More Related Content Similar to อุตสาหกรรมเกลือ Similar to อุตสาหกรรมเกลือ (20) อุตสาหกรรมเกลือ3. 1. การผลิตโซเดียมคลอไรด์
(NaCl)โซเดียมคลอไรด์ หรือ เกลือแกง มีสูตรเป็น NaCl เป็นสารประกอบที่
ประกอบด้วยธาตุ Na และ Cl เชื่อมกันด้วยพันธะไอออนิก ลักษณะเป็นผลึกสีขาว รส
เค็ม รูปผลึกเป็นทรงลูกบาศก์ จุดหลอมเหลว 801C ละลายน้าได้ดี โดยมากได้จาก
น้าทะเล และจากดิน
เกลือแกงแบ่งตามวิธีในการผลิตมี 2 ประเภทคือ
1.เกลือสมุทร คือ โซเดียมคลอไรด์ หรือเกลือแกงที่ผลิตได้จากน้าทะเล
2.เกลือสินเธาว์ คือ โซเดียมคลอไรด์ หรือ เกลือแกงที่ผลิตได้จากเกลือ
หิน
ซึ่งพบใต้เปลือกโลกในชั้นหินทราย หรือในผิวดิน หรือน้าใต้ดิน
ปัจจุบัน เกลือสินเธาว์ (เกลือหิน) ได้ถูกนามาใช้
ประโยชน์อย่างแพร่หลายและเป็นคู่แข่งกับเกลือสมุทร
(เกลือทะเล) เพราะสามารถใช้ทดแทนกันได้ แต่เกลือ
สินเธาว์ไม่มีธาตุไอโอดีน
4. 1.1) การผลิตเกลือสมุทร
ประเทศในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ โดยมากทาเกลือปีละ 2 ครั้ง คือ ฤดูใบไม้ผลิ
และฤดูใบไม้ร่วง ในประเทศไทยมีอากาศแห้งแล้งติดต่อกันประมาณครึ่งปี ดังนั้น การทา
นาเกลือจึงเริ่มทาตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนพฤษภาคม หากปีใดฝนตกชุกใน
ระยะดังกล่าวการทานาเกลือจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร
การผลิตเกลือสมุทร มี 2 ขั้นตอน คือ
1. ขั้นเตรียมพื้นที่นา จะต้องปรับพื้นดินให้เรียบและแน่นแบ่งที่นาเป็น
แปลงๆแปลงละประมาณ 1 ไร่ ยกขอบให้สูงเหมือนคันนา และทาร่องระบายน้าระหว่าง
แปลงพื้นที่นาเกลือแบ่งเป็น 3 ตอน คือ นาตาก นาเชื้อ และนาปลง ที่นาทั้ง 3 ตอน
ควรมีพื้นที่ลดหลั่นกันลงมาเพื่อความสะดวกในการระบายน้า
2. ขั้นตอนทานาเกลือ
6. ข้อสังเกต
1. ผลพลอยได้จากการทาเกลือสมุทร คือ ยิปซัม (CaSO4) ซึ่งตกในนาเชื้อ ส่วน
NaCl ตกในนาปลง
2. MgSO4 จะเป็ นตัวที่ทาให้เกลือมีคุณภาพต่า เพราะดูดความชื้นได้ดีมากดังสูตร
(MgSO4.7H2O) ทาให้เกลือมีความชื้นสูง ป้ องกันโดนการโรยปูนขาว (Ca(OH)2) ในนาเชื้อ
ซึ่ง Ca2+ จะเข้าไปจับกับ SO4
2- ทาให้ได้ยิปซัมเพิ่ม และ OH- เข้าไปจับกับ Mg2+ ตกตะกอนเป็น
Mg(OH)2
3. ระดับน้าในนาปลงควรสูงประมาณ 5 ซม. ถ้าสูงกว่านี้เกลือจะตกผลึกช้า และถ้า
ต่ากว่านี้ เกลือจะตกผลึกเร็วเกินไป เม็ดเกลือที่ได้มีขนาดใหญ่อุ้มน้ามาก เกลือจะชื้น
