Alcohol in Top 100 Inter Brand

1. Inter Brand
Top 100 Brand
(Alcohol)

3. • Background
Johnnie Walker คือแบรนด์ Scotch Whisky ที่ผลิตใน Kilmarnock, Scotland โดย Diageo plc.
บรรษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเบียร์, ไวน์ และสปิริต โดย Johnnie Walker เป็นแบรนด์ Scotch Whisky ที่
จําหน่ายมากที่สุดในโลก ขายในเกือบทุกประเทศ ด้วยยอดขาย 120 ล้านลัง/ปี แต่ดั้งเดิมนักดื่มรู้จักกันใน
นาม Walker's Kilmarnock Whisky โดย John ‘Johnnie’ Walker เริ่มขาย Whisky ในร้าน Grocer’s
Shop ในเมือง Ayshire ประเทศ Scotland ประวัติย้อนหลังของ John Walker ลืมตาดูโลกในปี ค.ศ. 1805
ขณะอายุเพียง 15 ขวบปี ก็ได้สร้างสูตรการปรุงวิสกี้ของตัวเองขึ้น
Striding Man หรือรูปคนก้าวเดิน เป็นโลโก้ที่เห็นในโฆษณาของ Johnnie Walker มากว่า 50 ปี โดย Big
Idea ของแบรนด์คือ Keep Walking แก่นของ Message นี้บอกกับเราว่า Moving Forward in life (ชีวิตคือ
การก้าวไปข้างหน้า)
ภายใต้ Umbrella Brand ตระกูล Johnnie Walker ประกอบด้วย 5 สูตรคือ Red Label, Black Label, Green
Label, Gold Label, และ Blue Label ตามระดับราคาจากต่ําไปสูง

4. Red Label
หรือในอดีตชื่อ JW Special Old Highland
• Product
(เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Red Label ในปี 1909) เป็นวิสกี้
ตระกูล JW ชนิดเดียว ที่ไม่ได้เป็น Scoth Whisky แท้
100% หากแต่ว่า JW เน้นไปที่รสชาดของวิสกี้ ที่สามารถ
ปรับให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์ มีทั้งความหวานความ
นุ่ม และความเผ็ดร้อนในเวลาเดียวกัน Red Label เป็น
Blended Whisky ที่ผ่านการผสมมาจาก Malt และ
Blended Whisky 35 ชนิด เป็น JW หนึ่งในไม่กี่ชนิด ที่
ผลิตออกมาในขนาดที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกขวดจะมี
ลักษณะเหมือนกันคือ ขวดทรงสี่เหลี่ยม และ ฉลากสีแดง
ขอบทอง สัญลักษณ์เด่นอีกอย่างคือ ไสตรดิ้งแมน หรือ
กล่องของ Red Label ที่สามารถนํามาเรียงต่อกันกลาย
เป็นฉลาก Red Label ขนาดใหญ่ได้ ข้อแนะนําในการ
ดื่ม Red Label สําหรับการดื่ม Red Label นั้น ไม่มีวิธี
การดื่มทีแนะนําตายตัวมาจาก JW สามารถดื่มผสมกับ
อะไรก็ได้ กินเพียวก็ได้ หรือจะนําไปทําค๊อกเทลก็ยังได้

5. Black Label
• Product
เป็น Blended Whisky อายุ 12 ปี เป็นวิสกี้ Johnnie
Walker ที่เก่าแก่ที่สุด โดยวางจําหน่ายตั้งแต่ปี 1865
ในชื่อของ Walker’s Old Highland ก่อนจะมาใช้ชื่อ
Extra Special Old Highland ในปี 1906 - 1908
และสุดท้ายในปี 1909 ก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Black Label
ลักษณะเด่นของ Black คือกลิ่นหอม รมควันถ่านพีท
กลิ่นขิงวานิลลา และกลิ่นผลไม่อย่างลูกแพร และแอปเปิ้ล
และส่วนผสมจาก เกรนและมอลท์ วิสกี้กว่า 40 ชนิด
ผสมผสานออกมาเป็น JW Black Label ในปัจจุบัน วิธี
การดื่ม JW Black Label ที่ดีที่สุด Black จะต้องดื่มโดย
ผสมกับน้ําและน้ําแข็ง เพื่อที่จะทําให้ได้กลิ่นของบุหรี่แห้ง
กลิ่นของวานิลลา และกลิ่นของผลไม้ ที่จะอบอวลขึ้นมา
หลังจากได้สัมผัสกับน้ํา การผสมน้ําจะทําให้ได้รสของ
วิสกี้ที่ Strong ขึ้น

