1. บทที่ 1
ธรรมชาติของภาษา Nature of language
ความหมายของภาษา
ความหมายกว้าง หมายถึง การแสดงออกเพื่อสื่อความ
หมาย เช่น ท่าทาง การใบ้ ภาษาสัตว์เครื่องหมาย สัญญาณ
General meaning means the expression for
meaning communication
such as postures, hints, animal language, symbols
and signals.
ความหมายแคบ หมายถึง การใช้ภาษาของมนุษย์เพื่อ
สื่อสาร คำาที่คิดขึ้นไม่จำาเป็นต้อง
ตรงกันกับภาษาอื่น เสียงจึงไม่สัมพันธ์กับความหมาย เช่น
ภาษาไทยเรียก หมา ภาษาอังกฤษเรียก dog เว้นแต่การ
เลียนเสียงธรรมชาติเช่น เสียงของตก เสียงรถชน เสียงระเบิด
เป็นต้น
Specific meaning means human language usage
for communication, the
words defined need not relate to the meaning ,for
example, in Thai called หมา in English called dog
except for the imitation of natural sound such as falling
things, car crash, boom.
ลักษณะสำาคัญของภาษาไทย
โดยธรรมชาติของภาษาทุกภาษาย่อมมีความคล้ายคลึง
กัน กล่าวเฉพาะภาษาไทยนั้นมีลักษณะสำาคัญที่ควรทำาความ
เข้าใจดังนี้
1. ภาษาไทยเป็นภาษาคำาโดด (Isolating language) มี
ความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง โดยไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง
ภายในคำา สามารถนำามาใช้ได้ทันที
2. Thai language is an isolating language having a
complete meaning in itself and using without changes
within words so Thai words can be used at once.
2. การบอกพจน์ในภาษาไทย เมื่อไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ภายในคำาภาษาไทยจึงอาศัยคำาอื่นมาประกอบเพื่อบอก
จำานวน เช่น คำาวิเศษณ์ คำาสมุหนาม การซำ้าคำา หรือคำากริยา
บางคำาก็สามารถบอกจำานวนได้
The number expression of Thai language when
there are not changes within word, Thai language
uses other words to consist for showing the number of
nouns for example adverb, quantity words, repeated
word or some verbs can tell the number.
3. การบอกกาลในภาษาไทย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ภายในคำาเช่นกัน จึงอาศัยคำาอื่นเพื่อแสดงอดีต หรืออนาคต
เช่น แล้ว จะ เป็นต้น
The tense of Thai language has no change within
word in the same way of number it has another word
for showing the tense.
4. การบอกผู้กระทำาในภาษาไทย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ภายในคำา แต่อาศัยการวางตำาแหน่งในประโยค และการเพิ่ม
คำาว่า “ถูก” เพื่อแสดงการถูกกระทำา
The voice in Thai language has no changes
within a word but when the user wants to show active
voice we put it in a position of Subject and add a word
“ถูก” for showing a passive voice.
5. คำาในภาษาไทยมีทั้งคำาที่คิดขึ้นเอง และคำาที่ยืมมา
จากภาษาอื่น ดังนั้น หลักการสังเกตคำาไทยแท้ คือ มีพยางค์
เดียว และมีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง
Words in Thai language have both original and
loan words so the noticeable tip of real Thai words are
having only one syllable, complete meaning.
6. ภาษาไทยมีวรรณยุกต์ และเมื่อเปลี่ยนวรรณยุกต์
ทำาให้ความหมายเปลี่ยน
2
3. Thai language has a tone so when the tone
changed, the meaning changed, too.
7. มีการสร้างคำาเพิ่มด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การซำ้า การ
ซ้อน การประสม การยืม การบัญญัติศัพท์ การทับศัพท์ และ
การแผลงคำา เพื่อให้ได้ความหมายเพิ่มขึ้น
The words are built more and more for various
meaning in language with the following techniques:
repeating, doubling, compounding, loaning, providing,
transforming, and changing.
8. การเรียงประโยคของภาษาไทยเริ่มจากประธาน
กริยา กรรม หากมีการสลับที่อาจทำาให้ความหมายเปลี่ยนไป
ได้
The arrangement of Thai language is Subject –
Verb – Object. The alternation of position makes
change in meaning.
9. คำาขยายในภาษาไทยจะอยู่หลังที่ถูกคำาขยายเสมอ
The adjective of Thai language comes after the
words are magnified.
