Submit Search
Upload
ทันตกรรมป้องกันในเด็กและวัยรุ่น
•
3 likes
•
10,584 views
dentyomaraj
Follow
ผู้นิพนธ์ ทพญ.ชุติมา ไตรรัตน์วรกุล โดย คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Read less
Read more
Report
Share
Report
Share
1 of 413
Download now
Download to read offline
Recommended
งานส่งเสริมทันตสุขภาพและป้องกันโรคช่องปาก
งานส่งเสริมทันตสุขภาพและป้องกันโรคช่องปาก
techno UCH
สุขภาพในช่องปาก ตอน โรคฟันผุ
สุขภาพในช่องปาก ตอน โรคฟันผุ
techno UCH
ทันตสุขศึกษาฟันน้ำนม
ทันตสุขศึกษาฟันน้ำนม
Ballista Pg
โรคฟันผุ
โรคฟันผุ
Ballista Pg
อบรมสอ.อสมป่าบอน
อบรมสอ.อสมป่าบอน
Ballista Pg
โรคปริทันต์
โรคปริทันต์
Ballista Pg
อบรมผู้ปกครองศูนย์เด็ก
อบรมผู้ปกครองศูนย์เด็ก
Ballista Pg
การดูแลทันตสุขภาพแต่ละช่วงวัย
การดูแลทันตสุขภาพแต่ละช่วงวัย
Ballista Pg
Recommended
งานส่งเสริมทันตสุขภาพและป้องกันโรคช่องปาก
งานส่งเสริมทันตสุขภาพและป้องกันโรคช่องปาก
techno UCH
สุขภาพในช่องปาก ตอน โรคฟันผุ
สุขภาพในช่องปาก ตอน โรคฟันผุ
techno UCH
ทันตสุขศึกษาฟันน้ำนม
ทันตสุขศึกษาฟันน้ำนม
Ballista Pg
โรคฟันผุ
โรคฟันผุ
Ballista Pg
อบรมสอ.อสมป่าบอน
อบรมสอ.อสมป่าบอน
Ballista Pg
โรคปริทันต์
โรคปริทันต์
Ballista Pg
อบรมผู้ปกครองศูนย์เด็ก
อบรมผู้ปกครองศูนย์เด็ก
Ballista Pg
การดูแลทันตสุขภาพแต่ละช่วงวัย
การดูแลทันตสุขภาพแต่ละช่วงวัย
Ballista Pg
ทันตสุขภาพผู้สูงอายุ
ทันตสุขภาพผู้สูงอายุ
Ballista Pg
การทำความสะอาดช่องปาก
การทำความสะอาดช่องปาก
Ballista Pg
การตรวจคัดกรองสุขภาพช่องปากสี่สี-คนพิการ
การตรวจคัดกรองสุขภาพช่องปากสี่สี-คนพิการ
Nithimar Or
การดูแลสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยเบาหวาน หน้า ๑ ,แผ่นพับ
การดูแลสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยเบาหวาน หน้า ๑ ,แผ่นพับ
dentyomaraj
Slide ความรู้ด้านการเตรียมสุขภาพช่องปากและฟัน Oral hygiene สำหรับผู้ป่วยปากแ...
Slide ความรู้ด้านการเตรียมสุขภาพช่องปากและฟัน Oral hygiene สำหรับผู้ป่วยปากแ...
cmucraniofacial
การส่งเสริมสุขภาพช่องปากคนพิการ
การส่งเสริมสุขภาพช่องปากคนพิการ
Pattima Burapholkul
ปริทันต์
ปริทันต์
อาม อีฟ
Ppt. คุณแม่วัยใส
Ppt. คุณแม่วัยใส
Prachaya Sriswang
Ppt.เพศ
Ppt.เพศ
Prachaya Sriswang
แนวทางการบริหารจัดการบริการทันตกรรม Fee schedule dental 2563
แนวทางการบริหารจัดการบริการทันตกรรม Fee schedule dental 2563
Sakarin Habusaya
คู่มือการจัดทำบัญชีข้อมูลยา ของ รพ.สต. (Drug Catalogue)
คู่มือการจัดทำบัญชีข้อมูลยา ของ รพ.สต. (Drug Catalogue)
Sakarin Habusaya
ปริทันต์
ปริทันต์
อาม อีฟ
อาหาร Dm
อาหาร Dm
CAPD AngThong
โรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปาก
sivapong klongpanich
โครงงานอาชีพ
โครงงานอาชีพ
ratchadaphun
1.แผนการเรียนรู้ยาเสพติดม.1
1.แผนการเรียนรู้ยาเสพติดม.1
Kruthai Kidsdee
ѹآ֡ 1950
ѹآ֡ 1950
จารวี ระเด่น
สื่อสำหรับผู้พิการ
สื่อสำหรับผู้พิการ
Pop Punkum
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
nuttanansaiutpu
การเกิดปริทันต์ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
การเกิดปริทันต์ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
TangMa Salee
เรื่องฟันฟัน
เรื่องฟันฟัน
an1030
เรื่องของโรคทางระบบ ที่สัมพันธ์กับสุขภาพช่องปาก
เรื่องของโรคทางระบบ ที่สัมพันธ์กับสุขภาพช่องปาก
อาม อีฟ
More Related Content
What's hot
ทันตสุขภาพผู้สูงอายุ
ทันตสุขภาพผู้สูงอายุ
Ballista Pg
การทำความสะอาดช่องปาก
การทำความสะอาดช่องปาก
Ballista Pg
การตรวจคัดกรองสุขภาพช่องปากสี่สี-คนพิการ
การตรวจคัดกรองสุขภาพช่องปากสี่สี-คนพิการ
Nithimar Or
การดูแลสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยเบาหวาน หน้า ๑ ,แผ่นพับ
การดูแลสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยเบาหวาน หน้า ๑ ,แผ่นพับ
dentyomaraj
Slide ความรู้ด้านการเตรียมสุขภาพช่องปากและฟัน Oral hygiene สำหรับผู้ป่วยปากแ...
Slide ความรู้ด้านการเตรียมสุขภาพช่องปากและฟัน Oral hygiene สำหรับผู้ป่วยปากแ...
cmucraniofacial
การส่งเสริมสุขภาพช่องปากคนพิการ
การส่งเสริมสุขภาพช่องปากคนพิการ
Pattima Burapholkul
ปริทันต์
ปริทันต์
อาม อีฟ
Ppt. คุณแม่วัยใส
Ppt. คุณแม่วัยใส
Prachaya Sriswang
Ppt.เพศ
Ppt.เพศ
Prachaya Sriswang
แนวทางการบริหารจัดการบริการทันตกรรม Fee schedule dental 2563
แนวทางการบริหารจัดการบริการทันตกรรม Fee schedule dental 2563
Sakarin Habusaya
คู่มือการจัดทำบัญชีข้อมูลยา ของ รพ.สต. (Drug Catalogue)
คู่มือการจัดทำบัญชีข้อมูลยา ของ รพ.สต. (Drug Catalogue)
Sakarin Habusaya
ปริทันต์
ปริทันต์
อาม อีฟ
อาหาร Dm
อาหาร Dm
CAPD AngThong
โรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปาก
sivapong klongpanich
โครงงานอาชีพ
โครงงานอาชีพ
ratchadaphun
1.แผนการเรียนรู้ยาเสพติดม.1
1.แผนการเรียนรู้ยาเสพติดม.1
Kruthai Kidsdee
ѹآ֡ 1950
ѹآ֡ 1950
จารวี ระเด่น
สื่อสำหรับผู้พิการ
สื่อสำหรับผู้พิการ
Pop Punkum
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
nuttanansaiutpu
การเกิดปริทันต์ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
การเกิดปริทันต์ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
TangMa Salee
What's hot
(20)
ทันตสุขภาพผู้สูงอายุ
ทันตสุขภาพผู้สูงอายุ
การทำความสะอาดช่องปาก
การทำความสะอาดช่องปาก
การตรวจคัดกรองสุขภาพช่องปากสี่สี-คนพิการ
การตรวจคัดกรองสุขภาพช่องปากสี่สี-คนพิการ
การดูแลสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยเบาหวาน หน้า ๑ ,แผ่นพับ
การดูแลสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยเบาหวาน หน้า ๑ ,แผ่นพับ
Slide ความรู้ด้านการเตรียมสุขภาพช่องปากและฟัน Oral hygiene สำหรับผู้ป่วยปากแ...
Slide ความรู้ด้านการเตรียมสุขภาพช่องปากและฟัน Oral hygiene สำหรับผู้ป่วยปากแ...
