา ถุงอัณฑะทำา หน้าที่ควบคุมอุณหภูมิให้แก่อัณฑะ โดยอุณหภูมิของถุงอัณฑะจะ ตำ่ากว่าอุณหภูมิของร่างกายประมาณ 1. ประมาณ 33 องศาเซลเซียส 2. ประมาณ 34 องศาเซลเซียส 3. ประมาณ 35 องศาเซลเซียส 4. ประมาณ 36 องศาเซลเซียส 99. ข้อต่อไปนี้คือแฝดร่วมไข่ (identical twins) (ฝาเดียวกัน) 1. เกิดจากไข่ 1 ใบผสมกับอสุจิ 1 ตัว เป็นไซโกตแล้ว ไซโกตแบ่งตัวออกเป็น 2 ส่วน 2. มีเพศเดียวกัน รูปร่างลักษณะเหมือนกัน 3. อุปนิสัยสติปัญญาใกล้เคียงกัน และความสามารถ ต่างๆ จะใกล้เคียงกันมาก 4. ถูกทุกข้อ 100. แฝดต่างไข่ (fraternal twins)(คนละฝา)คือข้อต่อไปนี้ 1. เกิดจากไข่มากกว่า 1 ใบ ผสมกับอสุจิมากกว่า 1 ตัว 2. เกิดไซโกตและเอมบริโอมากกว่า 1 3. อาจเป็นเพศเดียวกันหรือต่างเพศก็ได้ 4. ถูกทุกข้อ *************************************ขอให้โชค ดี*********************************** สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 18
  • 19. สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 19
  • 20. สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 20
  • 21. สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 21
  • 22. สุรศักดิ์ สิงห์ชัย www.surasak.net tel. 086 – 2085009 พิษณุโลก 10/05/2010 22