More Related Content
Similar to มรดกอารยธรรมโลก(อ.ไพรินทร์) (20)
More from Heritagecivil Kasetsart (20)
มรดกอารยธรรมโลก(อ.ไพรินทร์)
- 1. บทททีี่่ 22
ศรรััทธธาาคววาาม
เเชชื่อื่อ
แแลละะภภููมมิปิปัญัญญญาา
ผศข..ไไอพอรงงิินมทนรร์์ุุษกกะะยทท์์ิิ
พรมรราาช
ภภาาคววิชิชาาปรรััชญญาา
แแลละะศศาาสนนาา
คณณะะมนนุษุษยศศาาสตรร์์
- 4. - เป็นพหุเทวนิยม
- อธิบายการกำาเนิดและความ
เป็นไปของโลกหรือจักรวาล
(เช่น ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า การโคจร
ของดวงดาวต่างๆ ฯลฯ) รวมทั้ง
ชีวิตมนุษย์ว่าเป็นไปตามอำานาจ
ดลบันดาลของเทพเจ้า
โลกหรือจักรวาลจึงมีสภาพที่ไร้
ระเบียบกฎเกณฑ์ เรียกสภาพ
Chaos
- 9. ปรรััชญญาากรรีีก
โโบบรราาณยยุุคแแรรก
- เป็นปรัชญาธรรมชาติ
- สนใจเเรริ่คิมิ่ม
ดค้นความจริง
สูงสุด เกยี่วกับโลกและ
-จ เักรริ่มวปารลัชนญอากด้ตวยัวคมำานถุษายม์ว่า
อะไรคือปฐมธาตุ (สสารดั้งเดิม
ที่สุด เป็นวัตถุดิบที่ก่อให้เกิด
โลก) ของโลก? โลกเกิดจาก
อะไร? ปัญหาทาง
อภิปรัชญา
- 10. - เชื่อว่าโลกระเบียบกฎเกณฑ์ เรียก
-ส ภตัาวพอเยช่า่นงนนี้วัก่าป Cรoัชsญmาo s
ธาเลส (Thales) บิดาของ
ปรัชญาตะวันตก
เอมเปโดเคลส
(Empedocles)
“ นำ้า คือ ปฐมธาตุของ
โลก ”
เดมอคริตุ“ ส ดิ(น Democritus)
นำ้า ลม ไฟ
คือ ปฐมธาตุของโลก ”
“ ปรมาณูหรืออะตอม
คือ ปฐมธาตุของโลก ”
- 12. - ความดี ชั่ว ถือเป็นเรื่อง
ความรสูึ้กชอบ หรือไม่
ชอบของแต่ละบุคคล (สัม
- ชีวิตที่ประเสริฐ คือ ชีวิต
ที่ประสพับทคธวานิยมมสำา)
เร็จ
- ปรัชญาควรสนใจปัญหา
เกี่ยวกับชีวิต มากกว่า
ปัญหาทเี่กยี่วกับโลก และ
จักรวาล
- 13. โโสสกรราาตตีีส
- ปรัชญ((าSSคooวccรrสraaนttใeeจssป))ัญหา
ชีวิตของมนุษย์ มากกว่า
-ป มัญีคหวาาโมลจกรหิงรหือรจือักหรลวักาเลกณฑ์ที่
แน่นอนตายตัวดำารงอยู่ด้วย
-ต กัวามรันกเอระงท ไำามท่ขี่ดึ้นีงกาับมม คนือุษ กย์ารก
ระทำาที่สอดคล้องกับความจริง
ที่ตายตัวนี้ ดังนั้นความรู้ความ
จริงจึงเป็นสิ่งจำาเป็นและมีค่าที่
ที่มาภาพประกอบ : www.rci.rutgers.