4. สิ่งเจือปนที่ติดมากับเกลือ NaCl ได้แก่ Mg2+, Ca2+, SO4
2- กาจัดโดยเติม
สารดังนี้
1) NaOH เพื่อกาจัด Mg2+
2) BaCl2 เพื่อกาจัด SO4
2-
3) Na2CO3 เพื่อกาจัด Ca2+ และ Ba2+ มากเกินพอ
4) HCl เพื่อกาจัด CO3
2- ที่มากเกินพอ
7. 1.2) การผลิตเกลือสินเธาว์
เกลือสินเธาว์ผลิตได้จากแร่เกลือ ( Rock salt ) พบอยู่ตามพื้นดินแถบภาค
อีสาน เช่น จังหวัดชัยภูมิ มหาสารคราม ยโสธร อุบลราชธานี และอุดรธานี
การผลิตเกลือสินเธาว์จากเกลือหินโดยทั่วไปใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
คือ ใช้การละลาย การกรอง การระเหย และการตกผลึก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของเกลือ
ที่เกิดขึ้นในแหล่งนั้นๆ
แบ่งตามลักษณะการเกิด คือ
1. เกลือจากผิวดิน
2. เกลือจากน้าเกลือบาดาล
3. เกลือจากชั้นเกลือหิน
8. 1. เกลือจากผิวดิน จะใช้วิธีขุดคราบเกลือตามผิวดินมาละลายน้า กรอง
เศษตะกอนออก แล้วนาน้าเกลือไปเคี้ยวให้แห้ง จะได้ตะกอนเกลือตกผลึกออกมา
ออกมา นิยมทาเกลือชนิดนี้ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดนคราชสีมา
สีมา ชัยภูมิ มหาสารคาม อุดรธานี สกลนคร และร้อยเอ็ด
2. เกลือจากน้าเกลือบาดาล อาจลึกจากผิวดิน 5-10 เมตร หรือ 30
เมตร ใช้วิธีการขุดหรือเจาะลงไปใต้ดินและสูบน้าเกลือขึ้นมา ต้มน้าเกลือในกระทะ
กระทะเหล็กใบใหญ่ โดยใช้ฟืนหรือลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิง จนน้าเกลือแห้ง จะได้เกลือ
เกลือตกผลึกออกมา
การผลิตเกลือนี้นอกจากจะต้มแล้ว อาจจะใช้วิธีการตาก ซึ่ งไม่
ค่าใช้จ่ายในด้านเชื้อเพลิง เพราะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยการสูบเกลือ
เ ก ลื อ จ า ก
บ่อน้าบาดาลมาใส่ไว้ในนาตาก ซึ่งทาเป็นลานดินหรือลานซีเมนต์ แล้ว
แล้วทาให้น้า ระเหยออกไปจะได้เกลือตกผลึกออกมา เรียกวิธีนี้ว่า
วิธีการผลิตเกลือสินเธาว์
9. 3. เกลือจากชั้นเกลือหิน ทำโดย
1. อัดน้ำจืดลงไปละลำยเกลือในดิน
2. ทำสำรละลำยที่ได้ให้บริสุทธิ์โดยกำรเติม
NaOH เพื่อกำจัด Mg2+
Na2CO3 เพื่อกำจัด Ca2+
CaCl2 เพื่อกำจัด CO3
2- , SO4
2-
3. เมื่อตกผลึกเกลือไปนำนๆ สำรละลำยอำจจะยังเหลือ Na2CO3
,Na2SO4
อยู่บ้ำง เรียกว่ำ “น้ำขม” จะกำจัดโดยกำรเติม CaCl2 ลงไป
วิธีการผลิตเกลือ
สินเธาว์
เกลือสินเธาว์ : เหมำะสำหรับใช้งำนในอุตสำหกรรม | เกลือสมุทร : เหมำะ
สำหรับกำรบริโภค
**กำรเพิ่มแร่ธำตุ ไอโอดีน ให้แก่เกลือสินเธำว์ เรียกว่ำ “เกลืออนำมัย” หรือ
“เกลือไอโอเดต”