10. ภาษาไทยมีลักษณนามที่ใช้บอกลักษณะของคำานาม
แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภท
Thai language has classifiers for telling the
character of noun that are different from each type.
11. ภาษาไทยจะเว้นวรรคเมื่อสิ้นสุดใจความ หรือจบ
ประโยค ดังนั้น ในการเขียนภาษาไทยต้องเว้นวรรคให้ถูก
ต้องมิฉะนั้นจะทำาให้ความหมายผิดเพี้ยนไป
Thai language has to leave a space when it
finishes the gist or at the end of sentence so in Thai
writing should leave a space correctly otherwise the
meaning will be changed.
12. ภาษาไทยมีระดับของการใช้ภาษาแตกต่างกันไป
ตามระดับของบุคคลและสถานการณ์ที่ใช้คือ ภาษาทางการ
ภาษากึ่งทางการ และภาษาปาก
3
4. Thai language has a level of usage differently
upon the person and situation. The levels of usage are
formal language, semi- formal language and informal
language.
หน่วยในภาษา และการขยาย
The units of language and the extension
หน่วยในภาษา ประกอบด้วยเสียง พยางค์ คำา วลี อนุ
ประโยค และประโยค
The units of language means phonemes,
syllables, words, phrases , clauses and sentences
การขยายหน่วยในภาษา หมายถึง การนำาภาษาเรียง
ร้อยต่อกันเพื่อให้ได้ประโยคที่สมบูรณ์ไม่จำากัด เช่น
The extension of language units means the
arrangement of language units for being unlimited
complete sentences for example
มด
มดเดิน
มดเดินตามกันสามตัว
มดเดินตามกันสามตัวไปกินนำ้าตาล
มดเดินตามกันสามตัวไปกินนำ้าตาลบนโต๊ะ
มดเดินตามกันสามตัวไปกินนำ้าตาลบนโต๊ะในห้องครัว
เสียงและรูปในภาษา Form and phoneme in language
1. พยัญชนะ – เสียงที่เปล่งออกมาโดยผ่านการกล่อม
เกลาเสียงจากอวัยวะภายในช่องปาก เรียกว่า เสียงแปร
ประกอบด้วย รูปพยัญชนะ 44 รูป และเสียงพยัญชนะ 21
เสียง
voices blow out from lungs with the adjustment
from organs in mouth in Thai we call พยัญชนะ or เสียง
แปร. The consonant consists of 44 forms and 21
phonemes.
4
7. เมื่อเสียงพยัญชนะถูกนำาไปใช้ จะใช้ในหลายลักษณะ
เช่น
When the consonants are used, they can be in
many styles of pronunciation for example
1.1 พยัญชนะต้น (first consonants)
1.2 อักษรนำา (leading consonants)
1.3 อักษรควบ (mixed consonants)
1.4 พยัญชนะท้าย (last consonant)
1.5 การันต์ (voiceless consonant)
1.1 พยัญชนะต้น (first consonants)
พยัญชนะต้นทั้ง 44 ตัว สามารถใช้เป็นพยัญชนะ
เริ่มต้นคำาได้บางส่วน ดังนี้
The 44 consonants can be used as a first
part of words for some ones like following
ก กิน กับ กัด กระเป๋า การบ้าน
eat with bite bag
homework
ข ขาว ขาย ของ ขวดนำ้า ข้าม
ถนน
white sell things bottle
cross a road
ค คิด คาง คอย คุยโทรศัพท์ คำา
พูด
think chin wait talk by mobile
saying
ง งาน งง ง่วง เหงาหงอย
หงุดหงิด
7
8. work stun asleep lonely
irritable
จ จับ จูง จ่ายตลาดจดจำา จ้าง
งาน
touch lead by hand go2 market
memorize employ
ฉ ฉัน ฉุน ฉาย ฉีดยา
ฉุกเฉิน I acrid
broadcast inject emergency
ช ช้าง ช่วย ช้า ชี้ ชูมือ
elephant help slow point
raises hand
ซ ซักผ้า ซน ซื้อ แซบ ซุป
wash clothes naughty buy spicy
soup