- 14. โโสสกรราาตตีสีส
((SSooccrraatteess))
- มนุษย์สามารถเข้าถึงความ
-จ รคิงวาไมดร้ดู้เป้ว็นยฐเหานตรุผอลงรับความ
ประพฤติดี
“ คุณธรรมคือความรู้ ” คือ คนรู้
ผิดชอบชั่วดี ย่อมทำาความดี ไมมี่
ใครทำาชั่วทั้งๆที่รู้ว่าชั่ว
- 18. ทฤษฎี “โลกของ
-สิ่งตแ่าบงๆบท”ี่อยู่ ในโลกของสสาร
วัตถุ สิ่งเฉพาะ
-แบบ = สิ่งสากลอยู่ในโลกของ
แบบ
-แบบ เป็นอสสาร (ไม่กินที่และไม่
ขึ้นกับเวลา)
-แบบ มิใช่สิ่งทมี่นุษย์คิดขึ้น แต่มี
อยู่โดยตัวมันเองและเป็นนิจนิรัน
ดร์ วัตถุวิสัย
- 19. จรริยิยศศาาสตรร์์((EEtthhiiccss
))ของเเพพลโโตต - ความดีเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงอย่าง
แน่นอนตายตวั ไม่ขึ้นอยู่กบัมนุษย์
(-ส จมัุดบหรูณมานยิยสม)ูงสุดของชีวิต คือ
การทำาจิตให้เป็นอิสระจาก
ร่างกาย โดยการเพ่งสมาธิจิต
ไปสู่โลกของแบบ
- ชีวิตที่ดี คือ ชีวิตที่มีดุลยภาพ
โดยวิญญาณทั้ง 3 ส่วน (ส่วน
เหตุผล ส่วนนำ้าใจ ส่วนตัณหา)
ได้ทำาหน้าที่ของมันอย่าง
เคร่งครัดไม่ก้าวก่ายส่วนอื่น
- 20. - เมื่อจิตวิญญาณทั้ง 3 ส่วนได้
ทำาหน้าที่อย่างสมบูรณ์ และ
กลมกลืนกันจะทำาให้เกิด
คุณธรรม 4 ประการ
ดังนั้นคนดีก็คือคนที่มีคุณธรรม 4
ประการนี้ คือ
1. ปัญญา
2. ความกล้าหาญ
3. การควบคุมตนเอง
4. ความยุติธรรม
- 21. อรริิสโโตตเเตติลิล
- ไ((มAA่เหrr็iนissดtt้วooยttกlleeับ))ทฤษฎี “โลก
ของแบบ” ของเพลโต
- โลกที่เราอยู่และสิ่งต่างๆใน
โลกเป็นสิ่งจริงแท้
- สสารและแบบ ไม่สามารถแยก
ออกจากกันได้ “แบบทุกแบบนั้น
มีพื้นฐานอยู่ในธรรมชาติ” ดังนั้น
สงิ่จริงทั้งหลายในโลก ก็คือ
ปัจเจกวัตถุที่มีส่วนผสมของ
สสารและแบบ
- สิ่งต่างๆพัฒนาจากภาวะแฝงสู่
- 24. 22.. ปรรัชัชญญาาตตะะววัันตก
- จักรพรรดยยิจุุคคัสตกกิเลลนียาานงที่1 ทรง
ประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็น
ศาสนาประจำาชาติโรมันเพียง
ศาสนา เดียว
- ปรัชญาอยู่ในฐานะผู้ช่วยของ
เพื่อทำาให้คำาสอนของ
ศาสนาดูมีเหตุผลมากขึ้น หรือ
เป็นเพียงเครื่องมือในการเปิด
เผยความจริงและความลำ้าลึก
แห่งศรัทธา
- ยุคกลางได้รับการขนานนาม
ว่าเป็น ยุคมืด
- 25. - นักปรัชญาที่มีชื่อเสียง เป็น
-บ นาทักหบุญลวองอทกั้งุสสติ้นิน
(St.Augustine) นำาปรัชญา
-ข นอักงเบพุญลทโตอมมาัสอ อธคิบวาินยาศสา สนา
(St.Thomas Aquinas) นำา
ปรัชญาของอริสโตเติลมา
อธิบายศาสนาคริสต์
- 26. 33.. ปรรััชญญาายยุคุคฟนื้ฟฟููศศิลิลปววิิทยยาา
- ยุคกนาารี้เรร (ิ่มRRตee้นnnหaaลiiัsงsจssาaaกnnกccาeeร))ล่ม
สลายของกรุงคอนสแตนติโน
เปิล พร้อมกับอำานาจของ
ศาสนจักรยุติลง
- ปรัชญาแยกออกจากศาสนา
เหตุผลแยกออกจากศรัทธา
- ปรัชญาเปลี่ยนความสนใจ
จากเรื่องศาสนา มาเป็นเรื่อง
ของมนุษย์และธรรมชาติ
- 29. ทอมมัสัส ฮอบสส์์
((TThhoommaass
