More Related Content
Similar to ภาษาคอมพิวเตอร์
Similar to ภาษาคอมพิวเตอร์ (20)
ภาษาคอมพิวเตอร์
- 1. ภาษาคอมพิวเตอร์
สิคเป็นภาษาระดับสูง พัฒนาขึ้นตังแต่ปี 1964
้
าที่มโครงสร้างที่ไม่ซบซ้อน ใช้ตวแปลภาษาที่เรียกว่าอินเตอร์พรีตเ
ี ั ั
รศึกษาและทำาความเข้าใจเหมาะสำาหรับ ผู้ที่เริมต้นเขียนโปรแกรม
่
คอมพิวเตอร์ทุกรุ่นและเป็นภาษาที่มีความยืดหยุ่น สามารถแก้ไขปร
นาโปรแกรมเพื่อนำาไปใช้งานได้ง่าย และรวดเร็วเหมาะสมกับงานท
นรวดเร็ว มีชื่อเรียกต่าง ๆ กัน เช่น
, BASICA, GWBASIC , VISUAL BASIC เป็นต้น
- 2. โปรแกรมภาษา
มแปลภาษา เป็นซอฟต์แวร์หรือชุดคำาสั่งที่ทำาหน้าที่แปล Source P
Object Program เนื่องจากภาษาระดับตำ่าและภาษาระดับสูงเป็นภา
คอมพิวเตอร์ไม่สามารถรับรู้ได้ จำาเป็นต้องมีชุดคำาสั่งที่ใช้เป็นตัวแป
าษาเครื่องเสียก่อน ซึงโปรแกรมแปลภาษาแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
่
ลภาษาระดับตำำา
ตำ่าแม้ว่าจะเป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาเครื่อง แต่ลักษณะ ของภาษานี้ได้ใช้ตัว
ชุดคำาสั่งของเลขฐานสองในภาษาเครื่อง จึงจำาเป็นต้องมีชุดคำาสั่งที่ใช้แปลภาษาระดับตำ่า
าเครื่อง ซึ่งชุดคำาสั่งที่ใช้แปลภาษาระดับตำ่านี้ ได้แก่ โปรแกรมภาษาแอสแซมเบลอร์ Assem
ลภาษาที่เรียกว่า แอสเซมบลี
ษาระดับสูง
ป็นภาษาที่เขียนขึนมาเพือสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ทำางานโดยใช้คำาสั่งที่มนุษย์อ่านและเข้าใ
้ ่
ใจได้ จึงต้องมีชุดคำาสั่งที่ใช้แปลภาษาระดับสูง ให้เป็นภาษาเครื่อง ซึ่งโปรแกรมแปลภาษา ร
- 3. อร์ (Compiler) เป็นโปรแกรมที่ใช้แปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง
ลภาษาระดับสูงของคอมไพเลอร์นั้น เป็นลักษณะการตรวจสอบคำาสั่งที่ รับเข้ามาว่าการเขียน
หลักไวยากรณ์ของภาษาหรือไม่ ถ้ายังไม่ถูกต้องก็จะแจ้งข้อผิดพลาด ให้ผู้ใช้ทราบ เพื่อจะได
ากตรวจสอบแล้วถูกต้อง ก็จะแปลจาก Source Program ให้เป็น Object Program เก็บไว้
จำา และถ้ามีการ แก้ไขเปลี่ยนแปลงชุดคำาสั่งใหม่ จะต้องมีการแปล ชุดคำาสั่งใหม่ทั้งโปรแกรม
bject Program อีกครั้งหนึ่ง การใช้คอมไพเลอร์ ถ้าเป็นชุดคำาสั่งที่ต้องการทำาการประมวลผล
ทำาให้การประมวลผลเร็ว เพราะไม่ต้องแปลใหม่อีกสามารถเรียกใช้ Object Program ได้เลย
ปล ประเภทนี้ เช่น FORTRAN ,COBOL เป็นต้น
ลีตเตอร์ (Interpreter) เป็นโปรแกรมที่ใช้แปลภาษาระดับสูงให้เป็น ภาษาเครื่อง