ญ ญาติ ญี่ปุ่น ญาณ
relatives Japan consciousness
ฐ ฐานะ ฐาน
status base
ณ ณ เณร
at little monk
ด เด็ก ดี เดิน ดาว ดำา
child good walk star
black
8
9. ต ตี แต่ ตาย ตั้งแต่ ตำารวจ
hit but die since police
ถ ถุง ถาม ถนน ถนัด ถ้วยชาม
bag ask road skillful bowl
ท ทำา ทาง ทาย ทุกๆ ทบทวน
do way guess every
review
ธ ธง เธอ ธุระ ธนาคาร ธรรมดา
flag you errand bank
general
น นั่ง นอน นาน น้อย นำ้าเปล่า
sit lay downso long few, littlewater
บ บ้าน บอก บาท บทที่ บทความ
house tell baht lesson
article
ป ปลา ปลุก ปลูก ปรึกษา ปรับตัว
fish wake plant advise
adapt
ผ ผิด โผล่ ผม ผิวหนัง ผอม
wrong appear hair skin thin
ฝ ฝา ฝัน ฝน ฝาก ฝึก
lid dream rain deposit practice
พ พูด พี่ พัน พบ พริก
talk elder thousand find, meet
chilly
9
10. ฟ ฟ้า ฟื้น ฟัน ไฟ แฟน
sky recover teeth fire
boy/girlfriend
ภ ภาพ ภูมิใจ ภาค ภายใน
ภายนอก picture proud part
inside outside
ม ม้า หมี มอง มัด มาตรฐาน
horse bear look tie(v.) standard
friendship
ย ยุ่ง ยาย/ย่า ย้าย ยา ยาก
busy grandmamove drug
difficult
ร รัก รถ ร้านค้า รู้ ร่ม
love car store know
umbrella
ล ลิง ลุกขึ้น ลืม ลูก แล้ว
monkey stand up forget child
already
ว วัด ไหว้ ว่ายนำ้า วิทยาศาสตร์ ไว
temple greet,postureswim science
quick
ศ ศิลปะ ศิษย์ ศาสนา ศึกษา
ศุกร์
art student religion study Friday
1
0
11. ส สวย เสร็จ สนาม สะอาด
สกปรก
beautiful finish field clean dirty
ห หวาน หาง หุงข้าว หาย หอม
sweet tail cook rice
disappear good smell
อ อ่าน อิ่ม อาย อีก อาจจะ
read full shy again
maybe
ฮ ฮา ฮัดเช้ย
funny sound of sneeze
1.2 อักษรนำา (leading consonants)
อักษรนำา หมายถึง พยัญชนะต้นสองตัวเรียงกันแล้ว
อ่านออกเสียงตามกันเป็น 2 พยางค์ พยางค์แรกออกเสียง อะ
พยางค์ที่สองอ่านตามรูปสระที่ปรากฏ
Leading consonants mean the two of first
consonant are used together then read in two steps.
For the first is read with ะ and the second read
following appeared vowel.
อักษรตัวแรกเป็นได้ทั้งอักษรสูง อักษรกลาง และ
อักษรตำ่า อักษรสูงนำาจะมีตัวตามได้ทุกกลุ่มคือ อักษรสูง อักษร
กลาง และอักษรตำ่าแต่ถ้าอักษรกลางและอักษรตำ่านำาจะมีแต่
อักษรตำ่าตามเท่านั้น โปรดพิจารณาตามตารางด้านล่าง
The first consonants can be all high tone,
middle tone, and low tone alphabets. If the high tone
alphabets come first, the other alphabet left can
comes after as a second consonant. However, if the
middle tone and low tone alphabets are used as a first
consonant, the low tone alphabets can only come
after. Please consider the table below.
1
1
12. ก ข (ฃ) ค (ฅ) ฆ
ง
จ ฉ ช (ซ) ฌ ญ
(ฎ)ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
(ด)ต ถ ท ธ น
(บ)ป ผ (ฝ) พ (ฟ) ภ
ม
ย ร ล ว
ศ ษ ส ห ฬ
(อ) (ฮ)
ตัวอย่างอักษรนำา
ขนม ขยับ ขยัน สมอง
สมาน สนอง สยาย
ฝรั่ง ถลอก เถลิง
ผวา ผยอง ถนน ขมุกขมัว สนิท
ตนุ ตโนด จมูก ฉลาด
ตลก
เตลิด ตลอด จรวด
ปริตร ปรัก
โปรดสังเกตว่า คำาข้างต้นเหล่านี้ พยัญชนะตัวที่ 2
จะอ่านออกเสียงสูง (Please notify that above words has
a high tone in a second consonant.)