6. GreenLabel
• Product
หรือในอดีตที่เราคุ้นเคยในชื่อของ JW Pure Malt
เป็นวิสกี้น้องใหม่ที่สุดในบรรดา 5 Label ทั้งหมด ความ
พิเศษของวิสกี้ที่หมักบ่มนาน 15 ปีชนิดนี้ อยู่ตรงที่
Green Label เป็นวิสกี้ชนิดเดียวที่มีเพียงส่วนผสมของ
Malt Whisky โดยไม่มี Grained Whsiky ผสมอยู่เลย
แถมส่วนผสมวิสกี้ทั้ง 15 ชนิด ที่นํามา Blended จน
กลายเป็น Green Label นั้น มาจากแหล่งกําเนิด
Whisky ชั้นดีของสก๊อตแลนด์คือ Talisker,
Cragganmore, Linkwood, และ Caol Ila จนกลาย
เป็น Pure Malt Green Label ในปGreen Label มี
เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อดื่มแล้วรสชาติจะแตกต่าง
กันทุกครั้ง จากส่วนผสมต่างๆของ Pure Malt ทั้ง 15
ชนิดนั่น

7. Gold Label
• Product
ถูกเปิดตัวขึ้นเมื่อปี 1920 ในโอกาสครบรอบ 100 ปี
Johnnie Walker เป็นที่มาของคําว่า Century Blend
ที่จารึกอยู่บนฉลากของ Gold ทุกขวด วิสกี้หายากทุก
ชนิดที่ผสมออกมาเป็น Gold มีอายุไม่ต่ํากว่า 18 ปี รวม
ทั้งน้ําแร่บริสุทธิ์ และถังสําหรับหมัก รวมทั้งส่วนผสมหลัก
คือ Clynelish ซึ่งเป็นวิสกี้มอลทืที่หายาก และราคาสูง
ทําให้เกิดสีทอง ในตัววิสกี้ Gold ขวดนี้ การดื่ม เนื่องจาก
การดื่มวิสกี้ ไม่จําเป็นจะต้องคํานึงว่า วิสกี้จะเกิดการแข็ง
ตัว เมื่อนําไป Frozen หรือ แช่ให้เย็นจัด โดยเฉพาะ
Gold ขวดนี้ ยิ่งคุณได้สัมผัสมัน ด้วยความเย็นมากเท่า
ไหร่ รสชาดและกลิ่นของ Gold ขวดนี้ จะยิ่งนุ่มและ
อบอวลขึ้น การจิบควรจิบทีละน้อย และยิ่งถ้าได้ ช๊อกโก
แลต มารับประทานด้วยแล้ว คุณจะได้สัมผัส ความพิเศษ
ว่าทําไม วิสกี้ขวดนี้ จึงได้รับให้ประดับด้วยฉลากสีทอง

8. • Product
Blue Lable
นี่คือการผสมผสานของ เกรนวิสกี้ และ มอลท์วิสกี้
จํานวน 16 ชนิด ที่ แพงที่สุดในโลก เพราะในจํานวน 16
ชนิดดังกล่าว มีบางชนิดที่ผ่านการหมักบ่มมากว่า 60 ปี
และที่สําคัญ ในจํานวนวิสกี้ 1 ล้านถัง ที่ดิอาจิโอ ทําการ
ผลิต จะมีเพียง 1 หรือ 2 ถัง เท่านั้น ที่นํามาเป็นส่วนผสม
ของ Blue Label ทุกขวดจะมีหมายเลขกํากับ เพื่อแสดง
ถึงจํานวนที่ผลิตว่า หาได้ยากยิ่งขนาดไหน Blue ขวดนี้
จะมีจุกขวดที่ทําจากไม้ก๊อก หุ้มตะกั่วสีทอง มีกล่องบรรจุ
ใส่เป็นสีน้ําเงิน และทอง

9. • Segmentation
Geographic
Segmentation Psychographic
- ทั่วประเทศ ทั่วโลก Segmentation
- อยู่ในเมืองและตามหัวเมือง - ชอบเข้าสังคม
ใหญ่
- มีเพื่อนมาก
- รักสนุก ชอบปาร์ตี้
Demographic
Segmentation
- ช่วงวัยทํางาน
- เพศชาย - หญิง