ปัญหาที่เกิดจากการผลิตเกลือ : ทำให้ดินเค็ม และ เกิดกำรยุบตัวของดินและ
10. 2. การผลิต NaOH แก๊ส H2 , Cl2 จาก
NaCl เมื่อนา NaCl ที่ผลิตได้มาแยกด้วยวิธีการต่าง ๆ จะได้ผลิตภัณฑ์เป็น
NaOH , H2 และ Cl2 ซึ่งสามารถนาไปใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
มากมาย โดยการผลิต NaOH อาศัยหลักการอิเล็กโทรไลต์ มีวิธีการผลิตดังนี้
1. การผลิต NaOH ด้วยกระแสไฟฟ้ า
2. การผลิต NaOH โดยใช้ไดอะแฟรม
3. การผลิต NaOH โดยใช้เยื่อแลกเปลี่ยนไอออน
4. การผลิต NaOH โดยใช้เซลล์ปรอท
11. 2.1) การผลิต NaOH ด้วย
กระแสไฟฟ้ าการผลิตโซเดียมไฮดรอกไซด์และแก๊สคลอรีน โดยอาศัยหลักการของเซลล์
อิเล็กโทรไลต์ หลังจากการทดลองแยก สารละลายด้วยกระแสไฟฟ้ า โดยใช้สารละลาย
NaCl อิ่มตัว เป็นสารละลายอิเล็กโทรไลต์ แตกตัวได้ดังนี้ :
NaCl (aq) Na+ (aq) + Cl- (aq)
+
_
- CathodeAnode +
Na+ Cl-
12. เมื่อผ่านกระแสไฟฟ้ าลงไป จะเกิดปฏิกิริยา ดังนี้
Anode (+) : 2Cl- (aq) Cl2 (g) + 2e-
โดยแก๊สคลอรีนทดสอบด้วยกระดาษลิตมัสสีแดง และสีน้าเงินชื้น จะ
เปลี่ยนเป็นสีขาว เพราะ Cl2(g) ทาปฏิกิริยากับ H2O ได้ HCl , HClO ซึ่งฟอกจางสี
Cathode (-) : 2H2O (l) + 2e- 2OH- (aq) + H2 (g)
โดยแก๊สไฮโดรเจนใช้ก้านธูปที่มีเปลวไฟไปจ่อที่ขั้วลบของแบตเตอรี่ ไฟจะดับ
พร้อมเกิดเสียงดังเป๊ าะ และ OH- (aq) จะมีสมบัติเป็นเบส จึงทดสอบได้เมื่อหยด
สารละลายฟีนอฟทาลีน ในสารละลายจะสังเกตเห็นสีชมพูบริเวณขั้วลบของ
แบตเตอรี่ แสดงว่ามี OH- (aq) เกิดขึ้น
ปฏิกิริยารวม :
2Cl- (aq) + 2H2O (l) 2OH- (aq) + H2 (g) + Cl2 (g)
13. สารละลายที่เหลือจากการแยกสารละลายด้วยกระแสไฟฟ้ าจะมีโซเดียมไฮดรอก
ไซด์ (NaOH) จาก Na+ (aq) + OH- (aq) NaOH (aq)
ดังนั้น เมื่อนาสารละลายไประเหยจะพบโซเดียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งเป็นสาร
สีขาวเหลืออยู่
ผลผลิตที่ได้ : NaOH , Cl2 และ H2
ในการผลิต NaOH ในอุตสาหกรรมนั้น จะใช้อุปกรณ์ที่ซับซ้อน โดยผ่าน
NaCl (aq) อิ่มตัว เข้าไปในเซลล์อิเล็กโทรไลต์ตลอดเวลา H2 (g) , Cl2 (g) และ
NaOH (aq) ที่เกิดขึ้นจะต้องแยกออกจากกัน เพื่อป้ องกันการปนเปื้อนของสาร
ข้อเสีย : NaOH ที่ได้ไม่บริสุทธิ์ จะเกิดการรวมกับ
NaCl ที่ เ ป็ น
สารตั้งต้น และเกิดรวมกับผงฟอกขาว (NaOCl) ที่เกิดจาก
NaOH