อย่างไรก็ดี มีคำาบางประเภทที่ถือว่าเป็น อักษรนำา
แต่เมื่ออ่านแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีเสียงสูงในพยัญชนะที่ 2 เช่น
However, some words called leading
consonants cannot pronounce in a high tone in a
second consonant such as
ขมา ขโมย สมาคม สโมสร สลัม
สแลง
1
2
13. นอกจากนี้ ยังมีคำาที่ปรากฎรูปต่อไปนี้แล้วถือว่าเป็น
อักษรนำาเช่นกัน คือ คำาที่มี ห นำาหน้าอักษรตำ่าเดี่ยว (ง ญ น ย
ณ ร ว ม ฬ ล) และคำาว่า อย่า อยู่ อย่าง อยาก
Besides, there are words included into
leading consonants such as a word with ห comes
before ง ญ น ย ณ ร ว ม ฬ ล and the words : อย่า อยู่
อย่าง อยาก
ตัวอย่าง
หงาย หงอน หญ้า ใหญ่
หน้า หนู หมอน
เหม็น หมาย หรูหรา
หยาม หมู หวาน หวัง
หลากหลาย
1.3 อักษรควบ (Mix consonants)
อักษรควบ หมายถึง การนำาพยัญชนะตัวที่ 1 มาเข้า
คู่กับพยัญชนะ ร ล ว แล้วอ่านออกเสียงตามสระที่ปรากฏ
อย่างไรก็ดี อักษรควบมี 2 ประเภท คือ อักษรควบแท้ และ
อักษรควบไม่แท้
Mix consonants mean an application of first
consonants and ร ล ว
and pronounce following the vowel appeared
however, the mix consonants have 2 types that are
real mix consonants and unreal mix consonants.
อักษรควบแท้ หมายถึง คำาที่ออกเสียงพยัญชนะ
สองเสียงพร้อมกัน คือ พยัญชนะที่ 1 กับ ร หรือ ล หรือ ว
Real mix consonants mean a word
expressing two consonants together that are the first
consonant and ร or ล or ว.
1
3
14. ในภาษาไทยมีอักษรควบแท้ 15 รูป 11 เสียง ดังนี้
Thai language has 15 forms and 11
phonemes
กร กราบ กรอบ กรีด กรัก
โกรก
กล กลัว กลาย กลอง กลับ
กลีบ
กว กวัก กวาด ไกว กว้าง
แกว่ง
คร ขร คราง ครั้ง ครบ ขรุขระ ขรึม
คล ขล คลำา คล้าย คลาน ขลาด
ขลุก
คว ขว ความ ควัน ควาย ขวิด ขวัญ
ตร ตรง ตรวจ ตราบ ตริ
โตรก
ปร ปราบ ปรบ ปรับ ปรุง โปรย
ปล ปลาย ปลุก ปลูก แปลก
ปลอบ
พร พรุน พร้อม พริก พรู
โพรง
พล ผล พลาย พลาง ผลุนผลัน ผลิ ผลัก
นอกจากนี้ ภาษาไทยยังรับอิทธิพลจากภาษาอื่นมา
เพื่อใช้ในภาษาของตนเอง ดังนั้น จึงมีคำาที่อ่านออกเสียงควบ
แต่มีเสียงและความหมายเป็นภาษาอื่น โดยส่วนมากมักเป็น
ภาษาอังกฤษ
Besides, Thai language is under the
influence of other language for
1
4
15. transforming into Thai so there are words having mix
consonant forms but
phoneme and meaning is another language especially
English.