10. • 4P’s
Product : เป็นผลิตภัณฑ์
ที่ผลิตออกมาขายทั่วโลก หรือ Price : Red Label = 600B.
ใช้กลยุทธ์แบบ Globalization Black Label = 950B.
โดยจะมีทั้งหมด 5 แบบ คือ Green Label = 1,350B.
Red Label, Black Label, Gold Label = 2,450B.
Green Label, Gold Label,
Blue Label = 5,800B.
Blue Label Place : - Modern
Promotion : - Trade(Alcohol zone)
- Pub in urban
- 7-11 (only red
and black label)

11. • 4P’s Strategy
Product : เป็นผลิตภัณฑ์
ที่ผลิตออกมาขายทั่วโลก โดย Price : Red Label = 600B.
จะมีทั้งหมด 5 แบบ คือ Red Black Label = 950B.
Label, Black Label, Green Label = 1,350B.
Promotion : Above the
Green Label, Gold Label,
Gold Label = 2,450B.
Blue Label
line > การทําโฆษณา
Blue Label = 5,800B.
โดยยึด Mood & Tone เดียวกันทั่ว
ทั้งโลกคือ keep walking และเน้น Place : - Modern
Trade(Alcohol zone)
ความเป็นวิสกี้ระดับพรีเมี่ยม
- Pub in urban
Below the line > Event - 7-11 (only red
Marketing, PR, Social network and black label)
โดยมุ่งเน้นในกลุ่มลูกค้าระดับพรีมี่ยม
และใช้รูปแบบงานขึ้นอยู่กับแต่ละท้อง

12. • Advertising Agency Selected
มีบริษัท worldwide ทั่วโลก
อยู่ 7 แห่งคือ
1.London
2.New York
3.Singapore
4.Tokyo
5.São Paulo
6.Shanghai
7.Mumbai

13. • Advertising Agency Selected
มีบริษัท worldwide ทั่วโลก
อยู่ 7 แห่งคือ
1.London
2.New York
3.Singapore
4.Tokyo
5.São Paulo
6.Shanghai
7.Mumbai

14. • Marketing Strategy
Johnnie Walker ใช้การทําการตลาดแบบ Glocalization
คือการออกขายผลิตภัณฑ์แบบเดียวันทั่วโลก แต่ใช้การ
ทําการประชาสัมพันธ์ การทําโฆษณาแบบท้องถื่น คือ
ผลิตภัณฑ์เดียวันหมด mood & tone เดียวกัน แต่รูปแบบ
ของการทําสื่ิอต่างๆแตกต่างกันออกไปขึ้นอยูกับปัจจัยต่างๆ
ของแต่ละท้องที่

15. TVC : http://www.youtube.com/watch?v=3jfGeix467I
http://www.adintrend.com/
show_movie.php?id=1900&ct=p512
http://www.youtube.com/watch?
v=2EhvM8WyMow&p=A41CC102FCEABF80

17. Background
เบียร์ “ไฮเนเก้น” เริ่มกําเนิดในเมื่อ 142 ปีที่แล้ว ค.ศ.
1863 โดยเป็นธุรกิจครอบครัวของ เจอร์ราด อาเดรียน ไฮเน
เก้น ชาวดัตช์ โดยได้ซื้อโรงเบียร์เล็กๆ แห่งหนึ่ง ใจกลางเมือง
อัมสเตอร์ดัม ปัจจุบันไฮเนเก้นยังคงใช้ตํารับดั้งเดิม แต่เพิ่ม
กระบวนการหมักบ่มที่ยาวนานขึ้นเพื่อความนุ่ม
ย้อนหลังไปประมาณปี พ.ศ. 2463 ไฮเนเก้นได้เริ่มบุกตลาด
ทางทวีปเอเชีย โดยเริ่มที่ประเทศอินโดนีเซีย ก่อนที่จะตั้งศูนย์
กลางไฮเนเก้นในแถบตะวันออกที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อ 80 กว่า
ปีที่ผ่านมา เบียร์ไฮเนเก้นถือว่าเป็นเบียร์ของสังคมชั้นสูง และ
ถูกกล่าวถึงว่าเป็น “เครื่องดื่มของประเทศศักดินา” จนหลัง
สงครามโลกครั้งที่ 2 ภายใต้การบริหารของอัลเฟรด ไฮเนเก้น
ก็ขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วทั่วทวีปเอเชีย โดยเริ่มจากประเทศ
มาเลเซีย เกาหลี จีน และขยายอาณาเขตสู่ประเทศญี่ปุ่น