14. 2.2) การผลิต NaOH โดยใช้เซลล์ไดอะแฟรม
เซลล์ไดอะแฟรม มีแผ่นไดอะแฟรมที่ยอมให้เฉพาะไอออนต่างๆ ผ่านได้ แต่ไม่
ยอมให้แก๊สผ่าน กั้นอยู่ระหว่างขั้วทั้งสอง เซลล์นี้มีการปรับความดันด้าน Anode
มากกว่า Cathode ทาให้ Na+ และ Cl- เคลื่อนมาทาง Cathode ทั้งหมด เป็นผลให้ได้
NaOH ที่ไม่บริสุทธิ์
- CathodeAnode +
(ยอมให้ไอออนไหลผ่านแต่ไม่ยอมให้แก๊สไหลผ่าน)
Na+
Cl-
H2O
NaCl
เข้มข้น
15. เมื่อผ่านกระแสไฟฟ้ าลงไป จะเกิดปฏิกิริยาดังนี้
Anode (+) : 2Cl- (aq) Cl2 (g) + 2e-
Cathode (-) : 2H2O (l) + 2e- 2OH- (aq) + H2 (g)
แก๊ส Cl2 และ H2 ที่เกิดขึ้นจะออกไปทางส่วนบนของเซลล์ เนื่องจากเซลล์
นี้มีการปรับความดันด้าน Anode มากกว่าด้าน Cathode Na+ จึงเคลื่อนไปรวม
กับ OH- เป็น NaOH 10% ที่ด้าน Cathode รวมถึง Cl- ที่ทาปฏิกิริยาไม่หมดก็
เคลื่อนมาด้าน Cathode เช่นกัน ทาไห้เกิด NaCl 15% เจือปนด้วย
ดังนั้นด้าน Cathode จะมี NaOH ผสมกับ NaCl โดยสามารถแยกสาร
สอง ด้วยวิธีการตกผลึก โดย NaCl จะตกออกมาก่อน จะได้ NaOH
ประมาณ 50% และอาจมี NaCl ปนอยู่ประมาณ 1% ปัจจุบันไม่
นิยมผลิตด้วย วิธีนี้ เพราะสารที่ได้ไม่บริสุทธิ์ มี NaCl เจือ
ปนมาก
16. 2.3) การผลิต NaOH โดยใช้เยื่อแลกเปลี่ยน
ไอออนเซลล์เยื่อแลกเปลี่ยนไอออนจัดเป็นเซลล์อิเล็กโทรไลต์ ขั้ว Anode ทาด้วย
ไทเทเนียม ขั้ว Cathode ทาจากเหล็ก โดยมีเยื่อแลกเปลี่ยนไอออนที่ยอมให้
เฉพาะไอออนบวกผ่านได้กั้นอยู่ระหว่างขั้วทั้งสอง มีคุณภาพดีกว่าเยื่อไดอะแฟรม
- CathodeAnode +
(ยอมให้ไอออนบวกไหลผ่านได้)
17. เมื่อสารละลาย NaCl ที่บริสุทธิ์และอิ่มตัว เข้าทางด้าน Anode และผ่าน
กระแสไฟฟ้ าลงไป
Anode (+) : 2Cl- (aq) Cl2 (g) + 2e-
Cathode (-) : 2H2O (l) + 2e- 2OH- (aq) + H2 (g)
Na+ ที่เหลือจากด้าน Anode จะเคลื่อนที่ผ่านเยื่อแลกเปลี่ยน
ไอออน ไปยังขั้ว Cathode รวมตัวกับ OH- เป็น NaOH
ข้อดี : - สารละลาย NaOH ที่ได้มีความเข้มข้นสูงประมาณ 30-40% โดยมวล
- ได้สารที่บริสุทธิ์สูง ไม่เกิดผงฟอกขาว
- Cl- เจือปนน้อยลง เมื่อเทียบกับการผลิตโดยใช้ไดอะแฟรมและเซลล์
ปรอท
***วิธีนี้จึงนิยมใช้ผลิตในปัจจุบัน
19. มลพิษจากกระบวนการผลิตนี้
HgCl2 อาจปนเปื้อนมากับน้าทิ้งของโรงงานลงสู่แม่น้า และถูก
จุลินทรีย์ย่อยสลาย เป็นสารอินทรีย์ในรูปต่างๆ เช่น ไดเมทิลเมอร์คิวรี
HgCl2 (CH3)2Hg
สารนี้กลับเข้ามาสู่คน ในรูปของห่วงโซ่อาหาร ปัจจุบันเลิกใช้เซลล์ชนิด