การส่งเสริมสุขภาพช่องปากคนพิการ
การส่งเสริมสุขภาพช่องปากคนพิการ
ปริทันต์
ปริทันต์
Ppt. คุณแม่วัยใส
Ppt. คุณแม่วัยใส
Ppt.เพศ
Ppt.เพศ
แนวทางการบริหารจัดการบริการทันตกรรม Fee schedule dental 2563
แนวทางการบริหารจัดการบริการทันตกรรม Fee schedule dental 2563
คู่มือการจัดทำบัญชีข้อมูลยา ของ รพ.สต. (Drug Catalogue)
คู่มือการจัดทำบัญชีข้อมูลยา ของ รพ.สต. (Drug Catalogue)
ปริทันต์
ปริทันต์
อาหาร Dm
อาหาร Dm
โรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปาก
โครงงานอาชีพ
โครงงานอาชีพ
1.แผนการเรียนรู้ยาเสพติดม.1
1.แผนการเรียนรู้ยาเสพติดม.1
ѹآ֡ 1950
ѹآ֡ 1950
สื่อสำหรับผู้พิการ
สื่อสำหรับผู้พิการ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การเกิดปริทันต์ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
การเกิดปริทันต์ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
Viewers also liked
เรื่องฟันฟัน
เรื่องฟันฟัน
an1030
เรื่องของโรคทางระบบ ที่สัมพันธ์กับสุขภาพช่องปาก
เรื่องของโรคทางระบบ ที่สัมพันธ์กับสุขภาพช่องปาก
อาม อีฟ
Plaque control53
Plaque control53
Dr.Ratchaneewan Sinawat Poomsa-ad
การควบคุมและป้องกันฟันผุ
การควบคุมและป้องกันฟันผุ
Dr.Ratchaneewan Sinawat Poomsa-ad
Fluoride 2553
Fluoride 2553
Dr.Ratchaneewan Sinawat Poomsa-ad
วิจัยช่องปาก
วิจัยช่องปาก
Chuchai Sornchumni
ความรู้พื้นฐานงานทันตสุขภาพคนพิการ
ความรู้พื้นฐานงานทันตสุขภาพคนพิการ
Nithimar Or
Special dentistry
Special dentistry
Nithimar Or
ทันตสุขภาพสำหรับผู้พิการ ทพ.วรพจน์
ทันตสุขภาพสำหรับผู้พิการ ทพ.วรพจน์
Ballista Pg
ทำอย่างไรให้ฟันลูกน้อยแข็งแรง หน้า ๑,แผ่นพับ
ทำอย่างไรให้ฟันลูกน้อยแข็งแรง หน้า ๑,แผ่นพับ
dentyomaraj
คู่มือ เบาหวานเบาใจห่างไกลโรคทันตกรรม
คู่มือ เบาหวานเบาใจห่างไกลโรคทันตกรรม
ภัคจิรา คำเขียว
Sealant
Sealant
Ballista Pg
การสำรวจสภาวะฟันผุ Oral serway
การสำรวจสภาวะฟันผุ Oral serway
Apples Dansirima
การให้บริการทันตกรรมเอื้ออาทรผู้สูงอายุ
การให้บริการทันตกรรมเอื้ออาทรผู้สูงอายุ
Theerachai Anuwongjaroen
เลขบอกซี่ฟัน
เลขบอกซี่ฟัน
Ballista Pg
กลุ่มงานทันตกรรม สถาบันราชานุกูล
กลุ่มงานทันตกรรม สถาบันราชานุกูล
Pattima Burapholkul
Health tips
Health tips
National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand
Viewers also liked
(17)
เรื่องฟันฟัน
เรื่องฟันฟัน
เรื่องของโรคทางระบบ ที่สัมพันธ์กับสุขภาพช่องปาก
เรื่องของโรคทางระบบ ที่สัมพันธ์กับสุขภาพช่องปาก
Plaque control53
Plaque control53
การควบคุมและป้องกันฟันผุ
การควบคุมและป้องกันฟันผุ
Fluoride 2553
Fluoride 2553
วิจัยช่องปาก
วิจัยช่องปาก
ความรู้พื้นฐานงานทันตสุขภาพคนพิการ
ความรู้พื้นฐานงานทันตสุขภาพคนพิการ
Special dentistry
Special dentistry
ทันตสุขภาพสำหรับผู้พิการ ทพ.วรพจน์
ทันตสุขภาพสำหรับผู้พิการ ทพ.วรพจน์
ทำอย่างไรให้ฟันลูกน้อยแข็งแรง หน้า ๑,แผ่นพับ
ทำอย่างไรให้ฟันลูกน้อยแข็งแรง หน้า ๑,แผ่นพับ
คู่มือ เบาหวานเบาใจห่างไกลโรคทันตกรรม
คู่มือ เบาหวานเบาใจห่างไกลโรคทันตกรรม
Sealant
Sealant
การสำรวจสภาวะฟันผุ Oral serway
การสำรวจสภาวะฟันผุ Oral serway
การให้บริการทันตกรรมเอื้ออาทรผู้สูงอายุ
การให้บริการทันตกรรมเอื้ออาทรผู้สูงอายุ
เลขบอกซี่ฟัน
เลขบอกซี่ฟัน
กลุ่มงานทันตกรรม สถาบันราชานุกูล
กลุ่มงานทันตกรรม สถาบันราชานุกูล
Health tips
Health tips
Similar to ทันตกรรมป้องกันในเด็กและวัยรุ่น
Heritage ok 05-01-54science
Heritage ok 05-01-54science
faiiz011132
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
ศิริวรรณ นามสวัสดิ์
งานนำเสนอประสบการณ์การจัดการเรียนรู้การสืบสานภูมิปัญญาเพื่อสุขภาวะข้าวแดกงา
งานนำเสนอประสบการณ์การจัดการเรียนรู้การสืบสานภูมิปัญญาเพื่อสุขภาวะข้าวแดกงา
Yumisnow Manoratch
Thai Emergency Medicine Journal 5
Thai Emergency Medicine Journal 5
taem
5
5
Jittiporn Zaa
อ.บ ญเร อน
อ.บ ญเร อน
Nooa Love
รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ความหลากหลายและความสัมพันธ์ของเห็ดในดอนปู่ตา2...
รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ความหลากหลายและความสัมพันธ์ของเห็ดในดอนปู่ตา2...
Sircom Smarnbua
Thai Emergency Medicine Journal 4
Thai Emergency Medicine Journal 4
taem
นำเสนอการดำเนินงาน Dhs ประเด็นสุขภาพ odop สุขภาพจิต
นำเสนอการดำเนินงาน Dhs ประเด็นสุขภาพ odop สุขภาพจิต
Gob Chantaramanee
พัฒนาระบบดูแลผู้สูงวัย
พัฒนาระบบดูแลผู้สูงวัย
DMS Library
พัฒนาระบบดูแลผู้สูงวัย
พัฒนาระบบดูแลผู้สูงวัย
guestd1493f
Aaสุขศึกษา 1.53
Aaสุขศึกษา 1.53
Wee Boon
Ummoa101
Ummoa101
Nithimar Or
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหา
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหา
Wichai Likitponrak
คู่มือค่ายพุทธบุตรอุ่นใจธรรม
คู่มือค่ายพุทธบุตรอุ่นใจธรรม
niralai
คู่มือพระวิทยากรค่ายคุณธรรม ฉบับสมบูรณ์
คู่มือพระวิทยากรค่ายคุณธรรม ฉบับสมบูรณ์
niralai
Aip newsletters vol.11 3rd mar - apr 2011
Aip newsletters vol.11 3rd mar - apr 2011
Amarin Uttama
ครูเอี้ยงสมัยนานมาแล้ว
ครูเอี้ยงสมัยนานมาแล้ว
ครู เอี้ยง
Isstrain
Isstrain
Tung' Jitrapon
หนังสือ KM หนองพอก ปี 2555 (งาน KM ปีที่ 4) Page 101 136
หนังสือ KM หนองพอก ปี 2555 (งาน KM ปีที่ 4) Page 101 136
Makin Puttaisong
Similar to ทันตกรรมป้องกันในเด็กและวัยรุ่น
(20)
Heritage ok 05-01-54science
Heritage ok 05-01-54science
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
งานนำเสนอประสบการณ์การจัดการเรียนรู้การสืบสานภูมิปัญญาเพื่อสุขภาวะข้าวแดกงา
งานนำเสนอประสบการณ์การจัดการเรียนรู้การสืบสานภูมิปัญญาเพื่อสุขภาวะข้าวแดกงา
Thai Emergency Medicine Journal 5
Thai Emergency Medicine Journal 5
5
5
อ.บ ญเร อน
อ.บ ญเร อน
รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ความหลากหลายและความสัมพันธ์ของเห็ดในดอนปู่ตา2...
รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ความหลากหลายและความสัมพันธ์ของเห็ดในดอนปู่ตา2...
Thai Emergency Medicine Journal 4
Thai Emergency Medicine Journal 4
นำเสนอการดำเนินงาน Dhs ประเด็นสุขภาพ odop สุขภาพจิต
นำเสนอการดำเนินงาน Dhs ประเด็นสุขภาพ odop สุขภาพจิต
พัฒนาระบบดูแลผู้สูงวัย
พัฒนาระบบดูแลผู้สูงวัย
พัฒนาระบบดูแลผู้สูงวัย
พัฒนาระบบดูแลผู้สูงวัย
Aaสุขศึกษา 1.53
Aaสุขศึกษา 1.53
Ummoa101
Ummoa101
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหา
รายงานนวัตกรรมการจัดกิจกรรมด้านการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปัญหา
คู่มือค่ายพุทธบุตรอุ่นใจธรรม
คู่มือค่ายพุทธบุตรอุ่นใจธรรม
คู่มือพระวิทยากรค่ายคุณธรรม ฉบับสมบูรณ์
คู่มือพระวิทยากรค่ายคุณธรรม ฉบับสมบูรณ์
Aip newsletters vol.11 3rd mar - apr 2011
Aip newsletters vol.11 3rd mar - apr 2011
ครูเอี้ยงสมัยนานมาแล้ว
ครูเอี้ยงสมัยนานมาแล้ว
Isstrain
Isstrain
หนังสือ KM หนองพอก ปี 2555 (งาน KM ปีที่ 4) Page 101 136
หนังสือ KM หนองพอก ปี 2555 (งาน KM ปีที่ 4) Page 101 136
More from dentyomaraj
ค่าตอบแทนภาระงานP 4 P
ค่าตอบแทนภาระงานP 4 P
dentyomaraj
Competition brochure snake game 55
Competition brochure snake game 55
dentyomaraj
Kid yoga,Thai language
Kid yoga,Thai language
dentyomaraj
Ortho price list 2012
Ortho price list 2012
dentyomaraj
หลักฐานเชิงประจักษ์ในการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2547
หลักฐานเชิงประจักษ์ในการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2547
dentyomaraj
Danzenตอบโดย ภญ. ศยามล สุขขา 2284
Danzenตอบโดย ภญ. ศยามล สุขขา 2284
dentyomaraj
บทที่ 10 serratiopeptidase
บทที่ 10 serratiopeptidase
dentyomaraj
Rational Drug Use : Drug use in 3 commom diease in Thailand
Rational Drug Use : Drug use in 3 commom diease in Thailand
dentyomaraj
สามสิ่งดีๆ ในอาทิตย์ที่ผ่านมา
สามสิ่งดีๆ ในอาทิตย์ที่ผ่านมา
dentyomaraj
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
dentyomaraj
วัยซน วัยใส ใส่ใจมื้อหลัก
วัยซน วัยใส ใส่ใจมื้อหลัก
dentyomaraj
จุลสารชมรมจริยธรรม ฉบับที่ ๑
จุลสารชมรมจริยธรรม ฉบับที่ ๑
dentyomaraj
จุลสารชมรมจริยธรรม ฉบับที่ ๓
จุลสารชมรมจริยธรรม ฉบับที่ ๓
dentyomaraj
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
dentyomaraj
Chaipattana tsunami
Chaipattana tsunami
dentyomaraj
Endodontic or root canal treatment knowledge, panpub
Endodontic or root canal treatment knowledge, panpub
dentyomaraj
หนังสือ สำหรับงานพระราชทานเพลิงสังขาร หลวงตามหาบัว
หนังสือ สำหรับงานพระราชทานเพลิงสังขาร หลวงตามหาบัว
dentyomaraj
ร่างพระราชบัญญัติ ฉบับกระทรวงสาธารณสุข
ร่างพระราชบัญญัติ ฉบับกระทรวงสาธารณสุข
dentyomaraj
ร่วมแสดงความเห็นใน 12 ประเด็น ที่เกี่ยวกับร่าง พรบ.697
ร่วมแสดงความเห็นใน 12 ประเด็น ที่เกี่ยวกับร่าง พรบ.697
dentyomaraj
โยคะหัวเราะ
โยคะหัวเราะ
dentyomaraj
More from dentyomaraj
(20)
ค่าตอบแทนภาระงานP 4 P
ค่าตอบแทนภาระงานP 4 P
Competition brochure snake game 55
Competition brochure snake game 55
Kid yoga,Thai language
Kid yoga,Thai language
Ortho price list 2012
Ortho price list 2012
หลักฐานเชิงประจักษ์ในการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2547
หลักฐานเชิงประจักษ์ในการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2547
Danzenตอบโดย ภญ. ศยามล สุขขา 2284
Danzenตอบโดย ภญ. ศยามล สุขขา 2284
บทที่ 10 serratiopeptidase
บทที่ 10 serratiopeptidase
Rational Drug Use : Drug use in 3 commom diease in Thailand
Rational Drug Use : Drug use in 3 commom diease in Thailand
สามสิ่งดีๆ ในอาทิตย์ที่ผ่านมา
สามสิ่งดีๆ ในอาทิตย์ที่ผ่านมา
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
วัยซน วัยใส ใส่ใจมื้อหลัก
วัยซน วัยใส ใส่ใจมื้อหลัก
จุลสารชมรมจริยธรรม ฉบับที่ ๑
จุลสารชมรมจริยธรรม ฉบับที่ ๑
จุลสารชมรมจริยธรรม ฉบับที่ ๓
จุลสารชมรมจริยธรรม ฉบับที่ ๓
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒
Chaipattana tsunami
Chaipattana tsunami
Endodontic or root canal treatment knowledge, panpub
Endodontic or root canal treatment knowledge, panpub
หนังสือ สำหรับงานพระราชทานเพลิงสังขาร หลวงตามหาบัว
หนังสือ สำหรับงานพระราชทานเพลิงสังขาร หลวงตามหาบัว
ร่างพระราชบัญญัติ ฉบับกระทรวงสาธารณสุข
ร่างพระราชบัญญัติ ฉบับกระทรวงสาธารณสุข
ร่วมแสดงความเห็นใน 12 ประเด็น ที่เกี่ยวกับร่าง พรบ.697
ร่วมแสดงความเห็นใน 12 ประเด็น ที่เกี่ยวกับร่าง พรบ.697
โยคะหัวเราะ
โยคะหัวเราะ
ทันตกรรมป้องกันในเด็กและวัยรุ่น
1.