18. Background
ปัจจุบัน หากนับจากยอดขาย ประมาณ 6 พันล้านขวดต่อปี
เมื่อคํานวณในแต่ละนาที จึงมีคนดื่มเบียร์ไฮเนเก้น 12,915
ขวด อยู่ทั่วโลก ในขณะที่ปริมาณการบริโภคเบียร์ของคนไทยอยู่
24 ลิตรต่อคนต่อปี ซึ่งยังน้อยหากเทียบตัวเลขกับฝั่งยุโรปหรือ
อเมริกา ที่ผ่านมาการออกแคมเปญต่างๆ เพื่อเพิ่มปริมาณการ
ดื่ม เช่นการออกเบียร์กระป๋องครึ่งลิตร (บิ๊กแคน) ทําให้ยอด
จําหน่ายสูงถึง 400,000 กระป๋องต่อเดือน นับเป็นตัวเลขที่มา
กกว่าไฮเนเก้นประเมินไว้ตอนแรก 4 เท่า

19. Marketing Review
ไฮเนเก้นได้รับสามารถที่จะอยู่อย่างใดอย่างหนึ่งผู้บริโภคชั้น
นําของโลกและตราสินค้าของ บริษัท มานานกว่า 145 ปี มัน
confronts ความท้าทายโดยตรงในหลายตลาดของเราเพื่อให้มี
การเพิ่มกําไร แต่ยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างอนาคตของแบรนด์และ
ธุรกิจให้มีความเข้มแข็งในระยะยาว
มุ่งเน้นที่สําคัญคือการผลักดันการเติบโตของแบรนด์ของเราใน
การปรับปรุงประสิทธิภาพทางการเงินของเราและสร้างความ
มั่นใจว่าการมาซื้อหุ้นส่วนและการสร้างกลยุทธ์ต่างๆจะสร้างราย
ได้ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการบริการของพนักงานให้มี
ศักยภาพและการสร้างวัฒนธรรมการปฏิบัติจริงตามมาตราฐาน
ของบริษัท

20. Marketing Review การสร้างเครือข่ายสังคม (Social
โดยปัจจุบันมี
Networking) จึงเกิดขึ้นและถูกถ่ายทอดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคน
หนึ่ง ในรูปแบบต่างๆ การสร้างไฮเนเก้น กรีนสเปซ (Heineken
GreenSpace) ด้วยการเปิดเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์
www.i-greenspace .com เพื่อให้เป็นพื้นที่พบปะสังสรรค์แห่ง
ใหม่ จึงเกิดขึ้นและกลายเป็นนวัตกรรมทางการตลาดล่าสุด โดย
แรงบันดาลใจที่ทําให้เกิด i-greenspace คือ ทฤษฎี 6 องศา
หรือ 6 deegrees of separation ที่กล่าวว่า ทุกคนมีความ
เชื่อมโยงหรือเกี่ยวพันกับคนอื่นๆ ในโลกโดยผ่านทางคนรู้จักไม่
เกิน 5 คน กรีนสเปซ จึงเป็นแหล่งรวมคนรักความทันสมัยและมี
สไตล์ ชอบพบปะผู้คนและรู้จักเพื่อนใหม่ๆ รักที่จะแบ่งปันแรง
บันดาลใจในเสียงดนตรี ภายใต้โลกเดียวกันที่เรียกว่า ฟิจิตอล
(Phygital) ซึ่งเกิดจาก Physical digital นั่นเอง ที่นี่จะเป็นคอม
มูนิตี ที่ทุกคนสามารถร่วมกันนําเสนอแนวคิด หรือสิ่งที่พวกเขา
ต้องการได้ตลอดเวลา

21. Product

22. 4P’s
Product : มี 2 ขนาด คือ Promotion : การจัดทํา
- แบบขวด 1 ltr. แคมเปญกรีนสเปซ ที่จะเป็นช่วงหน้า
- แบบกระป๋อง 500 ml. หนาว โดยไฮเนเก้นจะมีราคาถูกลงเมื่อ
ดื่มแบบทาวเวอร์
Price : มี 2 ขนาด คือ
- แบบขวด 1 ltr.
- แบบกระป๋อง 500 ml.
Place : Greenspace ตามลานหน้า
ห้างสรรพสินค้าต่างๆ, Modern Trade, 7-11
และร้านค้าทั่วไป