ตัวอย่างคำาควบกลำ้าที่มาจากภาษาอื่น
บร บรีฟ บรอนซ์ เบรก บรั่นดี
บราวน์
บล เบลม บลู แบล็ก บล็อก
บลายด์
ดร ดรีม ดราฟต์ ดริงค์ แดร็ก
ดรอว์อิ้ง
ฟร ฟรี ฟราย เฟรนด์ ฟรุต
ฟรักโทส
ฟล ฟลาย ไฟลท์ ฟลุก ฟลูออไรด์
แฟลต
ทร ทริป ทราเวล แทรกเตอร์ ทรี
ทรัมเป็ต
อักษรควบไม่แท้ หมายถึง คำาที่มีรูป ร ล ว ปรากฏ
แต่ไม่อาจออกเสียงพร้อมกัน
ทั้งสองเสียง โดยอ่านได้เพียงเสียงเดียว และในบางคำาอ่าน
ออกเสียงเป็นเสียงอื่น เช่น ซ
เป็นต้น
Unreal mix consonants mean words having ร
ล ว inside cannot pronounce these two consonants
together but they pronounce only one phoneme or in
other phoneme such as ซ
ตัวอย่างของคำาควบไม่แท้
1
5
16. ทรวดทรงทราบทรามทราย ทรุดโทรม
หมายนกอินทรี
มัทรีอินทรีย์มี เทริด
นนทรีพุทราเพรา
ทรวงไทรทรัพย์แทรกวัด โทร
มนัสฉะเชิงเทรา
ตัว ทร เหล่านี้เรา ออก
สำาเนียงเป็นเสียง ซ
จร - จริง
ซร - โซรม ไซร้
สร - สร้าง เสร็จสร่าง สระ สรง
ศร - เศร้า
ทร - ทรุด โทรม ทราบ ทราม
ทราย
1.4 เสียงพยัญชนะท้าย (Final consonant)
เสียงพยัญชนะท้าย (ตัวสะกด) เมื่อนำาไปใช้ มี 9
มาตรา คือ แม่กก แม่กบ แม่กด แม่กม แม่กน แม่กง แม่
เกย แม่เกอว แม่ก.กา
When they were used as a final consonant,
they are categorized into 9 styles : g, p, d, m, n, ng, j,
w, and words that no form of final consonant or only
having alphabet, vowel and tone.
ตัวอย่างคำาในมาตราตัวสะกด
แม่กก ก ข ค ฆ
มาก เลข บริจาค เมฆ
แม่กบ บ ป พ ภ ฟ
ลบ บาป ภาพ ลาภ กราฟ
แม่กด จ ช ซ ฎ ฏ
1
6
18. คำาเป็น หมายถึง คำาที่สะกดด้วยมาตรา ม น ง ย ว
เช่น ยาม เดิน กลาง เคย ราว นวล ชวน เกรง แก้ว ปราย กิน
คุณ เป็นต้น
The words having ม น ง ย ว as a final
consonant
คำาตาย หมายถึง คำาที่สะกดด้วยมาตรา ก บ ด
เช่น จาก บาท โกรธ พบ ปด The words having ก บ
ด as a final consonant
The usability of คำาเป็น คำาตาย is these words
are used following
a rule of composition some Thai poetry.
1.5 การันต์ (voiceless consonant)
หากพยัญชนะใดมีเครื่องหมายทัณฑฆาตอยู่ด้าน
บน เรียกว่า การันต์ หมายถึง
ไม่อ่านออกเสียงในส่วนนั้น เช่น จันทร์ ศุกร์ ทุกข์ สุขสันต์
เป็นต้น
When the final consonants used with
voiceless symbols are called การันต์ that means that
part will not pronounce.
2. สระ หมายถึง เสียงที่เปล่งออกมาแล้วไม่ผ่านการ
กล่อมเกลาจากอวัยวะภายใน
ช่องปาก เรียกว่า เสียงแท้ สระ แบ่งออกเป็น เสียงสระเดี่ยว
และเสียงสระประสม เมื่อ
ต้องการแสดงออกมาเป็นสัญลักษณ์มี 21 รูป
Vowel means phoneme expressed without the
adapting from inner
organ within mouth called real phoneme (เสียงแท้)
Vowel can be divided into isolate vowels and
compound vowels when it expresses in symbol there
are 21 forms of vowel
2.1 เสียงสระ
1
8
19. เสียงสระเดี่ยว 18 เสียง (18 phonemes of
isolate vowel)
อะ อา กระทะ น้าอา
อิ อี มิมี ยินดี
อึ อือ ขึด คือ
อุ อู จุ ปู
เอะ เอ เละเทะ เกเร
แอะ แอ และ แล
โอะ โอ โต๊ะ โต
เออะ เออ เลอะเทอะเจอ
เอาะ ออ เกาะ รอ
เสียงสระประสม 6 เสียง (6 phonemes of
compound vowel)
เอียะ เอีย เผียะ เกลี่ย
เอือะ เอือ เดือด เผื่อ
อัวะ อัว จั๊วะ รั้ว
ข้อควรจำา อำา ไอ ใอ เอา ฤ ฤา ฦา ไม่ถือเป็นสระ
เพราะมี เสียง พยางค์ท้าย คือ ม ย ว และเป็นเสียงซำ้า คือ รึ
(อึ) รือ (อือ) สระจึงมี 21 รูป 24 เสียง
(Tip : อำา ไอ ใอ เอา ฤ ฤา ฦา cannot call vowel
because they have final syllables that are m, j, w and
they are the same as อึ อือ) Vowel has 21 forms and
24 phonemes.