2.
ทันตกรรมปองกัน
ใน เด็กและวัยรุน ชุติมา ไตรรัตนวรกุล บรรณาธิการ
3.
ทันตกรรมปองกันในเด็กและวัยรุน บรรณาธิการ ชุติมา ไตรรัตนวรกุล ISBN
978-974-16-6230-2 พิมพครั้งที่ 3 มีนาคม 2553 จํานวนพิมพ 100 เลม สงวนลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ขอมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแหงชาติ ทันตกรรมปองกันในเด็กและวัยรุน -- กรุงเทพฯ : ภาควิชาทันตกรรมสําหรับเด็ก คณะทันตแพทยศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย, 2551. 418 หนา 1. ทันตกรรมปองกัน -- เด็ก 2. ทันตกรรมปองกัน -- วัยรุน I. ชื่อเรื่อง. ISBN 978-974-16-6230-2 พิมพที่ภาควิชาทันตกรรมสําหรับเด็ก คณะทันตแพทยศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
4.
ผูนิพนธ - รองศาสตราจารย ทันตแพทยหญิง
ชุติมา ไตรรัตนวรกุล วท.บ. (เกียรตินิยม), ท.บ. (เกียรตินิยม), M.S. Certificate in Pedodontics อนุมัติบัตรสาขาทันตกรรมสําหรับเด็ก ภาควิชาทันตกรรมสําหรับเด็ก จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย - รองศาสตราจารย ทันตแพทยหญิง วัชราภรณ ทัศจันทร วท.บ., ท.บ. Cert of Fellowship in Pedodontics อนุมัติบัตรสาขาทันตกรรมสําหรับเด็ก ภาควิชาทันตกรรมสําหรับเด็ก จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย - รองศาสตราจารย ทันตแพทยหญิง ดร. ทิพวรรณ ธราภิวัฒนานนท ท.บ. ประกาศนียบัตรบัณฑิตทางวิทยาศาสตรการแพทยคลินก (ป. บัณฑิต) ิ Doctor of Science in Dentistry ภาควิชาทันตกรรมสําหรับเด็ก จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย - ทันตแพทยหญิง ธนนันท เพ็ชรวิจิตร ท.บ. (เกียรตินยม), วท.บ. (สาขาทันตกรรมสําหรับเด็ก) ิ โรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครศรีธรรมราช
5.
คํานิยม
หนังสือเรื่อง “ทันตกรรมปองกันในเด็กและวัยรุน” นับเปนตําราเรียนที่มีคุณคาสําหรับ วิชาชีพทันตแพทย โดยเฉพาะอยางยิ่งในดานทันตกรรมปองกัน ซึ่งในหนังสือนี้ทานผูเขียนและ คณะไดจัดแบงขั้นตอนความรูไวทั้งสิ้น 10 บทดวยกัน โดยบรรจุความรูทางวิชาการเรื่องโรคฟนผุไว อย า งหลากหลาย ตั้ง แต ส าเหตุ การควบคุ ม การป อ งกั น โรคฟ น ผุ ด ว ยกลวิ ธี ตา ง ๆ ตลอดจน นําเสนอเกี่ยวกับอาหารและโภชนาการที่เปนประโยชน อีกทั้งการใหทันตสุขศึกษาแกมารดาใน ระยะตั้งครรภและหลังคลอด และในแตละบทไดแบงจัดหัวขอไวอยางชัดเจนอันจะเปนการชวยให การอานขอความเนื้อหาของบทใหเขาใจไดงายขึ้น เนื้อเรื่องแตละบททานผูเขียนไดรวบรวมจาก ประสบการณการทํางานจากระยะเวลาอันยาวนานซึ่งถูกตองตามหลักฐานทางวิทยาศาสตรใน ปจจุบัน และจากผลงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทางทันตกรรมปองกันหลายเรื่อง นอกจากนี้ยังมีเนื้อหา ทางวิชาการจากเอกสารอางอิงจํานวนมากเพื่อประกอบเนื้อหาในหนังสือเลมนี้ใหเปนตําราที่ผูอาน จะได ใ ช เ ป น ข อ มู ล ประกอบการพิ จ ารณาในการทํ า งานด า นทั น ตกรรมป อ งกั น อย า งมั่ น ใจถึ ง หลักฐานทางวิทยาศาสตรในปจจุบัน ตามที่ทานผูเขียนไดกลาวไวในคํานํา ดิฉันขอแสดงความชื่นชมและแสดงความยินดีตอทานผูเขียนและคณะผูรวมงานที่ไดผลิต หนังสือ “ทันตกรรมปองกันในเด็กและวัยรุน” อันมีคุณคายิ่งในครั้งนี้ซึ่งจะชวยใหเด็กไทยยุคใหม ฟ น ไม ผุ ส มดั ง เจตนารมณ ข องท า นผู เ ขี ย นไว ใ นคํ า นํ า และแน น อนเป น เจตนารมณ ข องวงการ ทันตแพทยของเราดวย ดวยรักและปรารถนาดี ผศ.ทญ. ถวัลยรัตน โหละสุต ดบ. (กิตติมศักดิ์) นายกทันตแพทยสมาคมแหงประเทศไทย
6.
กิตติกรรมประกาศ สรรเสริญและขอบพระคุณพระเจาสําหรับ
- ความรักอันยิงใหญและพระเมตตาคุณของพระองคทมีตอชีวิตของขาพเจา ่ ี่ - คุณแมที่ประเสริฐสุดของขาพเจาที่ไดสนับสนุนขาพเจาในทุกดานเพื่อใหขาพเจาได ทํางานในสาขาวิชาที่ขาพเจารักคือการเปนอาจารยและทันตแพทยสาหรับเด็ก คุณแม ํ ไดตระเตรียมปจจัยตางๆ ใหขาพเจามีความพรอมที่จะทํางานเปนอาจารย โดยไมตอง กังวลกับการแสวงหาความพอเพียงในการดํารงชีวิต พระคุณของทานใหญหลวงยาก ที่จะทดแทนได - สามีที่ใหความเขาใจ ความอดทน ความรักและกําลังใจแกขาพเจาเสมอมา - ลูกทังสอง “พร และ แพร” ที่เปนลูกที่ดทาใหขาพเจาสามารถใชเวลากับงานในหนาที่ ้ ี ํ ไดอยางเต็มที่ - ศาสตราจารยกิตติคุณนายแพทยไพรัช ดีสดจิต ที่ไดสละเวลาอันมีคาของทานในการ ุ ใหคําแนะนํา เพื่อปรับปรุงตําราเลมนี้ใหมคุณคายิ่งขึ้นตามขอคิดเห็นที่มีคุณประโยชน ี ยิ่งจากผูทรงคุณวุฒิ 3 ทาน - คณาจารยและบุคลากรทุกทานในภาควิชาทันตกรรมสําหรับเด็ก คณะทันตแพทย- ศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ซึ่งไดใหความเปนกัลยาณมิตร ความอบอุนและ ความชวยเหลือขาพเจาเสมอมา ทําใหขาพเจารูสึกวาภาควิชาฯ เปรียบเสมือนบาน ที่ 2 ของขาพเจา และสามารถใชชีวิตในการเปนอาจารยไดอยางมีความสุข - นิสิตปจจุบันและนิสิตหลังปริญญาที่จบการศึกษาแลวทุกคนที่ไดใหความคิดเห็น ขอแนะนํา และชวยเหลือในการจัดทําทางเทคนิค - คุณอุษา ทองคํา ที่อนุเคราะหในการพิมพตนฉบับของตําราเลมนี้ - รศ. ทพญ. สุภาภรณ จงวิศาล ที่อนุเคราะหในการออกแบบงานศิลปและรูปเลมของ หนังสือเลมนี้ ประโยชนอนใดอันเกิดจากหนังสือเลมนี้ ขาพเจาถือวาเกิดจากการสนับสนุนของทุกทานที่ ั กลาวมาแลวนี้ หากมีขอผิดพลาดประการใดขาพเจาขออภัยมา ณ ทีนี้ ่ ขอใหทุกทานเต็มเปยมไปดวยพระพรอันอุดมของพระเจา
7.
คํานํา
ในชวงชีวิตการทํางานดานทันตกรรมสําหรับเด็กของขาพเจา ซึ่งเนนงานปองกันเปนหลัก ขาพเจาไดใชวิทยาการซึ่งไดมีการคนพบมาใชในการปฏิบัติงานและไดเรียนรูวาสิ่งเหลานี้มีผลทํา ใหเด็กจํานวนหนึ่งที่ขาพเจาดูแลเติบโตมาเปนผูใหญที่มีสุขภาพชองปากสมบูรณ หลอหลอมให ขาพเจาเชื่อมั่นในทันตกรรมปองกันมาก การคนพบฟลูออไรดในชวง 60 ป ที่ผานมา และมีการใชอยางแพรหลายในหลายรูปแบบมี ผลในการปองกันฟนผุบนดานผิวเรียบอยางเดนชัด ในยุคตอมา การคิดคนซีลแลนต เพื่อผนึก หลุมรองฟนก็ทําใหอัตราผุบนดานบดเคี้ยวหรือบริเวณดานอื่นๆที่มีหลุมและรองฟนลดลงอยางมี นัย สํ า คั ญ เช น กั น จนอาจพู ด ได ว า เมื่อ ใชทั้ ง 2 อย า งร ว มกั น เราสามารถปอ งกัน ฟ น ผุ ไ ดเ กื อ บ สมบูรณแบบ ปญหาที่ยงควบคุมไมไดสมบูรณคือการผุที่ดานประชิด แตการศึกษาในปจจุบนทําใหเรา ั ั ตระหนักวาเรากําลังจะไปถึงเปาหมายของการปองกันฟนผุไดอยางสมบูรณแบบในเวลาอันใกลนี้ ตําราเลมนี้เขียนขึ้นเพื่อใชในการเรียนการสอนวิชาทันตกรรมปองกันสําหรับเด็ก รหัส 3212-745 และ ทันตกรรมสําหรับเด็ก 1 รหัส 3212-401 และเพื่อแบงปนประสบการณ รวบรวม งานวิจัยของผูอื่นและของขาพเจาเองเพื่อใหผูอานไดใชเปนขอมูลประกอบการพิจารณาในการ ทํางานดานทันตกรรมปองกันอยางมั่นใจถึงหลักฐานทางวิทยาศาสตรในปจจุบันที่จะมีอิทธิพลตอ การเลือกปฏิบัติงานและความสําเร็จ การมีสวนรวมของทานในการสรางเด็กไทยยุคใหมฟนไมผุ จะมีอิทธิพลตอการเปลี่ยน รูปแบบการทํางานของทันตแพทยไทยอยางที่ไมมีใครคาดถึง
8.