ชนิดนี้แล้ว
Cathode (-) : Na+(aq) + e- + nHg(l) NaHgn (aq)
Anode (+) : 2Cl- (aq) Cl2 (g) + 2e-
Na/Hg เมื่อผ่านน้าบริสุทธิ์เข้าไป Na จะทาปฏิกิริยากับน้า ดังสมการ
NaHgn (aq) + H2O (l) NaOH (aq) + H2 (g) + nHg (l)
การผลิตโดยวิธีนี้ จะได้สารละลาย NaOH ที่มีความเข้มข้นสูง ประมาณ 50%
โดยมวล แต่ไม่นิยมใช้ในปัจจุบัน เนื่องจากมีอันตรายจากสารปรอท
(โซเดียมอะมัลกัม)
นากลับมาใช้ใหม่
ระเหย
20. • H2 (g) 1. เตรียมกรด HCl
2. เตรียม NH3 (g)
3. ใช้ในปฏิกิริยาการเติม H2 ในน้ามันพืช
การนา NaOH , ก๊าซ Cl2 และ H2 ไปใช้
ประโยชน์
• Cl2 (g) 1. ฆ่าเชื้อโรคในน้าประปา
2. ฟอกสีในเยื่อกระดาษ เส้นใยพืช
3. เป็นวัตถุดิบในการผลิตสารเคมี เช่น พลาสติก
สารกาจัดแมลง สารฟอกขาว CCl4
4. รวมกับแก๊สไฮโดรเจน เป็นกรด HCl
• NaOH (aq) 1. สบู่ , ผงซักฟอก
2. ผงชูรส
3. ทากระดาษ
4. ผลิตโซดาแอช (Na2CO3)
22. 3. กรองแยก NaHCO3 (s) ออก แล้วนาไปเผา ได้ Na2CO3 (s) หรือโซดา
แอช
NaHCO3 (s) Na2CO3 (s) + H2O (l) + CO2 (g)
1. นา CaCO3 (s) มาเผา ได้ CaO (s) และ CO2 (g) ดังสมการ
CaCO3 (s) CaO (s) + CO2 (g)
กระบวนการผลิตโซดาแอช (Na2CO3)
2. นา CO2 (g) ไปทาปฏิกิริยากับ NaCl (aq) เข้มข้น และ NH3 (g) ได้
NaHCO3(s) และ NH4Cl (aq) ดังสมการ
CO2 (g) + NaCl (aq) + NH3 (g) NaHCO3 (s) + NH4Cl (aq)
(ปุ๋ ย
ไนโตรเจน)
24. 1. CO2 (g) จากการเผา NaHCO3 (s)
CaO (s) จากการเผา CaCO3 (s)
และเมื่อ Ca(OH)2 (aq) ทาปฏิกิริยากับ NH4Cl (aq) จะได้ NH3 (g) กลับมา
ใช้ในขั้นตอนที่ 2 อีกครั้ง และเกิด CaCl2(s) นาไปใช้เป็นใช้เป็นสารดูดความชื้น
แต่มีการนาไปใช้น้อย จึงเกิดปัญหาในการกาจัด
2. NH3 (g) ได้จาก CaO(s) + 2NH4Cl(aq) CaCl2(s) + 2NH3(g) +
H2O(l)
3. NaHCO3 (s) ทาผงฟู
4. NH4Cl (aq) ทาปุ๋ ยเคมี
ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นแล้วนากลับมา
ใช้ได้อีก
เมื่อนามาละลายน้า จะได้
Ca(OH)2 (aq)
25. ข้อเสียของโรงงำนผลิตโซดำแอช
1. น้ำทิ้งจำกโรงงำนมีอุณหภูมิสูงทำให้เกิดน้ำเสีย
2. CaCl2(s) จำกกระบวนกำรโซลเวย์ยังใช้ประโยชน์ได้น้อย ส่วนใหญ่
ฝังกลบ ทำให้ดินเป็นกรด
เพิ่มเติม :
- บำงประเทศที่ผลิต NaOH ได้มำกเกินต้องกำร อำจผลิตโซดำแอช
โ ด ย ผ่ ำ น
CO2 (g) ลงใน NaOH (aq) โดยตรง ได้ NaHCO3 (s) เมื่อเผำแล้วจะได้โซดำ
แอช
- นอกจำกกำรผลิตด้วยกระบวนกำรโซลเวย์ ยังได้จำกแร่โซดำแอชใน