HHoobbbbeess))
- เป็นนักปรัชญาการเมือง
- มีความเชื่อว่า “ธาตุแท้ของ
มนุษย์นั้นชั่วร้าย เห็นแก่ตัว
หรือล้วนแต่คำานึงถึงประโยชน์
ตัวเองเป็นสำาคัญ”
ที่มาภาพประกอบ : www.wikiclone.org
- ในสภาพธรรมชาติ เป็นสภาพ
ของสงคราม มนุษย์ทำาร้ายกัน
ได้อย่างเสรี
- 30. ทอมมัสัส ฮอบสส์์
- ค((TนTตhh้อooงmmกาaaรssค วHHามooสbbงbbบeeสsุsข))
จึงนำาไปสู่การทำาสัญญา
-ป คระวชามาคดีม ศรีล่วธมรกรันม ความ
เชื่อทางศาสนา ไม่มีอยู่
จริง เป็นแต่เพียงสิ่งที่
สมมติขึ้นเพื่อประโยชน์
ในชีวิต
- 31. 44.. ปรรัชัชญญาาตตะะววันันตกสมมััยใใหหมม่่
((MMooddeerrnn PPhhiilloossoopphhyy)) - ปัญหาปรัชญาที่สำาคัญในยุคนี้ คือ
มนุษย์จะใช้วิธีการใดในการเข้าถึง
ความรู้ที่แท้จริง ? และข้อจำากัดของ
วิธีการเช่นนั้นมีอะไรบ้าง ?
ญาณวิทยา ( Epistemology )
- นักปรัชญาสมัยใหม่แบ่งออกเป็น 2
1พ. วเหก ตคุผือลนิยม = เหตุผลเป็นที่มาและ
เป็นมาตรฐานของความรู้, มีความรู้
ก่อนประสบการณ์, วิธีการในการ
หาความรู้ เรียกว่า นิรนัย
( Deduction )
- 32. Ex. แดงเป็นพ่อของ
ดำา
แดงเป็น
ผู้ชาย
คนทุกคนเป็นสิ่งที่ต้องตาย
โสเครตีส
เ ป ็โนสคเนครตีสเป็นสิ่งที่
ศตา้อสงตตรา์ทยี่มีรากฐานอยู่บนวิธี
การนี้ คือ คณิตศาสตร์
- 33. 2. ประสบการณ์นิยม = ความรู้
ทั้งหลายเกิดจากประสบการณ์,
ไม่มีความรู้ก่อนประสบการณ์,
วิธีการในการหาความรู้ เรียก
ว่า อุปนัย ( Induction )
Ex. กาตัวที่1 สีดำา, กาตัวที่2
สีดำาก,า กทาุกตตัวัวทสี่3ีด สำาี ดำา
ศาสตร์ที่มีรากฐานอยู่บนวิธี
การนี้ คือ วิทยาศาสตร์
- 34. ฟรราานซซิิส เเบบคอน
((FFrraann- ccพiissยา BยBaาaมccooพnnัฒ))นาวิธี
อุปนัยที่ใช้ใน
-วิทจิตยมาศนาุษสยต์ตร้อ์ง
ที่มาภาพประกอบ :
www.solarnavigator.net
- ผู้สังเกปตราทศดจลาอกงอทคาตงิ
วิทยาศาสตร์ ต้องเก็บความรู้สึก
ส่วนตัวไว้ ไม่ให้ออกมาปะปนกับ
ข้อม-ูล ““จ คคาวกาาธมรรรู้คู้คมือือชออาำาำาตนนิาาจ ””
ที่สามารถใช้ครอบงำาและ
ควบคุมธรรมชาติ
- 35. เเดดสส์ก์กาารร์์ต
((- เDDป็นeeนssักccปaaรrrัชttญeeาssสำา))นัก
- ใชเห้วติธุีผกาลรนขิยอมงคณิตศาสตร์
(นิรนัย) มาเป็นพื้นฐานของ
-ป “รัชฉญันคาิด ฉันจึงมีอยู่ ” ( I
-t hฉiันnkมีอthยeู่ (rใeนfฐoาr นI ะaสmิ่ง)ที่คิดได้ )
ดังนั้นพระเจ้าซึ่งอยู่ในห้วง
-ค เวมาื่อมพคริดะขเจอ้างมฉีอันยจู่จึงรมิงีอ ยู่จริง
ดังนั้นสรรพสิ่งใน
โลกภายนอกจึงมีอยู่
จริงที่มาภาพประกอบ : www.glafreniere.com
- 36. จอหห์น์น ลล็็อก
((JJoohhnn LLoocckkee))
- เป็นนักปรัชญาสำานัก
-ป ไรมะส่เชบื่อกเารรื่อณงค์นวิยามมรู้ก่อน
ประสบการณ์ โดยเขาได้
กล่าวไว้ว่า “ จิตเหมือน
กระดาษเปล่าที่ปราศจากคุณ
สมบัติใดๆ และปราศจาก
- ความรู้เกิดจาก
ประสบการณ์และการเรียน
ที่มาภาพประกอบ : www.geocities.