สารบัญ
หนา บทที่ 1 โรคฟนผุ 1 ชุติมา ไตรรัตนวรกุล บทที่ 2 โรคฟนผุในเด็กปฐมวัย 43 ธนนันท เพ็ชรวิจิตร ชุติมา ไตรรัตนวรกุล บทที่ 3 การใหทันตสุขศึกษาในมารดาตั้งครรภและหลังคลอด 125 ชุติมา ไตรรัตนวรกุล บทที่ 4 การควบคุมคราบจุลนทรียโดยวิธีกล ิ 149 ชุติมา ไตรรัตนวรกุล บทที่ 5 การควบคุมคราบจุลนทรียโดยใชสารเคมี ิ 175 ชุติมา ไตรรัตนวรกุล บทที่ 6 ฟลูออไรด 213 วัชราภรณ ทัศจันทร ชุติมา ไตรรัตนวรกุล บทที่ 7 การผนึกหลุมและรองฟน 281 ชุติมา ไตรรัตนวรกุล บทที่ 8 อาหาร โภชนาการและสุขภาพชองปาก 326 ทิพวรรณ ธราภิวัฒนานนท ชุติมา ไตรรัตนวรกุล บทที่ 9 การปองกันโรคในชองปากที่สัมพันธกบแผนชีวภาพในอนาคต ั 373 ชุติมา ไตรรัตนวรกุล บทที่ 10 เดนส อีแวจิเนตัส 383 ชุติมา ไตรรัตนวรกุล ดัชนี / Index 399
9.
1
โรคฟนผุ (Caries) ชุติมา ไตรรัตนวรกุล
10.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
2 โรคฟนผุ ปจจัยที่มีผลตอกระบวนการเกิดโรคฟนผุ โรคฟนผุเปนโรคที่เกิดจากปจจัยหลายอยางรวมกัน ไดแก คราบจุลินทรีย อาหารที่เปน คารโบไฮเดรตชนิดสลายตัวได และโฮสต (host) ซึ่งไดแก ฟน น้ําลาย แผนคราบน้ําลาย (acquired pellicle) นอกจากนี้ยังเกิดจากปฏิกิริยาที่ซับซอนของปจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดลอม ไดแก ปจจัยทางชีววิทยา สังคม พฤติกรรมและจิตวิทยา (Reisine และ Litt, 1993) ในอดีตปจจัยทางพันธุกรรมไมไดรับความสนใจ เนื่องจากโรคนี้เกิดไดกับมนุษยทุกคน ปจจัยทางพันธุกรรมที่อาจมีผลตอโรคฟนผุ ไดแก สวนประกอบและโครงสรางของฟน รูปรางของ ฟน รูปแบบของขากรรไกร การเรียงตัวของฟน อัตราไหลและสวนประกอบของน้ําลาย สรีรวิทยา ชองปาก การเลือกสรรเชื้อจุลินทรียบางชนิดในชองปาก อาหารบางประเภท และอุปนิสัยบางอยาง ปจจัยตางๆที่มีผลตอกระบวนการเกิดโรคฟนผุ ไดแก 1. ปจจัยโฮสต คือ ฟน น้าลายและคราบน้าลาย ซึงมีผลตอกระบวนการเกิดโรคฟนผุ ดังนี้ ํ ํ ่ 1.1 ฟน ไดแก ตําแหนง รูปราง สวนประกอบ โครงสราง และอายุของฟน ฟนจะมีความตานทาน ตอการผุสูงขึ้นหลังจากที่ขึ้นมาในชองปาก ดังจะเห็นไดจากมนุษยยุคดึกดําบรรพที่มีอัตราผุต่ํา แต มนุษยสมัยใหมจะไมมีความตานทานธรรมชาติตอการผุ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการ บริโภคอาหารหรือลักษณะอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป ถาสามารถลดการละลายของเคลือบฟนจาก กรด จะสามารถลดโอกาสผุของฟนและเพิ่มความตานทานของฟน ซึ่งปจจัยที่เกี่ยวของไดแก ปจจัยทางอนินทรียที่กําหนดการละลายของเคลือบฟน ขนาดและรูปรางของผลึกเคลือบฟน ความ
11.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
3 ชิดกันของผลึกเคลือบฟน ความแตกตางของสวนประกอบอนินทรียจะเปนตัวกําหนดความเสถียร และการละลายของผลึก โดยผลึกที่มีฟลูออไรดซึ่งอยูในรูปแบบฟลูออรอะพาไทต (fluorapatite) จะมี ค วามเสถี ย รมากกว า ไฮดรอกซี อ ะพาไทต (hydroxyapatite) ส ว นฟ น ที่ มี ค าร บ อเนต (carbonate) เปนสวนประกอบจะทําใหความเสถียรของผลึกลดลง เคลือบฟนละลายงายขึ้น (LeGeros และ Tung, 1983) ขนาด รูปราง และความชิดกันของผลึก มีผลต อการละลายของเคลือบฟน เคลือบฟน ประกอบดวยผลึกเล็ก ๆ ยาวบาง (ขนาดเสนผานศูนยกลางประมาณ 40 nm) ซึ่งรวมตัวกันเปนมัด เพื่อสรางแทงเคลือบฟน (enamel rods) ขนาดเสนผานศูนยกลางประมาณ 4 μm จากเนื้อฟนไป ยังผิวเคลือบฟนขางนอก (Featherstone, 1983) และมีเมทริกซอินทรีย (organic matrix) หอหุม พริซึม (prism) เกิดเปนแผนหอพริซึม (prism sheath) ผลึกนี้มีรูปรางแบบเดียวกันหมด น้ําซึ่งอยู ระหวางผลึกจะทําหนาที่เปนชองทางใหกรดซึมผานเขาไปละลายผลึกเหลานี้ ฟ น ซึ่ ง เคยอยู ใ นสิ่ ง แวดล อ มที่ เ ป น กรดอั น เกิ ด จากคราบจุ ลิ น ทรี ย จะมี ก ระบวนการ ปรับเปลี่ยนใหฟนมีความตานทานการละลายตอกรดไดดีขึ้นในภายหลัง (Kotsanos และ Darling, 1991; Koulourides, 1986) เคลือบฟนของฟนที่เพิ่งขึ้นมาในชองปากจะมีโอกาสผุงาย แตเมื่ออายุ มากขึ้ น ความเสี่ ย งต อ การผุ จ ะลดลง เนื่ อ งจากฟ น ผ า นกระบวนการสะสมแร ธ าตุ ม ากขึ้ น (maturation process) ทําใหมีการเปลี่ยนแปลงสวนประกอบของผิวเคลือบฟนและมีการสะสม สารอนินทรียในชองวางที่เกิดจากการการสูญเสียแรธาตุ ซึ่งชวยในการปองกันฟนผุ (Bibby, 1971) เพราะแรธาตุที่สะสมใหมจะละลายยากกวาแรธาตุเดิม โดยในระหวางการสูญเสียแรธาตุจะมีการ สูญเสียอะพาไทต (apatite) ที่มีคารบอเนตมากกอน และมีอะพาไทตอื่นที่มีคารบอเนตนอยแตมี ฟลูออไรดสูงเขามาแทนที่ (LeGeros และ Tung, 1983) ผลึกซึ่งมีการตกตะกอนใหมนี้จะใหญขึ้น กวาผลึกดั้งเดิม ทําใหมีบริเวณที่มีการสะสมแรธาตุของเคลือบฟนมาก การเปลี่ยนแปลงดังกลาว จึงเปนเหตุใหฟนมีความเสี่ยงตอการผุนอยลงเมื่ออายุมากขึ้น 1.2 น้ําลาย อัตราการไหลและสวนประกอบของน้ําลายเปนปจจัยสําคัญ ที่จะปรับเปลี่ยนกระบวนการ โรคฟนผุ กลไกของน้ําลายในการปองกันฟน ไดแก การชะลางทําใหกรดเจือจางลง และบัฟเฟอร (buffer) กรดจากคราบจุลินทรีย ตานเชื้อจุลินทรีย และมีสารประกอบอินทรียและอนินทรีย ซึ่ง ยับยั้งการการสูญเสียแรธาตุ สงเสริมการคืนแรธาตุรวมทั้งชวยกระบวนการซอมแซมสภาวะฟนผุ ลุกลาม (rampant caries) จะสัมพันธกับการสูญเสียการทํางานของน้ําลาย (Brown และคณะ, 1975)
12.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
4 1.3 แผนคราบน้ําลาย เปนคราบอินทรียซึ่งไมมีเซลลและเชื้อจุลินทรีย อยูระหวางคราบจุลินทรียและผิวเคลือบฟน แผ นคราบน้ําลายจะเกิดไดทั่ ว ไปและจะเกิดกอนแผนชี ว ภาพ (biofilm) ซึ่ง เปนพอลิเมอร (polymer) ธรรมชาติบางๆที่ซับซอนหลายๆ ชั้น เกิดขึ้นไดเองบนผิวฟนที่อยูในของเหลวชีวภาพ รวมทั้งในชองปาก มีสารอินทรียหลายชนิดที่เกี่ยวของในการสรางแผนคราบน้ําลาย ไดแก น้ําลาย สวนประกอบหรือผลิตผลของเชื้อจุลินทรีย น้ําเหลืองเหงือก (gingival fluid) เลือด อาหาร และ ของเหลวจากเคลือบฟน แผนคราบน้ําลายจะสรางขึ้นโดยการเกาะอยางเฉพาะเจาะจง (selective adsorption) ของไกลโคโปรตีนและโปรตีนในน้ําลาย สวนประกอบอินทรียเหลานี้ในน้ําลายจะ สามารถเกาะผิวเคลือบฟนและมักเกาะอยางรวดเร็วกับผิวเคลือบฟนที่ทําความสะอาดดวยผง ขัดพัมมิซ (pumice) แลว แผนคราบน้ําลายนี้จะตองใชเวลาแกตัว (Maturation) อยูชวงระยะหนึ่งกอนที่จะปองกัน กรดไดสูงสุด (Zahradnik, Moreno และ Burke, 1976; Nieuw Amerongen, Oderkerk และ Driessen, 1987) อาจตองใชเวลา 7 วัน หรือมากกวานั้น เมื่อทันตแพทยใชยาสีฟนที่มีผงขัดหยาบ สารฟอกสีและขัดสีฟนบอย ๆ ในการทําความสะอาดฟนจะกําจัดแผนคราบน้ําลายและเกิดผลเสีย ตอผิวฟน เพราะเคลือบฟนจะมีโอกาสการสูญเสียแรธาตุจากกรดเพิ่มขึ้น (Zero, 1996) การสราง แผนคราบน้ําลายมีผลตอการซอมแซมผิวเคลือบฟน หลังจากที่ผิวฟนถูกกรดแกกัดหรือมีรอยขีด ขวนเพียง 1-2 ชั่วโมง จะมีการสรางแผนคราบน้ําลายที่พื้นผิวฟนขึ้นเปนกระบวนการซอมแซมผิว เคลือบฟน 2. อาหาร ความถี่ของการรับประทานคารโบไฮเดรตที่ยอยสลายไดจะมีความสัมพันธสูงสุดกับการผุ ของฟน นอกจากนี้ ยังมีปจจัยอื่นที่เกี่ยวของกับการผุ ไดแก ลักษณะอาหารที่เหนียวติดฟน การมี ปจจัยปองกันฟนผุในฟน (แคลเซียม ฟอสเฟต และฟลูออไรด) และชนิดของคารโบไฮเดรต โดย คารโบไฮเดรตที่ซับซอน (แปง) จะทําใหฟนผุยากกวาน้ําตาลที่ไมซับซอน (ซูโครส กลูโคส ฟรุกโตส) ซึ่งซูโครสเปนน้ําตาลที่ทําใหฟนผุสูงสุด เนื่องจากแบคทีเรียสามารถนําซูโครสไปใชสรางกลูแคน (glucan) นอกเซลลได ขณะที่แปงจะละลายยากในชองปากและมีอัตราการซึมผานในคราบจุลินท รียต่ํา เพราะตองแตกตัวเปนมอลโตส โดยอาศัยเอนไซมแอมีเลส (amylase)ในน้ําลาย กอนที่ เชื้อจุลินทรียในคราบจุลินทรียจะนําไปใช ดวยเหตุนี้แปงสวนใหญจะถูกชะลางออกไปจากชองปาก กอนที่จะมีการแตกตัว