2.2 รูปสระ 21 รูป ได้แก่
ะ วิสรรชนีย์
า ลากข้าง
ำิ พินทุ์อิ
ำ่ ฝนทอง
" ฟันหนู
° นฤคหิต หยาดนำ้าค้าง
1
9
20. ำุ ตีนเหยียด
ำู ตีนคู้
เ ไม้หน้า
โ ไม้โอ
ใ ไม้ม้วน
ไ ไม้มลาย
ำ็ ไม้ไต่คู้
ำั ไม้หัน
อากาศ
ฤ ตัวรึ
ฤๅ ตัวรือ
ฦ ตัวลึ
ฦๅ ตัวลือ
อ ตัว ออ
ว ตัว วอ
ย ตัว ยอ
เมื่อนำาสระไปใช้ร่วมกับพยัญชนะท้ายจะมีการ
เปลี่ยนแปลงรูปสระบางรูป เช่น
กะ – กับ, ดือ – ดื่ม, เตะ – เต็ม,
แทะ – แท็ก, เกาะ – ก็อบ, โปะ –
ปน,
เกอ – เกิน, เออ – เอย, เทอม –
เทอญ,
บัว – บวม
(ศึกษาเพิ่มเติมจากแบบเรียนภาษาไทยเบื้องต้น
ผศ.จำาลอง คำาบุญชู)
3. วรรณยุกต์ คือ เสียงที่กำาหนดตามระดับของเส้น
เสียงเมื่อเปล่งออกมา ใช้
กำาหนดไตรยางศ์ มี 4 รูป 5 เสียง (tone is a phoneme
defined following the level of tone after expression.
The tone is used as a rule for pronunciation. There
are 4 forms and 5 phonemes.)
รูปวรรณยุกต์ ได้แก่
ำ่ รูปเอก เสียงตำ่า falling
tone
2
0
22. จากตัวอย่างจะเห็นว่า เสียงอักษรสูงและอักษรตำ่า
เหมือนกัน 1 เสียง คือ เสียงในแถวที่ 3 (ฉ้าย – ช่าย, ถู้ –
ทู่, โผ้ – โพ่) แต่ผู้เรียนต้องจำาว่า อักษรตำ่า มีรูปวรรณยุกต์
ไม่ตรงกับเสียง และควรจำาว่า เสียงที่เขียนได้สองแบบนั้น
การเขียนแบบไหนถูกต้องในภาษาไทย
From the example above, high tone alphabet
and low tone alphabet have 1 phoneme that is the
same of pronunciation that is the third phoneme in
the column but the learner should memorize that
low tone alphabets use the tone symbol differently
from their real phonemes or use more tone of
symbol expressed (tone3 use form2, tone4 use
form 3) and in this case having two phonemes
pronouncing in the same, the learner should
memorize the correct words were used in Thai.
ข้อควรจำา อักษรตำ่า รูปเอก เสียงโท รูปโท
เสียงตรี
อักษรกลาง ผันได้ครบ 5 เสียง
อักษรสูง ผันได้ครบ 5 เสียงเมื่อนำาอักษรตำ่า
คู่มาช่วย
Tip Low tone use ำ่ in the third tone and ำ้
in the forth
Middle tone can completely
pronounce 5 tones.
High tone can completely pronounce 5
tones with
the help of low tone.
พยางค์ (Syllable)
พยางค์ หมายถึง เสียงที่เปล่งออกมาในแต่ละครั้ง
อาจมีความหมายหรือไม่มี หากมีความหมายจะเรียกว่า คำา
2
2
23. เช่น นก แมว เดิน กิน คุย ฉัน เขาโต๊ะ มือ คำาเหล่านี้ถือว่า
เป็นคำา ที่มี 1 พยางค์
Syllable means voice is expressed in each
time. It can either have meaning or not but if that
syllable has a meaning is called word. These words,
for example, bird, cat, walk, eat, talk, I, you, desk,
hand are words that each word has 1 syllable.