- 38. ปรรััชญญาากกาารเเมมืือง
- เป็นขรออางกจฐาอนหข์์นอ ง ลร็็อะอบกอบ
ป- โรจะมชตาธีริะปบไอตบยการปกครองแบบรวม
-อ มำานนาุษจยเ์เบก็ดิดเมสารพ็จร้อมกับอิสรภาพ
สิทธิ และความเสมอภาพ
- ในสภาพธรรมชาติ มนุษย์ไม่ได้
เ- ลมวนรุษ้ายย์ทอยำา่สางัญทญี่ฮาอปบรสะ์คชิดาคมร่วม
กันโดยสร้างองค์กรของรัฐขึ้น
ปกครองกันด้วยมติของเสียงส่วน
ใหญ่
- 39. ออิิมมมาานนููเเออล คคาานตต์์
(( IImm- mmควaaาnมnรuuู้ตee้อllง KKเกaaิดnnจttา))ก
การรับรู้ทางผัสสะ
(ประสบการณ์นิยม) และความ
เข้าใจด้วยปัญญา (เหตุผล
นิยม) เข้าด้วยกัน
- “ ความคิดที่
ปราศจากเนื้อหา
(ข้อมูลจากประสาท
สัมผัส) เป็นความคิดที่
ว่างเปล่า ส่วนการรับรู้
ทางประสาทสัมผัสที่
ที่มาภาพประกอบ : www.jameslogancourier.
- 40. 55.. ปรรััชญญาาสมมัยัยใใหหมม่่ใในน
คร- ิสิสนตตัก์ศป์รตตัชวญรรารตษษ้อทงกี่1ี่1า99รปฏิรูป
สังคมให้มีสภาพดีขึ้น
- ระบบทุนนิยมรุดหน้าอย่าง
-ร วรูดปเแรบ็วบสังคมเกษตรกรรม
เปลี่ยนไปสู่สังคมอุตสาหกรรม
- 41. คคาารร์ล์ล มมาารร์์กซซ์์
((KKaarrll MMaarrxx))
- เป็นปรัชญาสสารนิยม
ที่มาภาพประกอบ : weblogs.elearning.ubc.- ศึกษาสังคมโดยใช้แนวคิด
แบบวิภาษวิธี (วิธีอธิบาย
ความเปลี่ยนแปลงของสรรพ
สิ่งว่าเกิดจากความขัดแย้ง
ภายในของสิ่งนั้น) มาตีความ
ประวัติศาสตร์เพื่ออธิบาย
ความเป็นไปหรือความ
- 42. คนใในนสสังังคมแแบบ่ง่งเเปป็็น
22 ชนชชั้นั้น คคืือ 1. ชนชั้นผู้ควบคุมการผลิต
ซึ่งเป็นเจ้าของปัจจัยการ
2ผ.ลิชตนชั้นผู้ไม่ได้ควบคุมการ
ผลิต เป็นคนที่อาศัยปัจจัย
การ-ผ ลชิตนชขั้นอผงผู้ควู้อบื่นคเุมลกี้ยางรชผีพลิต
จะเป็นผู้กำาหนดโครงสร้างสังคม
- 43. - ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เป็น
ปร1ะ.ว ยัตุคิศทาาสสต ร=์กาเปรต็น่อกสาู้ทรตา่งอชสนรู้ะชหนั้ว่าง
นายทาสกับทาส
2. ยุคศักดินา = เป็นการต่อสู้
ระหว่างเจ้าของที่ดินกับชาวนา
3. ยุคทุนนิยม = เป็นการต่อสู้
ระหว่างนายทุนกับผู้ใช้แรงงาน
- ความขัดแย้งในระบบทุนนิยมจะ
กัดกร่อนตัวมันเอง จนนำาไปสรู่ะบบ
-สังจคามกนริยะบมบสังคมนิยม ในที่สุดจะนำา
ไปสู่ระบบคอมมิวนิสต์
- 44. 66.. ปรรััชญญาาตตะะววันันตกใในน