13.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
5 การศึกษาในหนูพบวา ซูโครสทําใหเกิดฟนผุสูงสุด โดยมักเกิดเฉพาะกับบางสายพันธุของ เชื้อจุลินทรีย และขึ้นกับชนิดของสัตวทดลองและดานของฟนที่ผุ (Van Houte, Russo และ Prostak, 1989) ซูโครสและน้ําตาลไมซับซอนชนิดอื่นจะซึมเขาสูคราบจุลินทรีย และถูกยอยสลาย โดยเชื้อจุลินทรียในชองปากไดงาย ทําใหเกิดกรดอินทรียมากพอที่จะลด pH ของคราบจุลินทรียให ต่ําลงกวาจุดที่จะเกิดการสูญเสียแรธาตุ ซูโครสมีลักษณะพิเศษคือ เปนสารที่เกี่ยวของกับการสราง กลู แ คนชนิ ด ละลายได และละลายไม ไ ด น อกเซลล เอนไซม ก ลู โ คซิ ล ทรานสเฟอเรส (glucosyltransferase) และฟรุกโตซิลทรานสเฟอเรส (fructosyltransferase) จะสําคัญตอการ สรางกลูแคนและฟรุกแทน (fructan) นอกเซลล ซึ่งเอนไซมทั้งสองชนิดนี้จะจับไดดีกับซูโครส การที่ซูโครสทําใหฟนผุไดงายสวนหนึ่งเกิดเปนเพราะเชื้อจุลินทรียสามารถใชซูโครสไป สรางพอลิแซ็กคาไรดนอกเซลล (extracellular polysaccharide) ซึ่งทําใหสเตร็ปโตค็อกคัสมิว แทนส (Streptococcus mutans หรือ S. mutans) เกาะที่คราบจุลินทรียไดงาย (Gibbons, 1984) ในการศึกษาฟนผุในปาก คราบจุลินทรียที่ประกอบดวย S. mutans ซึ่งสรางจากการเพาะเลี้ยง ดวยซูโครสจะส งเสริมการสูญเสีย แรธาตุจากฟนดีกวาคราบจุลินทรียที่เพาะเลี้ยงด วยกลู โคส เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงการซึมผานของคราบจุลินทรีย อันเปนผลจากซูโครสสรางกลูแคน ซึ่ง เปนสารที่ไมละลายและอยูนอกเซลล (Dibdin และ Shellis, 1988; Van Houte, Russo และ Prostak, 1989; Zero และคณะ, 1994) สารนี้จะทําใหการซึมผานของคารโบไฮเดรตในอาหารเขา สูคราบจุลินทรียไดงายขึ้น 3. คราบจุลินทรีย เชื้อจุลินทรียบางชนิดที่พบในคราบจุลินทรียเปนตัวสําคัญในกระบวนการเกิดฟนผุ ไดแก มิวแทนสสเตร็ปโตค็อกไค (mutans streptococci หรือ MS) เชน สเตร็ปโตค็อกคัสมิวแทนส สเตร็ปโตค็อกคัสซอบรินัส (Streptococcus sobrinus หรือ S. sobrinus) สายพันธุแลกโตเบซิลไล (Lactobacilli), แอ็ ค ทิ โ นไมซิ ส (Actinomysis) นอนมิ ว แทนส ส เตร็ ป โตค็ อ กไค (non-mutans streptococci) และยีสต (Yeast) ความรุนแรงของเชื้อจุลินทรียจะสัมพันธกับความสามารถในการ เกิดกรดและมีการสรางกรดอยางตอเนื่องที่ pH ต่ําๆ ทําใหฟนสูญเสียแรธาตุ โดยเมื่อมีการใช คารโบไฮเดรตจากอาหารจนหมด เชื้อจุลินทรียจะสามารถสรางและใชพอลิแซ็กคาไรดนอกเซลล และในเซลลมาสรางกรด การสรางกลูแคนซึ่งไมละลายน้ํา จะชวยในการเกาะของ MS ที่คราบจุลิ นทรียและปรับเปลี่ยนการซึมผานของคราบจุลินทรีย ทําใหซับสเตรตอาหาร (dietary substrates) ซึมเขาสูชั้นลึกลงไปของคราบจุลินทรียที่ใกลผิวฟน คุณสมบัติของ MS ดังกลาวนี้จึงมีบทบาทใน
14.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
6 การเกิดฟนผุมาก และจากการใหคําจํากัดความวา โรคฟนผุเปนโรคติดเชื้อจากเชื้อเฉพาะเจาะจง ในคราบจุลินทรีย (specific plaque organisms) จึงไดมีความพยายามในการกําจัดเชื้อจุลินทรีย บางชนิดนี้เพื่อหวังผลในการปองกันฟนผุ แตมีขอถกเถียงถึงสมมุติฐานนี้บนหลักฐานอางอิงคือ 1. แมวาศักยภาพของเชื้อ MS และแลกโตเบซิลไลในการทําใหเกิดฟนผุจะเปนที่ยอมรับ ทั่วไป (Van Houte, 1980) การที่เชื้อนี้มีมากกวาเชื้ออื่นในคราบจุลินทรียจะพบไดใน กรณีอนามัยในชองปากนอยแยมาก การหลั่งของน้ําลายลดลง รวมทั้งการกินน้ําตาล ถี่ หลายกรณีเชื้อโรคเหลานี้ก็ไมสัมพันธกับโรคฟนผุ (Boyar และคณะ, 1989; Marsh และคณะ, 1989) 2. พบ MS ในเชื้อจุลินทรียที่ชองปากมนุษยในประเทศตาง ๆ ทั่วโลก โดยไมสัมพันธกับ ความชุกของโรคฟนผุ (van Palenstein Helderman และคณะ, 1996) 3. การใชสารเคมียับยั้งเชื้อจุลินทรียยังไมประสบผลสําเร็จ โดยพบวาหลังใชเปนเวลา หลายเดือนจะพบการกลับมาของเชื้อในคราบจุลินทรียอีก 4. มีหลักฐานแสดงใหเห็นวาเชื้อนอนมิวแทนสสเตร็ปโตค็อกไคสามารถสรางกรดที่ pH ต่ําๆ และพบวา สัมพันธกับอุบัติการณฟนผุที่เพิ่มขึ้น (Sansone, และคณะ, 1993) โรคฟนผุเปนโรคที่เกิดเฉพาะเจาะจงบางตําแหนง โรคฟนผุมีกระบวนการที่ซับซอนและเกิดเฉพาะที่โดยมักพบบริเวณที่มีการสะสมของคราบ จุลินทรีย และไมถูกกําจัดออกไป ฟนแตละตําแหนงจะมีสิ่งแวดลอมที่มีอิทธิพลตอสวนประกอบ ของคราบจุลินทรีย น้ําลาย การชะลางของอาหารและสารปองกันฟนผุ เชน ปริมาณฟลูออไรดจะ แตกตางกันไปในบริเวณตางๆของชองปาก ขึ้นกับอัตราการไหลของน้ําลาย ความใกลกับรูเปดทอ น้ําลาย และปจจัยทางกายวิภาค (Weatherell, และคณะ, 1986; Watanabe, 1992) ความแตกตางของความหนาของคราบน้ําลายและความเร็วในการเกิดคราบน้ําลายใน บริเวณตางๆ ของชองปากอาจมีผลตอความยากหรืองายของการผุในบริเวณตางๆ (McDonald และ Sheiham, 1992) โดยดานบดเคี้ยวเปนดานที่เสี่ยงสูงสุด ในขณะที่ดานใกลลิ้นของฟนหนา ลางจะเสี่ยงตอการผุต่ําสุด ป จ จั ย โฮสต ที่ มี ผ ลต อ การเกิ ด โรคฟ น ผุ ที่ ตํ า แหน ง เฉพาะเจาะจง ได แ ก รู ป ทรงของ ขากรรไกร ตําแหนงฟน และรูปรางฟน ในขากรรไกรที่โคงมน ลิ้นและแกมจะทําความสะอาดฟนได งาย จึงมีโอกาสเสี่ยงตอฟนผุต่ํา สวนฟนซึ่งอยูนอกตําแหนงปกติหรือซอนกันจะเกิดการสะสมของ คราบจุลินทรียในบริเวณนั้นเปนเวลานาน โดยไมถูกกําจัดออก ฟนที่มีชองวางระหวางกันมากจะ
15.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