ลชุดคำาสั่งที่นำาเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ทีละคำาสั่ง และทำาการประมวลผลทันที โดยไม่ต้องทำา
m ถ้าหากพบข้อผิดพลาด โปรแกรมจะหยุดทำางานทันที เมื่อทำาการแก้ไขเพิมเติมชุดคำาสั่งก
่
ไขเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจึงทำาการประมวลผลโดย ไม่ต้องแปลใหม่ หมดทั้งโปรแกรม แต่กา
อร์ถ้าเป็นชุดคำาสั่งที่ต้องการทำาการประมวลผล ต่อเนื่องกันหลาย ๆ ครั้งจะทำาให้การประมวล
ใหม่ทุกครั้งที่มี การประมวลผล ภาษาที่ใช้ตัวแปลประเภทนี้ เช่น PASCAL, BASIC เป็นต้น
- 4. การนำาภาษาระดับสูงไปใช้งาน
ษาคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการเขียนโปรแกรม ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องเลือกภาษาคอมพิวเตอร์ท
ถตรงกับลักษณะงานที่เราจะนำาไปพัฒนา ซึ่งปัจจุบันมีภาษาคอมพิวเตอร์มากมาย ให้เลือกใช
C , PASCAL , C , JAVA เป็นต้น สามารถเลือกได้ดังนี้
หรับงานธุรกิจ (Business Language) เป็นภาษาที่เหมาะกับงานทางด้านธุรกิจที่มลักษณ
ี
นมาก และมีการกำาหนดรูปแบบของผลลัพธ์ในการแสดงผล เช่น ภาษา โคบอล ภาษาอาร์พีจ
หรับงานด้านวิทยาศาสตร์ (Scientific Language) เป็นภาษาที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในงาน
าสตร์, คณิตศาสตร์ หรือวิศวกรรม เช่น ภาษาเอพีแอล ภาษาฟอร์แทน เป็นต้น
นกประสงค์ (Multipurpose Language) เป็นภาษาที่ออกแบบมาเพือใช้ในงานทางด้านธุรก
่
นวิทยาศาสตร์ เช่น ภาษาเบสิค ภาษาปาสคาล ภาษาซี เป็นต้น
- 5. ความเป็นมาของภาษาเบสิก
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ภาษาเบสิคถูกพัฒนาขึ้นในปี 1964 โดย
ศาสตราจารย์จอห์น เคเมนี (John Kemeny) และศาสตราจารย์
โทมัส ครูสซ์ (Thomas Kurtz) แห่งมหาวิทยาลัยดารห์เมาท์
(Dartmouth College) ภาษาเบสิคเป็นภาษาที่สร้างขึ้นมาเพื่อ
ให้ใช้งานง่าย และมีการประมวลผลแบบทันทีทันใด เป็นภาษาที่
มีความยืดหยุ่น สามารถแก้ไขปรับปรุง และพัฒนาโปรแกรมเพื่อ
นำาไปใช้งานได้ง่าย ในสภาพแวดล้อมที่แบ่งการใช้เวลาทำาให้
ภาษาเบสิคแพร่ไปอย่างรวดเร็ว ภาษาเบสิคสามารถใช้กับเครื่อง
ขนาดเล็ก ทีเรียกว่าไมโครคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี ทำาให้
่
ภาษาเบสิคใช้กันอย่างกว้างขวาง จึงมีผพัฒนาภาษาเบสิคขึ้นมา
ู้
อย่างหลากหลาย เช่น TURBO BASIC, POWER BASIC,
BASICA , GWBASIC , QBASIC ทำาให้ ภาษาเบสิคแตกต่าง
กันไปบ้าง แต่หลักการยังเหมือนเดิม คำาว่า BASIC มาจาก
Beginner’s All purpose Symbolic Instruction Code