โครงสร้างพยางค์ หมายถึง ส่วนประกอบที่มีอยู่ใน
หนึ่งพยางค์ ตามปกติ ประกอบด้วย พยัญชนะต้น สระ
วรรณยุกต์ แต่ในบางคำาจะมีตัวสะกด หรือการันต์เพิ่ม ดัง
นั้น โครงสร้างของพยางค์ จึงแบ่งเป็น 4 ประเภท
The structure of syllable means the
composition of syllable. Normally the syllable
consists of first consonant, vowel, tone. Specially,
there are final consonant, or voiceless consonant
added. The structure of syllable are 4 types as
following
1. โครงสร้าง 3 ส่วน : พยัญชนะต้น สระ วรรณยุกต์
3 part structure : first consonant, vowel, tone
ปี พยัญชนะต้น ป
สระ ำี
วรรณยุกต์ สามัญ (ไม่ปรากฏรูป)
มือ พยัญชนะต้น ม
สระ ำือ
วรรณยุกต์ สามัญ (ไม่ปรากฎรูป)
2. โครงสร้าง 4 ส่วน : พยัญชนะต้น สระ วรรณยุกต์
พยัญชนะท้าย
4 part structure : first consonant, vowel, tone,
final consonant
เร็ว พยัญชนะ ร
สระ เ-ะ (เปลี่ยนเป็น ไม้ไต่คู้)
วรรณยุกต์ สามัญ
2
3
25. พยางค์ปิด หมายถึง โครงสร้างที่มีเสียง
พยัญชนะท้าย
ข้อควรจำา พยางค์เปิด มีลักษณะเช่นเดียวกับ
พยัญชนะท้ายในแม่ ก กา
From the above there are some structure
having final consonant but some there are not.
Therefore the study of syllable structure should
understand open syllable and close syllable, too.
Open syllable means the structure non –
having final consonant
Close syllable means the structure having
final consonant
Tip the open syllable is the same to final
consonant of ก กา
2
5
27. บทที่ 2
ชนิดของคำา
คำา (Word)
ประโยคที่ใช้สื่อสารในภาษาไทยประกอบขึ้นจากคำา
7 ชนิด ได้แก่
Sentences for communication in Thai language
consists of 7 parts of speech that are
1. คำานาม (nouns)
2. คำาสรรพนาม (pronouns)
3. คำากริยา (verbs)
4. คำาวิเศษณ์ (adverbs)
5. คำาบุพบท (prepositions)
6. คำาสันธาน (conjunctions)
7. คำาอุทาน (interjections)
2
7
28. 1. คำานาม หมายถึง คำาที่ใช้บอกชื่อคน สัตว์
สิ่งของ
Nouns mean words use to specify people,
animal, and things.
คำานามมี 5 ประเภท คือ สามานยนาม วิสามานยนาม
อาการนาม สมุหนาม และลักษณนาม
Nouns have 5 categories : common noun,
proper noun, abstract noun, collective noun, and
classifier.
1.1 สามานยนาม หมายถึง คำานามที่กล่าว
โดยทั่วไป
Common nouns mean general nouns
that are not specify to special people, animal, or
things.
โต๊ะ เก้าอี้ ปากกา สมุด
หนังสือ โรงเรียน ครู อาจาร
ย
นักเรียน เจ้าหน้าที่ เพื่อน คณะ
มหาวิทยาลัย กระดาน ชอล์ก
ตำารา กระดาษ รายงาน
หนังสือพิมพ์ ดินสอ
ยางลบ ไม้บรรทัดถุงดินสอ ป้าย
รถเมล์ ประชุม กิจกรรม แบบฝึก
การบ้าน
1.2 วิสามานยนาม หมายถึง คำานามเฉพาะที่
ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ
สถานที่ต่างๆ เช่น
สมชาย อาจารย์นัท
มหาวิทยาลัยชือต้า ทะเลสาบชุ่ยหู
มณฑลยูนนาน ประเทศไทย
2
8
29. อาหารจีน คนเวียดนาม จังหวัด
นครปฐม ทวีปเอเชีย ศาสนาพุทธ
ศิลปะยุโรป
โทรศัพท์โนเกีย หนังสือภาษาจีน
การ์ตูนญี่ปุ่น
Proper nouns mean the nouns that
specify to the
special of people, animal, or things.