7 ทําใหดานประชิดของฟนมีโอกาสผุต่ําเพราะน้ําลายเขาถึงไดงาย ดานบดเคี้ยวของฟนหลังซึ่ง ประกอบดวยหลุมและรองฟนจะเปนที่สะสมคราบจุลินทรียจึงทําใหผุงายและลุกลามเร็ว ยิ่งหลุม รองฟนยิ่งลึกจะมีโอกาสผุมากขึ้น หรือบริเวณคอดเวา เปนรูเล็ก ๆ หรือบนดานผิวเรียบของฟนที่ หยาบจะเปนที่สะสมคราบจุลินทรียจึงเพิ่มโอกาสที่จะเกิดฟนผุ เครื่องมือจัดฟน ฟนปลอม หรือวัสดุ อุดฟนที่บกพรองทําใหเกิดการสะสมคราบจุลินทรียได ฟนซึ่งขึ้นใหมจะมีโอกาสผุมากขึ้นเพราะ ขณะที่ฟนกําลังขึ้นจะไมสัมผัสกับฟนคูสบทําใหดานบดเคี้ยวไมสะอาดเหมือนเมื่อฟนเขาสูการสบ แลว (Thystrup และคณะ, 1983) นอกจากนี้ฟนซึ่งขึ้นใหมจะผุงายเพราะยังไมไดผานกระบวนการ สะสมแรธาตุที่สมบูรณ ความหนาของคราบจุลินทรียและความสามารถในการซึมผานเปนปจจัยเสริมซึ่งจะมี อิทธิพลตออาหาร สารประกอบในน้ําลาย สารตานฟนผุอื่นๆในการเขาสูคราบจุลินทรียในชั้นลึกสุด ชิดกับผิวฟน ความหนาของคราบจุลินทรียที่ตําแหนงตาง ๆ ของฟนจะขึ้นกับความสามารถในการ ยึดติดของเชื้อจุลินทรียและสารนอกเซลลของเชื้อรวมทั้งปจจัยทางกายวิภาค (เชน หลุมรองฟน ดานประชิด และความผิดปกติของผิวฟน) การรักษาอนามัยชองปาก ปจจัยอื่น ๆ ไดแก การมี เครื่องมือจัดฟน การบูรณะฟน เครื่องมือตาง ๆ และการเคลื่อนไหวของเนื้อเยื่อออน (Dawes และ Dibdin,1986; Zero, 1993) ความหนา ความสามารถในการซึมผาน และเมแทบอลิซึมของคราบจุลินทรีย จะมีผลตอ การที่คารโบไฮเดรตซับสเตรตเขาไปถึงชั้นลึกสุดของคราบจุลินทรียชิดกับผิวฟน พบวา แผนชีวภาพ ที่ห นาหรือบางเกิน ไป จะทํา ใหเ กิดกรดที่ฟ น นอยกวาคราบจุลิ นทรียที่มี ค วามหนาพอเหมาะ ศักยภาพในการทําใหฟนสูญเสียแรธาตุสูงสุดจะขึ้นกับความเขมขนของน้ําตาลในน้ําลาย พลวัตของโรคฟนผุ (Dynamic nature of caries) ปจจุบันเปนที่ยอมรับกันทั่วไปแลววา โรคฟนผุเปนกระบวนการซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง ผล สุดทายไมจําเปนตองเกิดรูผุเสมอไป โรคนี้เกิดจากความไมสมดุลระหวางการการสูญเสียแรธาตุ และการคืนแรธาตุ ซึ่งเมื่อเวลาผานไปจะมีการการสูญเสียแรธาตุมากขึ้นจนเกิดเปนรู แมในรอย โรคจุดขาว (white spot lesion) ก็พบวา ในรอยโรคเดียวนี้มีทั้งบริเวณที่กําลังการสูญเสียแรธาตุ และบริเวณที่ มีก ารคื น แร ธาตุ ที่ ผิวฟน จะมีการเพิ่ม แรธาตุในขณะที่ บริเ วณใตพื้น ผิวจะมีก าร สูญเสี ยแร ธ าตุ ฟ น แต ล ะซี่จ ะมี ก ารสูญเสีย และคืน แรธ าตุเ กิดขึ้น ตลอดเวลา ผลลั พ ธข องการ สูญเสียแรธาตุเปนตัวกําหนดวารอยโรคกําลังดําเนินไป ในชวงเวลาเปนเดือนหรือป การสูญเสียแร ธาตุนี้จะมาถึงจุดที่ผิวนอกออนแอและเกิดเปนรู แมรอยโรคจะลุกลามตอไปจนสามารถตรวจพบ
16.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
8 ทางคลินิก รอยโรคก็จะสามารถหยุดยั้งไดและอยูอยางเสถียรในปากหลายๆป บริเวณรอยโรคที่ หยุดยั้งแลวนี้จะตานทานตอการผุไดดีกวาเคลือบฟนปกติ เวลามีผลตอการเกิดลักษณะทางคลินิกของรอยโรค การสูญเสียแรธาตุในชวงตนจะ เกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ หลังจากฟนขึ้น แตการสูญเสียแรธาตุจะหยุดและไมลุกลามตอไปจนตองไดรับ การบูรณะฟน (Backer Dirks, 1966; Ismail, 1997) ดังนั้นจึงมีความจําเปนที่จะตองคนหาวิธีที่ ดีกวาปจจุบันในการวินิจฉัยรอยผุเริ่มแรก การใชฟลูออไรดถี่ๆเปนประจําจะเปลี่ยนแปลงขีดระดับ (threshold) ของปจจัยสาเหตุที่ทําใหเกิดรอยโรคที่ตรวจพบได ปจจุบันไมแนะนําใหใชเครื่องมือตรวจฟน (explorer) ที่คม กดลงบนผิวฟนอยางแรงเพื่อ วินิจฉัยรอยผุ เพราะอาจเกิดความเสียหายชนิดถาวรทีผิวฟน วิธีการจัดการรอยผุจะอนุรักษนิยม ่ มากขึ้นเพราะพบวาหากมีการเปลี่ยนแปลงหรือกําจัดสาเหตุปจจัย เชน อาหารหวานหรือคราบจุลิ นทรีย หรือเพิมปจจัยปองกัน เชนฟลูออไรด เพิ่มอัตราการไหลของน้าลาย อาจจะทําใหมีการคืนแร ่ ํ ธาตุของรอยผุได ในกรณีทไมมีปญหาเรืองความสวยงาม อาจทําการเฝาติดตามรอยโรคที่มีรูโดย ี่ ่ ไมทําการบูรณะ หากพบวากระบวนการของโรคหยุดลง ระยะตาง ๆ ของการผุของฟน 1. การเปลี่ยนแปลงระยะตน ระยะเริ่มตนของการเกิดฟนผุคือ การสูญเสียแรธาตุครั้งแรกในเคลือบฟนหลังจากที่มีการ ลด pH ของคราบจุลินทรียไปจนต่ํากวา pHวิกฤต (ต่ํากวา 5.2-5.5) ลักษณะดังกลาวไมสามารถ ตรวจพบไดทางคลินิก ตองใชวิธีทางหองปฏิบัติการ ปจจุบันมีเครื่องมือที่ตรวจรอยโรคเริ่มแรกซึ่ง ไมสามารถตรวจไดดวยตาหรือภาพถายรังสีมากอน (Eggertsson และคณะ, 1999) ทันตแพทย มักพบปญหาในการพิจารณาวาระดับของการผุทางคลินิกนี้ควรจะทํางานปองกันหรือบูรณะ ทุก คนที่ ไ ม มี ก ารผุ ดํ า เนิ น อยู อ าจมี ก ารการสู ญ เสี ย แร ธ าตุ บ า งหลั ง การรั บ ประทานอาหารที่ มี คาร โ บไฮเดรตที่ ย อยสลายได ทั้ง ในมื้ อหรือ อาหารวา งระหวา งมื้ อ อยา งไรก็ต ามกระบวนการ ซอมแซมจะรักษาความสมดุลของของเหลวในโครงสรางฟน ดังนั้นเครื่องมือที่ดีทางคลินิกที่จะ ตรวจพบรอยผุเริ่มแรกไมควรทําใหทันตแพทยวินิจฉัยระยะการดําเนินไปของโรคสูงเกินไปจนทําให เกิดการรักษาที่ไมจําเปน แตควรชวยใหทันตแพทยตรวจพบฟนผุในระดับที่ควรไดรับการปองกัน ซึ่งตองพิจารณาเปนรายบุคคล เนื่องจากตองใชความเสี่ยงในการเกิดฟนผุของบุคคลนั้นมารวม ประเมินดวย
17.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
9 2. รอยโรคจุดขาว โรคฟนผุระยะเริ่มแรกซึ่งสังเกตเห็นไดทางคลินิกจะเปนรอยขุนขาว (รูปที่ 1-1 และ 1-2) ซึ่ง ทันตแพทยหลายทานพิจารณาวาเปนรอยโรคระยะเริ่มแรก แตในความเปนจริงแลวเปนระยะหลัง ของกระบวนการเกิดฟนผุ รอยโรคจะลุกลามไปที่ความลึก 300-500 μm แลวจึงจะเห็นทางคลินิก ได ที่เห็นเปนรอยขุนขาวเพราะมีการสูญเสียเคลือบฟนขางใตไป ทําใหสูญเสียความโปรงแสงของ เคลือบฟน หากผิวของเคลือบฟนตอเนื่องและเรียบแสดงวา รอยโรคไมมีการดําเนินไป (not active) สวนรอยขุนขาวที่มีผิวหยาบ เนื่องจากมีรูพรุนเพิ่มขึ้น บงชี้วารอยโรคมีการดําเนินไปและลุกลาม รูปที่ 1-1 รอยโรคจุดขาวบริเวณคอฟนหนาน้ํานมบน รูปที่ 1-2 รอยโรคจุดขาวบริเวณคอฟนหนาถาวรบนและลาง
18.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
10 Backer Dirks (1966) ศึกษาพบวา รอยขุนขาวนี้จะไมลุกลามไปเปนรูผุและในบางกรณี เมื่อเวลาผานไปจะมีลักษณะเหมือนเคลือบฟนปกติ ระยะขุนขาวนี้ รอยโรคอาจดําเนินไป หยุดยั้ง หรือผันกลับ โดยเกิดจากการปรับเปลี่ยนปจจัยสาเหตุหรือเพิ่มวิธีการปองกัน รอยโรคที่หยุดยั้งอาจ มีลักษณะเปนสีขาวหรือสีน้ําตาล การผันกลับของรอยโรคขุนขาวนี้อาจเกิดจากการสะสมแรธาตุ กลับหรือมีการขัดสีรอยโรคพื้นผิวออกไป และการรักษาอนามัยชองปาก (Thylstrup, Bruun และ Holmen, 1994) 3. รอยผุซึ่งซอนอยูขางใตหรือมองไมเห็นจากผิวเคลือบฟน (Hidden or Occult Caries) คื อ รอยผุ ที่ ลุ ก ลามจากผิ ว เคลื อ บฟ น สู ชั้ น เนื้ อ ฟ น โดยที่ ผิ ว เคลื อ บฟ น มี ลั ก ษณะปกติ (รูปที่ 1-3) มีการพบความชุกของรอยผุชนิดนี้เพิ่มขึ้น การใชฟลูออไรดเฉพาะที่เพิ่มขึ้นอาจมีผลใน การรั ก ษาผิว ของเคลื อ บฟ น ซึ่ ง อาจปกปด การลุ ก ลามของรอยผุ ใ นชั้น เนื้อฟน ขา งใต ผิว ฟ น ได (Creanor และคณะ, 1990; Lussi, 1993) รูปที่ 1-3 ภาพรังสีแสดงรอยผุที่มองไมเห็นจากผิวเคลือบฟน ในฟนกรามถาวรซี่ที่หนึ่ง 4. รอยผุที่เปนรู (Frank Cavity) ขณะที่กระบวนการผุมีการดําเนินตอไป รอยโรคใตผิวเคลือบฟนจะเพิ่มขนาดขึ้น และ สุดทายจะทําใหเกิดการทะลุของผิวฟนเกิดเปนรูผุ (รูปที่ 1-4) ซึ่งจําเปนตองบูรณะ การผุของฟน ระยะนี้จะมีการทําลายฟนลุกลามเร็วขึ้น เพราะรูผุจะเปนที่ที่คราบจุลินทรียมาสะสมและการเขาถึง ของน้ําลายจะลดลง