ธรรมชำติ
พบมำกใน สหรัฐอเมริกำ แคนำดำ บรำซิล อินเดีย รัสเซีย จีน
26. 4. การผลิตสารฟอกขาว
(NaOCl)• การทดลองเตรียมสารฟอกขาว
1.เตรียมแก๊ส Cl2 โดยใส่ KMnO4
ประมาณ 3 กรัม ในหลอดทดลองที่มีแขนข้าง ซึ่งมี
สายยางต่อไปจุ่มในหลอดทดลองขนาดกลางที่บรรจุ
สารละลาย NaOH เข้มข้น 1.0 mol/dm3 จานวน
5 cm3 และแช่อยู่ใน
บีกเกอร์ที่มีน้าแข็งบรรจุอยู่
2. ปิดหลอดทดลองด้วยจุกยางซึ่งมีหลอด
หยดบรรจุกรดไฮโดรคลอริก (HCl) เข้มข้นเสียบอยู่
3. หยดกรด HCl เข้มข้นลงบน KMnO4
อย่างช้าๆ และผ่านก๊าซที่เกิดขึ้นลงไปในสารละลาย
NaOH ประมาณ 10 นาที
HCl
KMnO4
สารละลาย
NaOHน้าแข็ง
สารฟอกขาวเป็ นสารประกอบ
ป ร ะ เ ภ ท
ไฮโปคลอไรต์ ใช้ในอุตสาหกรรม
การฟอกย้อมเส้นด้าย เยื่อกระดาษ
และใช้เป็ นสารฆ่าเชื้อโรคในน้า
27. 1.) สมการปฏิกิริยาการเตรียมแก๊สคลอรีน (Cl2)
2KMnO4(s) + 16HCl(aq) 2KCl(aq) + 2MnCl2(aq) + 8H2O(l) + 5Cl2(g)
2.) เมื่อผ่านแก๊ส Cl2 ลงในสารละลาย NaOH เกิดปฏิกิริยาการผลิตสารฟอกขาว
ดังนี้
2NaOH (aq) + Cl2 (g) NaOCl (aq) + NaCl (aq) + H2O (l)
**ผลิตภัณฑ์ที่ได้เป็นสารละลาย แสดงว่า NaOCl ที่
เกิดขึ้นละลายได้ในน้า และเมื่อทดสอบบนกระดาษลิตมัสสี
แดง และน้าเงิน กระดาษทั้งสองสีเปลี่ยนเป็นสีขาวแสดงว่า
NaOCl มีสมบัติฟอกจางสี
**การฟอกจางสีของสารฟอกขาวเกิดจากแก๊ส
คลอรีนที่สลายตัวจากโซเดียมไฮโปคลอไรต์ ซึ่งมีสมบัติในการ
กัดกร่อนสูง
28. แหล่งอ้างอิง
• หนังสือเรียนเคมี อาจารย์อุ๊ Entrance เล่ม 4
• http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=69382
• https://sites.google.com/site/chemeeci/xutsahkrrm-sodeiym-
sodeiym-khlx-rid
• http://mirantree2.blogspot.com/
• http://wwwfreedomlove.blogspot.com/2011/08/blog-post.html
post.html
• http://www.samakkhi.ac.th:81/Education_Online/Data/
สื่อ_ICT-2/ผลงานนักเรียน/วิทยาศาสตร์/อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการ
ผลิต%20NaCl.ppt
29. ผู้จัดทา
1. นางสาว กาญจนา ไชติคะ เลขที่
4
2. นาย อรรถวิชย์ ปานพาน เลขที่
12
3. นางสาว พิมพ์พนิต วิญญารัตน์ เลขที่
14
4. นาย ณัฏฐชัย ไชยชมภู เลขที่ 17
5. นาย นฤทธิ์ นวนด้วง เลขที่ 19
6. นางสาว ขวัญหทัย ปัญจขันธ์ เลขที่ 22
7. นางสาว ศิรินรัตน์ อุประคา เลขที่
เลขที่ 28
8. นาย จุติณัฏฐ์ กิตติพิชญ์กุล เลขที่ 30