23. Marketing Strategy
แบรนด์ไฮเนเก้นให้ความสําคัญในการทํา music marke+ng สูง
มาก “ผมคิดว่า บางทีคนเราไม่เสมอไปที่ดื่มเบียร์ในผับในร้าน
แล้วจะมีความสุข แต่อย่างน้อยเกือบทุกคนจะมีดนตรีเวลามีความ
สุข เราคิดว่ามันคล้ายกับโปรดักส์เรามาก การมีความสุขกับ
ดนตรี กับการดื่มเบียร์มันเหมือนกัน ซึ่งทุกยี่ห้อก็ทํา music
marke+ng เหมือนกัน แต่ที่เราทํานั้นต้องการจะให้ใหญ่ที่สุด”

24. Segmentation
Geographic
Segmentation Psychographic
- ทั่วประเทศ ทั่วโลก Segmentation
- อยู่ในเมืองและตามหัวเมือง - ชอบเข้าสังคม
ใหญ่ - มีเพื่อนมาก
- รักสนุก ชอบปาร์ตี้
Demographic - มีความเป็นตัวของตัวเอง
Segmentation - ทันสมัย
- ช่วงวัยทํางาน
- เพศชาย - หญิง

25. Marketing Strategy
กลยุทธ์ Glocalization
เป็นแบรนด์ที่สร้างมาตราฐานดียวกันเพื่อตีตลาดทั่วโลกและ
ยังมีการปรับตัวให้เข้ากับประเทศนั้นๆ ซึ่งHeineken ก็ถือว่า
ประสบการณ์สําเร็จในการทําตลาดโลกเพราะมียอดขายติดอันดับ
และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน ไฮเนเก้นยังคงมีบุคลิกทั้งสองด้าน ทั้งที่ดูเป็นแบรนด์
ระดับโลก (globally) แต่ก็ยังต้องมีความใกล้ชิดกับคนไทย
(locally) ด้วย ดังนั้นการสื่อสารที่มีธีมเป็น global brand ของไฮเน
เก้น จึงใช้การกระจายสู่ผู้คนในวงกว้าง ทั้งความถี่ และขอบข่าย
โฆษณา ในบางปีมีโฆษณาทางทีวีมากถึง 8 ชิ้น เน้นที่ความโดด
เด่น และแตกต่าง เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค ต่อเนื่องการ
“act locally”

26. Marketing Strategy
โดยเฉพาะการมีกิจกรรมการตลาดที่เข้าไปหามวลชนในระดับ
ที่เข้มข้นสูงมาก จนแทบจะเรียกว่าเมื่อผู้ร่วมงานที่ไฮเนเก้น
สนับสนุนปีละไม่ต่ํากว่า 500,000 คน มากกว่าทุก event ใดที่จัด
ในบ้านเราที่จัดอย่างต่อเนื่อง นั่นหมายความว่า เมื่อจุดยืนทาง
ธุรกิจของไฮเนเก้นอยู่ที่ไลฟ์สไตล์ เท่ากับว่า แบรนด์ของไฮเนเก้น
จะไม่ถูกจํากัดโดยอายุ รูปแบบการตลาดของไฮเนเก้น จึงเป็นการ
เปิดโอกาสให้เข้ามาลอง โดยเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ต่างๆ ไม่ว่าจะ
หนัง เพลง กีฬา ก่อนที่ลิงค์กลับไปที่แบรนด์ การให้โอกาสต่อไลฟ์
สไตล์ที่ว่า เป็นการเปิดโอกาสให้เข้ามารู้จักแบรนด์ไฮเนเก้นอย่าง
ค่อนข้างจะแนบเนียน

27. Advertising Agency Selected
Leobernett

28. Advertising (TVC)
http://www.youtube.com/watch?
v=kA_vN5Ol-1w
http://www.youtube.com/watch?
v=J1LArE423VA
http://www.indyarocks.com/videos/44-
Heineken-
TVC-3521122909-236012591031687avi-50147
9

29. จัดทําโดย
1. อรวิภา วงศ์ชัยสุเวช เลขที่ 5
ID: 1510306697
2. ภาคภูมิ เฉลิมวิสุตม์กุล เลขที่ 14
ID:
1510317462
3. บุษญาภร กุลสวัสดิ์ภักดี เลขที่ 23
ID: 1510323643