19.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
11 รูปที่ 1-4 รอยผุที่เปนรูบนฟนกรามน้ํานมซี่ที่หนึ่งซาย และรอยผุที่หยุดยั้งบนฟนกรามน้ํานมซี่ที่สองและฟน กรามน้ํานมซี่ที่หนึ่งขวา 5. รอยผุที่หยุดยั้ง (Arrested Lesions) รอยผุจะหยุดยั้งที่ระยะใดระยะหนึ่งในกระบวนการผุได หากมีการเปลี่ยนแปลงปจจัย สาเหตุหรือเพิ่มปจจัยปองกัน เชนเมื่อมีการแตกหักของผนังฟนออกไปจะทําใหน้ําลายชะลางและ บัฟเฟอรใหเกิดการคืนแรธาตุที่ฟนไดงายขึ้น ดังในฟนกรามน้ํานมซี่ที่หนึ่งขวาและฟนกรามซี่ที่สอง ในรูปที่ 1-4 ในบางกรณีอาจไมจําเปนตองบูรณะหากไมไดคํานึงถึงความสวยงาม รูปแบบการผุของฟนในระยะตาง ๆ ของเด็ก ฟนชุดน้ํานม ชุดผสมและชุดถาวรระยะตนจะมีการผุที่แตกตางกันตามสาเหตุและปจจัย อื่นๆในชวงเวลาฟนซี่นั้นขึ้นมาในชองปาก ดังนี้ 1. การผุในฟนชุดน้ํานม 1.1 โรคฟนผุในเด็กปฐมวัย (Early childhood caries) ปญหาที่พบมากที่สุดและเปนปญหาทันตสุขภาพสําคัญของเด็กไทยกอนวัยเรียนคือ โรค ฟ น ผุ ใ นเด็ ก ปฐมวั ย หรื อ โรคฟ น ผุ จ ากการเลี้ ย งด ว ยนมขวดหรื อ ของเหลวอย า งอื่ น ที่ ไ ม ถู ก วิ ธี (Nursing caries) ลักษณะสําคัญคือ มีรอยผุเริ่มตนที่ฟนหนาบนและเขี้ยวลางที่ดานใกลแกมและ ใกลลิ้น ฟนกรามซี่ที่หนึ่งบนและลาง แตโดยสวนใหญฟนหนาลางมักไมผุ สาเหตุเกิดจากการให เด็กดูดนมขวดเขานอนหรือดูดนมในชวงนอนกลางคืน หรือดูดนมมารดาทุกเมื่อที่ตองการในขณะ นอน โดยในชวงนอนน้ําลายจะหลั่งนอยจึงทําใหการชะลางของเหลวที่คางอยูในปากไมดี โรคนี้จะ ปองกันไดถาใหคําปรึกษาแนะนําตั้งแตระยะแรกคือ เมื่อทารกอายุ 6-12 เดือน
20.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
12 1.2 โรคฟนผุชนิดอื่นในฟนน้ํานม เมื่อแยกโรคฟนผุในเด็กปฐมวัยออกไป จะสามารถแบงกลุมเด็กที่เหลือตามลักษณะการผุ ของฟนเปน 3 ชนิด คือ ไมมีฟนผุเลย ผุที่หลุมรองฟน และผุดานประชิดในฟนกราม ดานบดเคี้ยวของฟนกรามซี่ที่หนึ่งจะผุยากกวาฟนกรามซี่ที่สอง แมวาฟนกรามซี่ที่หนึ่งจะ ขึ้นกอนก็ตามเนื่องจากฟนทั้งสองมีลักษณะทางกายวิภาคที่ตางกัน โดยฟนกรามซี่ที่สองมักจะมี หลุมและรองฟนที่ลึกกวา ดานประชิดของฟนน้ํานมจะผุเมื่อสัมผัสกัน การผุดานประชิดจะลุกลามเร็วกวาดานบด เคี้ยวและเกิดการผุเผยเนื้อเยื่อใน (pulp exposure) ไดมากกวา ดังนั้นจึงตองถายภาพรังสีกัดปก (bitewing) เปนระยะเมื่อฟนน้ํานมมาประชิดกัน Greenwell และคณะ (1990) ติดตามรูปแบบการ ผุของเด็ก 317 คน อายุเฉลี่ย 7.8 ป ในคลินิกเอกชน พบวารอยละ 8 ของเด็กซึ่งไมมีฟนผุในชุดฟน น้ํานมจะไมมีฟนผุในฟนชุดผสม เด็กที่มีฟนผุที่หลุมและรองฟนในฟนชุดน้ํานมจะมีโอกาสเกิดการ ผุที่ดานผิวเรียบในฟนชุดน้ํานมมากกวาเด็กที่ไมมีฟนผุ รอยละ 57 ของเด็กที่มีฟนผุดานประชิด ในฟนชุดน้ํานมจะผุดานประชิดเพิ่มขึ้นในฟนชุดผสม เด็กที่มีฟนผุดานใกลแกมและใกลลิ้น (ผุจาก การเลี้ยงลูกดวยนมไมถูกวิธี) จะมีความเสี่ยงสูงสุดในการมีรอยผุเพิ่มขึ้น 2. การผุในฟนชุดผสม ฟ น กรามถาวรล า งซี่ ที่ ห นึ่ ง จะผุ ก อ น และมี โ อกาสผุ สู ง กว า ฟ น กรามถาวรบน Gray, Marchment และ Anderson (1991) พบวา ฟนกรามน้ํานมที่ผุตั้งแต 3 ซี่ขึ้นไป ที่อายุ 5 ป จะเปน ตัวบงชี้ดีที่สุดในการบอกวาที่อายุ 7 ป ฟนกรามถาวรซี่ที่หนึ่งจะผุ ฟนตัดกลางและฟนตัดขางบนถาวร โอกาสผุมักไมสูงมาก นอกจากเด็กที่มีฟนผุรุนแรง เนื่องมาจากสุขอนามัยในชองปากไมดี รับประทานอาหารประเภทคารโบไฮเดรตมาก หายใจทาง ปาก หรือน้ําลายนอย อยางไรก็ตามฟนตัดขางบนถาวร มีโอกาสผุดานใกลลิ้นสูง เพราะมีหลุมรอง จึงควรใชสารผนึกหลุมและรองฟนปองกันไว 3. การผุในฟนชุดถาวรระยะตน ในชวงที่มีฟนกรามถาวรซี่ที่สอง และฟนกรามนอยขึ้นมาจะมีโอกาสผุเพิ่มขึ้น ฟนกราม ถาวรซี่ที่สองลาง มีโอกาสผุบนดานบดเคี้ยวมากกวาฟนกรามถาวรซี่ที่สองบน จึงควรทําการผนึก หลุมและรองฟนเพื่อปองกันการผุลุกลามอยางรวดเร็ว
21.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
13 ฟนผุลุกลาม เปนการผุชนิดเฉียบพลัน กระจายอยางรวดเร็ว ทําใหเกิดการผุลุกลามของ เนื้อเยื่อในและมีผลกระทบตอฟนบางซี่ซึ่งปกติมักจะตานทานตอการผุ กลไกการเกิดฟนผุของโรคนี้ไมแตกตางจากฟนผุชนิดอื่น แตอาจเกิดในฟนที่ตานทานการ ผุมาหลายป มีปจจัยซึ่งทําใหการผุลุกลามรวดเร็วจนควบคุมไมได เมื่อพบผูปวยที่ฟนผุมากตอง พิจารณาวาเปนเพราะมีความเสี่ยงตอการเกิดฟนผุสูง และเกิดขึ้นอยางกะทันหัน (sudden onset) หรือเปนเพราะละเลยไมไดดูแลอนามัยชองปากมาเปนเวลาหลายป ลักษณะที่โดดเดนของฟนผุ ลุกลาม คือ มีรอยผุดานประชิดในฟนหนาลางและรอยผุท่คอฟน ี มีหลักฐานพอเพียงที่แสดงวาปญหาทางอารมณอาจเปนสาเหตุที่ทําใหเกิดโรคนี้ เชน หดหู กลัว ไมพอใจกับสิ่งที่ทํา ตอตานครอบครัว รูสึกต่ําตอยและมีประสบการณที่โรงเรียนที่มีผลกระทบ ตอรางกายและจิตใจ มีความเครียดและวิตกกังวล ในชวงวัยรุนเปนเวลาที่ยุงยากตอการปรับตัว และมีอุบัติการณของโรคนี้ในชวงวัยรุน จึงเปนสิ่งยืนยันทฤษฎีดังกลาว การรบกวนทางอารมณและจิตใจ อาจทําใหรับประทานจุบจิบ น้ําลายหลั่งนอยลงเพราะ เครียด ตื่นเตน ยาหลายชนิดที่รับประทานเพื่อแกปญหาเหลานี้ เชน ยากลอมประสาทและยา คลายกังวล มีผลใหน้ําลายหลั่งนอยลง ทําใหฟนผุมากขึ้น และการคืนแรธาตุนอยลง การประเมินความเสี่ยงตอการเกิดโรคฟนผุ (Caries Risk Assessment) คือ วิธีการทํานายการเกิดฟนผุกอนที่จะพบรอยผุทางคลินิก โดยใชขอมูลที่ดีที่สุดที่มีอยู ในปจจุบัน อัตราผุของแตละบุคคลจะไมเหมือนกัน ดังนั้นเพื่อใหการพัฒนาสุขภาพชองปากของ เด็ก วัยรุน เปนไปตามความตองการ และใชทรัพยากรใหมีประสิทธิผลสูงสุด จึงควรมีการประเมิน ความเสี่ยงตอการเกิดโรคฟนผุเพื่อใชทั้งในแตละบุคคลและในชุมชน วัตถุประสงคของการประเมินความเสี่ยงตอการเกิดโรคฟนผุคือ 1. ประเมินระดับความเสียงตอการเกิดฟนผุของผูปวย เพื่อวางแผนการรักษาและ ่ กําหนดความถี่ของระยะติดตาม 2. หาสาเหตุหลักที่ทาใหเกิดฟนผุเพื่อเลือกวิธการปองกันรักษา เชน ควบคุมคราบ ํ ี จุลินทรียควบคุมอาหาร 3. การกลับมาติดตามผลและประเมินซ้า ทําใหพิจารณาไดวาวิธีการที่ใชไปนั้นเกิดผล ํ สําเร็จ หรือตองมีการปรับเปลี่ยน 4. ในงานปองกันทางชุมชนจะสามารถเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับเด็กทีมีความเสียงสูง ่ ่ เพื่อเปนการประหยัดทรัพยากร และแกปญหาไดตรงเปาหมาย
22.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