ศตวรรษทที่2ี่200 -- ปปััจจจุุบบััน
มีการสนใจถกเถียงปัญหาปรัชญา
ทุกสาขาอย่างกว้างขวางหลาก
หลาย แต่ก็พอแบ่งออกได้เป็น 2
กระแสใหญ่ๆ คือ
1.ปรัชญาวิเคราะห์ (Analitic)
เช่น ปรัชญาภาษา (ลุดวิก วิต
แกนสไตน์)
2.ปรัชญาภาคพื้น
- 45. ลลุุดววิิก ววิิตแแกกนส
ไไตตนน์์
((LLuuddwwiigg
WWiittttggeennsstteeiinn))
- เป็นนักปรัชญาภาษา
- ปัญหาปรัชญาทั้งหมดอยู่ที่ตัว
ภาษา(ที่นักปรัชญาใช้)
- การใช้ภาษาของมนุษย์เปรียบได้
กับการเล่นเกมส์อย่างหนึ่ง เรียก
ว่า “เกมส์ภาษา” มนุษย์จึงต้องติด
อยู่ในกับดักของภาษา
ที่มาภาพประกอบ : www.humboldt.edu
- 46. ปรรัชัชญญาาภภาาวนนิยิยม
((EE-xx iคissำาttวee่าnn ettxiiiaaslltiiessnmmtia))lism แปลว่ามี
อ- ยใู่ หด้คำาวรางมอสยำาู่ขคอัญงชกีวับิตความเป็น
ตัวของตัวเองของปัจเจกบุคคล
- เป็นการปฏิวัติต่อต้าน
ปรัชญาดั้งเดิม เช่นเหตุผล
นิยมของกรีกโบราณ ลัทธิ
สังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์
- 47. - ต่อต้านยุคสมัยของ
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
-ห รเปือ็นอุตกสาราวหิเกครรรามะสหม์แัยกใ้หม่
ปัญหาเกี่ยวกับสถานการณ์
ข- อปงรมัชนญุษายภ์าวนิยมเสนอให้
มนุษย์หันกลับมาหาตัวเอง
- 48. ชอง ปอล ซซาารร์ต์ตรร์์
((JJeeaann PPaauull SSaarrttrree))
- ต้องการปลุกจิตสำานึก
ภาพประกอบ : www.slate.com
ของคนจากการเป็นส่วนหนึ่ง
ของมวลชนให้กลับมาเป็น
-ป “ัจมเนจุษกยบ์คุคือคเลสทรี่มีภีลาักพษ” ณเสะรเีฉภาพพาะ
แสดงออกมาในรูปของความ
-สา“มเสารรีภถาใพนตก้อางรมเลาือพกร้อม
ความรับผิดชอบเสมอ”
- 53. กกาารใใชช้เ้เหหตตุผุผลใในนโโลลกตตะะววันัน
ตกยยุคุคโโบบรราาณ
- วิธีการใช้เหตุผลที่สำาคัญในยุคนี้
ก็คือ “นิรนัย” ซึ่งอริสโตเติลเป็น
คนแรกที่ได้พัฒนาขึ้นอย่างเป็น
ระบบ จนกระทั้งเกิดเป็นวิชา
ตรรกศาสตร์(Logic)
- อริสโตเติล เรียกวิธีการใช้เหตุผล
แบบนิรนัยที่ได้พัฒนาขึ้นนี้ว่า
“ซิลลอจิสม์”(Syllogism) ซึ่ง
อริสโตเติลเองถือว่าเป็นรากฐาน
- 56. ซิลลอจิสม์
เท
อม
ประโยคตรรกวิทยา
3
เทอม
ทุก
เทอม
ใช้ 2
ครั้ง
การอ้างเหตุผล
อาศัยเทอมกลาง
นำาเทอมที่ยังไม่ได้
ตัดสิน 2 ครั้ง
มาตัดสินในข้อสมี 3