14 การประเมินความเสียงเกี่ยวของกับปจจัยตางๆทีทําใหบคคลหรือฟนซีนั้นๆมีโอกาสเสี่ยง ่ ่ ุ ่ ตอการเกิดโรคฟน หรือผุยากงายตางกัน จึงมีคํานิยามศัพทที่เกี่ยวของ ดังนี้ ความเสี่ยงตอการเกิดโรคฟนผุ (Caries risk) คือ ความเปนไปไดในการเกิดรอยผุ การผุงายหรือยาก (Caries susceptibility) คือ โอกาสที่ฟนจะผุงายหรือยากเมื่ออยูในสิ่งแวดลอมที่ทําใหเกิดฟนผุได ซึ่งจะแตกตาง กันในแตละบุคคล ขึ้นกับรูปราง ตําแหนง และดานของฟน รวมทั้งประวัติการไดรับฟลูออไรด การดําเนินไปของโรคฟนผุ (Caries activity) เปนการประเมินรอยผุวากําลังลุกลามหรือหยุดยั้งลงโดยสังเกตลักษณะการผุ(หยาบหรือ เรียบ มันหรือดาน)และสีของรอยโรค มีคราบจุลินทรียปกคลุมรอยโรค รวมทั้งเปรียบเทียบความลึก จากภาพถายรังสีครั้งแรกและเมื่อมาติดตามผล ปจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคฟนผุ (Risk factors) คือ ปจจัยที่มีบทบาทสําคัญในสาเหตุและกระบวนการเกิดโรคฟนผุ หรือการลุกลาม ไดแก คราบจุลินทรีย น้ําลาย อาหาร ฯลฯ ตัวบงชี้ความเสี่ยง (Risk indicator) คือ ปจจัยหรือสถานการณที่สัมพันธทางออมกับโรค ไดแก สถานะเศรษฐกิจสังคมต่ํา การศึกษาต่ํา หรือการนับถือตนเองต่ํา หรือปจจัยสัมพันธกับสุขภาพทั่วไป (มีสภาวะของโรคพิการ) และปจจัยทางระบาดวิทยา ไดแก อาศัยอยูในประเทศหรือพื้นที่ที่มีอัตราผุสูง มีอัตราผุในอดีตสูง การประเมินความเสี่ยงตอการผุ รวมทั้งการประเมินรอยผุวามีการดําเนินไปของโรคหรือไม จะ ขึ้นอยูกับปจจัยเสี่ยงซึ่งชัดเจนและพิจารณาเลือกมาใชในการประเมิน รวมทั้งตัวบงชี้ของความ เสี่ยง ซึ่งใชพิจารณารวมกันเปนขอมูลเฉพาะบุคคล ปจจัยเสี่ยงตอการเกิดโรคฟนผุ โรคฟนผุไมใชโรคที่เกิดขึ้นในครั้งเดียว (เหมือนโรคติดเชื้อทั่วไป) แตเปนการเกิดที่ตอเนื่อง เปนเวลานาน คนที่มีความเสี่ยงตอการผุอาจเปนคนที่ฟนไดสัมผัสกับปจจัยสาเหตุบอยหรือถี่กวา คนอื่น ซึ่งปจจัยเสี่ยงไดแก 1. เชื้อจุลินทรีย ทารกหลังจากคลอดไมนาน จะพบการตั้งถิ่นฐานของเชื้อที่เปนสาเหตุของโรคฟนผุซึ่งถูก สงตอมาจากมารดา บิดา หรือผูดูแลทารก การสงตอของเชื้อขึ้นกับปริมาณเชื้อเหลานี้ของผูดูแล ทารก เด็กอายุ 2-3 ป ที่มีปริมาณ MS มากจะมีความเสี่ยงสูงตอการเกิดโรคฟนผุในฟนน้ํานม
23.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
15 (Köhler และ Bratthall, 1978; Alaluusua และ Renkonen, 1983; Köhler, Bratthall และ Krasse, 1983; Zickert, Emilson และ Krasse, 1983; Köhler, Andreen และ Jonsson, 1984) ซึ่ง ปริมาณรอยผุจะสัมพันธกับปริมาณ MS ทั้งในเด็กและผูใหญ (Newbrun และคณะ, 1984; Beighton, 1991; Bratthall, 1991) การวัดปริมาณ MS ในน้ําลายในประชากรทั้งหมดมีความแมนยําในการพยากรณโอกาส ในการเกิดฟนผุต่ํากวารอยละ 50 (Sullivan, Granath และ Widenheim, 1989; Ravald และ Birkhed, 1991) ในคนที่มีอัตราผุสูงจะพบความสัมพันธระหวางเชื้อโรคที่เปนสาเหตุกับอัตราฟนผุ สวนในคนที่มีฟนผุต่ําหรือไมผุเลยจะพบปริมาณเชื้อนอย การตรวจเชื้อจะมีความสัมพันธสูงกับ กลุมเสี่ยงสูงหรือกลุมเสี่ยงต่ํา แตการทํานายในกลุมเสี่ยงปานกลางจะไมคอยมีประสิทธิผลนัก แมวา lactobacillus จะไมใชเชื้อที่เปนสาเหตุของการเกิดโรคแตจะพบในปริมาณสูงขึ้น เมื่อรับประทานอาหารคารโบไฮเดรตเพิ่มขึ้น สวนการทดสอบเชื้อจุลินทรียอื่นๆ จะมีความแมนยํา ในการทํานายโรคฟนผุนอยกวาเมื่อเทียบกับการทดสอบ MS (Pienihäkkinen, Scheinin, Bánóczy, 1987) ในประเทศที่อัตราการผุของฟนต่ํา การทดสอบจุลชีววิทยาจะสามารถพยากรณ โรคฟนผุไดนอยลง (Klock และคณะ, 1989) 2. น้ําลาย น้ําลายจะบัฟเฟอรกรดซึ่งเกิดจากเชื้อในคราบจุลินทรียใหเปนกลางและชะลางอาหารออก จากชองปาก การสรางน้ําลายและการชะลางของน้ําลายจะถูกกระตุนโดยการเคี้ยว การไหลของน้ําลายจะเพิ่มในเด็กเล็กจนถึงอายุประมาณ 10 ป จากนั้นจะเพิ่มขึ้นเล็กนอย จนเปนผูใหญ ในผูสูงอายุจะพบผูปวยที่มีน้ําลายลดลงจํานวนมากขึ้น ซึ่งการไหลของน้ําลายไมได เกี่ยวของกับอายุโดยตรง แตเกิดจากผลขางเคียงของยาบางชนิดที่ทําใหการไหลของน้ําลายลดลง ในกรณีที่ตอมน้ําลายทํางานลดลง การดําเนินไปของโรคฟนผุจะเพิ่มขึ้นอยางเดนชัด (Ravald และ Hamp, 1981; Fure และ Zickert, 1990; Powell, Mancl และ Senft, 1991) น้ําลายที่สามารถบัฟฟอรกรดใหเปนกลางไดดี จะลดความเสี่ยงของโรคฟนผุในตัวฟนและ ราก (Ericsson และ Hardwick, 1978) อยางไรก็ตามความสามารถในการบัฟเฟอรจะสัมพันธกับ อัตราการไหลของน้ําลาย แตปจจัยอื่นๆ ของน้ําลาย ไดแก ความเขมขนของโปรตีน ไอออนอื่นๆ หรือการทํางานของเอนไซมจะมีความสัมพันธไมมากกับความเสี่ยงตอการผุ (Pearce, 1991; Agus และ Schamschula, 1983)
24.
บทที่ 1 โรคฟนผุ
16 3. พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การรับประทานอาหารที่ทําใหเกิดฟนผุขึ้นกับหลายปจจัย การศึกษาในสัตวทดลองพบวา เมื่อแปงและน้ําตาลซูโครสอยูรวมกันจะมีโอกาสทําใหเกิดฟนผุสูงมาก ซึ่งเปนผลมาจากอัตราการ ชะลางที่ชา (Bowen และคณะ, 1980; Lingstrom และคณะ, 1989) ผิวรากฟนจะสูญเสียแรธาตุ ไดงายจากอาหารประเภทแปง (Lingstrom และคณะ, 1994) นอกจากปจจัยภายในของอาหารแลว วิธีการรับประทานอาหารยังเปนปจจัยหนึ่งที่มีผล ตอการผุมาก (Gustafsson และคณะ, 1954; Bowen และคณะ, 1983) เปนที่ทราบกันวาปริมาณ ของคารโบไฮเดรต โดยเฉพาะอยางยิ่งน้ําตาลเพียงอยางเดียวไมใชปจจัยเดียวที่จะทําใหเกิดฟนผุ แตสําคัญที่ความถี่ของการรับประทาน (Newbrun, 1979; Newbrun 1982) ดังนั้นทันตแพทย จําเปนตองประเมินคําบอกเลาเกี่ยวกับพฤติกรรมการรับประทานอาหารจากผูปวยอยางละเอียด รอบคอบ ปริมาณของน้ําตาลที่รับประทานมีผลตอโรคฟนผุที่หลุมและรองฟน (Rugg-Gunn และ คณะ, 1984) ปริมาณการใชน้ําตาลตอประชากรในประเทศอุตสาหกรรมที่มีอุบัติการณผุต่ํา มีผล ตอความชุกของโรคเพียงเล็กนอยเทานั้น (Burt และคณะ, 1988) ในเด็กที่มีอนามัยชองปากดีจะมี ฟนผุเพิ่มขึ้นนอย (Schroder และ Granath, 1983) และการรับประทานน้ําตาลปริมาณมากจะ เพิ่มความชุกของโรคฟนผุเฉพาะในกลุมที่มีอนามัยชองปากไมดี (Kleemola-Kujala, และ Rasanen, 1982) ตัวบงชี้ความเสี่ยง ปจจัยหรือสถานการณที่สัมพันธกับโรคฟนผุทางออม ไดแก 1. สุขอนามัยชองปาก โรคฟนผุสามารถลดไดโดยการกําจัดคราบจุลินทรียจากผิวฟน แตประชากรสวนใหญ แปรงฟนอยางไมมีประสิทธิภาพ (Granath และคณะ, 1979; Bjertness, 1991; Chesters และ คณะ, 1992; Ogaard, Seppa และ Rølla,1994) การประเมินประสิทธิผลของการแปรงฟนอยาง เดียวทําไดยาก เพราะการแปรงฟนมักใชยาสีฟนผสมฟลูออไรดรวมดวย นอกจากนั้นดัชนีคราบจุลิ นทรียสวนใหญอยูที่ผิวฟนดานเรียบในขณะที่การผุสวนใหญเกิดที่หลุมรองฟนและดานประชิด 2. ฟลูออไรด หลังฟนขึ้นมาในชองปากผลของฟลูออไรดในการตอตานฟนผุจะสัมพันธกับความเขมขน ของฟลูออไรดในปาก ดังนั้นการใชฟลูออไรดอยางสม่ําเสมอจึงเปนปจจัยสําคัญในการลดฟนผุ
Download now