ประโย
ค
ตรรกวิ
ทยา
- 58. เซ็นต์ออกัสติน ได้นำาความ
คิดของเพลโตมาใช้
เซ็นต์อควินาส ได้นำาความ
คิดของอริสโตเติลมาใช้
เซ็นต์ทั้ง 2 ได้นำาเอาความคิด
ของนักปรัชญากรีกทั้ง 2 คน
มาเป็นสาวใช้รับใช้ศาสนาคริสต์
เพื่อที่จะเข้าถึงความจริง
แต่ก็เข้าถึงความจริงได้เพียง
ระดับหนงึ่เท่านั้น สุดท้าย ต้อง
- 59. ตัวอย่าง การใช้เหตุผล
ในสมัยกลาง ผู้ที่ศรัทธาในพระเจ้าเป็นคนดี
กาลิเลโอไม่ศรัทธาพระเจ้า
เพราะฉะนั้น กาลิเลโอไม่ใช่คนดี
จักรวาลมีระบบที่เป็นสงิ่มหัศจรรย์
เพราะทำาให้ดาวนพเคราะห์โคจร
โดยไม่ชนกัน
มันจะเกิดจากอะไรไม่ได้
นอกจากสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือ
- 61. การใช้เหตุผลในโลก
ตะวันตกสมัยใหม่
- วิธีการใช้เหตุผลที่สำาคัญของยุคนี้คือ
“อุปนัย” มีฟรานซิสเบคอน เป็นคน
แรกๆ ที่ได้พัฒนาขึ้นอย่างเป็นระบบ
- ฟรานซิส เบคอน มีความเชื่อซึ่งเป็น
พนื้ฐานของวิธีอุปนัยว่า ความรู้คือ
อำานาจ หมายถึง ความรู้ที่นำามาใช้
งานได้ ได้แก่ การใช้ความรู้เพอื่
ครอบงำาและควบคุมธรรมชาติ
- วิธีอุปนัยนี้ได้รับการพัฒนาต่อไป จน
กลายเป็นวิธีการแสวงหาความรู้ทาง
- 68. ปฏฏิิจสมมุุปบบาาท หรรืือ ออิิททัปัปปปััจจยตตาา
หรรืือ ปปัจัจจยยาากกาาร
((สงิ่ทที่อี่อิิงออาาศศัยัยกกัันเเกกิดิดขนึ้,,เเปป็็นกฎ
เเมมอื่สงิ่นมี้มีีี้สงิ่จี้จีึ้งึง
มมีี
เเมมอื่สงิ่นเี้กกิิดขนึ้สงิ่
นนีี้้จจึงึงเเกกิิดขนึ้
เเมมอื่สงิ่นไี้มม่่มมีีสงิ่
แแหห่ง่งเเหหตตุแุแลละะผล))
- 75. 3. สนใจกฎความเป็นสาเหตุ
ทางจิตด้วย
4. ผสมผสานกันระหว่าง
ตะวันออก และตะวันตก
มนุษย์เริ่มรู้สึกเจ็บปวดจาก
แนวคิดที่ผิดในอดีตของฟราน
ซิส เบคอน คือ แนวคิดพิชิต
ธรรมชาติ ก่อให้เกิดปัญหา
มาก เช่น สิ่งแวดล้อม
เสื่อมโทรม
อากาศเสีย เป็นต้น จึงหันมา
- 76. 5. มีการนำาเอาวิทยาศาสตร์
เข้าไปข้ามพรมแดนของ
ศมาีกสานราอแธิบลาะยปใรนัชหญลักา
วิทยาศาสตร์ว่า ทุกเรื่องจะต้อง
อธิบายได้ด้วยกฎทางกฎ
คณิตศาสตร์และกฎทางฟิสิกส์
ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ ด้วยกฎ
ทั้ง 2 ประการ ถือว่าไม่มีคุณค่าที่จะ
ให้เชอื่ถือ เป็นการให้ความสำาคัญ
กับข้อเท็จจริง (FACT) มากกว่า