1.3 อาการนาม หมายถึง คำานามที่แปลงมา
จากคำากริยา มีคำาว่า การ และความ นำาหน้า เช่น
ความรัก ความเข้าใจ ความ
สงสัย ความจำา ความสุข
การกระทำา การคิด การ
สอบ การพิจารณา
การแก้แค้น การพักผ่อน
การตัดสิน
The abstract nouns mean the nouns
derive from verbs but add a word การ or ความ
before verb.
1.4 สมุหนาม หมายถึง คำานามที่ใช้เรียกกลุ่ม
ของคำานามที่มาอยู่ร่วมกันนั้นและอยู่หน้าคำานามที่ต้องการ
ขยาย เช่น กอง คณะ กลุ่ม ฝูง เหล่า บรรดา หมู่ ฝ่าย
ตัวอย่าง
กองอำานวยการ คณะกรรมการ
กลุ่มนักศึกษา
ฝูงชน เหล่าคณาจารย์
บรรดาผู้สนับสนุน
2
9
30. Collective nouns mean nouns are used to
specify group of
nouns.
1.5 ลักษณนาม หมายถึง คำานามที่ใช้เพื่อ
บอกลักษณะของคำานามประเภทต่างๆ ซึ่งในภาษาไทยมีคำา
ลักษณนามจำานวนมาก ดังต่อไปนี้
คน นักเรียน ทหาร พระ พระมหา
กษัตริย์
คน นาย รูป พระองค์
สัตว์ ช้าง ม้า สุนัข หมาป่า
โขลง คู่ ตัว ฝูง
สิ่งของ กระดาษ ปากกา เสื้อ รองเท้า
แผ่น ด้าม ตัว คู่
สถานที่ วัด โรงเรียน มหาวิทยาลัย
แห่ง โรง แห่ง
Classifiers mean nouns are used for telling
the characters of nouns being in front of them.
2. คำาสรรพนาม คือ คำาที่ใช้แทนนาม
สรรพนาม มี 6 ประเภท บุรุษสรรพนาม ประพันธ
สรรพนาม วิภาคสรรพนาม นิยมสรรพนาม อนิยม
สรรพนาม ปฤจฉาสรรพนาม
Pronouns mean words can be replaced in a
position of nouns.
There are 6 types : personal pronouns, relative
pronouns, distributive pronouns, definite pronouns,
indefinite pronouns, and interrogative pronoun.
3
0
31. 2.1 บุรุษสรรพนาม หมายถึง สรรพนามที่ใช้
เรียกแทนตัวเอง และบุคคลอื่นๆ ประกอบด้วย สรรพนาม
บุรุษที่ 1 สรรพนามบุรุษที่ 2 และสรรพนามบุรุษที่ 3
สรรพนามบุรุษที่ 1
เอกพจน์ ฉัน เรา ผม ข้าพเจ้า หนู ดิฉัน
พหูพจน์ พวกฉัน พวกเรา พวกผม พวก
หนู
สรรพนามบุรุษที่ 2
เอกพจน์ เธอ คุณ แก ท่าน
พหูพจน์ พวกเธอ พวกคุณ พวกแก
พวกท่าน
สรรพนามบุรุษที่ 3
เอกพจน์ เขา ท่าน มัน
พหูพจน์ พวกเขา พวกท่าน พวกมัน
Personal pronouns mean pronouns are
used to represent the speaker, the listener, and the
person we talk to. They are divided into 1, 2, 3 of
personal pronounces.
2.2 ประพันธสรรพนาม หมายถึง คำา
สรรพนามที่ใช้เชื่อมในประโยคความซ้อน ได้แก่ ที่ ซึ่ง อัน
ว่า ให้ คำาว่า ที่ ซึ่ง อัน สามารถใช้แทนกันได้ มักตาม
หลังคำานาม ส่วนคำาว่า ว่า ให้ ใช้เมื่อต้องการทำาเป็น
ประโยครายงาน
3
1
32. Relative pronouns mean words combine
the relative clause to the main clause in a complex
sentence such as who whom which that. The word
ที่ ซึ่ง อัน can be replaced for one another but ว่า ให้
will be use in an indirect speech.
ที่ แม่ซื้อเสื้อที่ลดราคา
Mother buys a blouse which is on
sale.
ซึ่ง คนซี่งได้รับรางวัลเป็นผู้หญิง
A person who gets the prize is a
woman.
อัน การรักษาความสงบคือมารยาทอันดี
Keep quiet is a manner which is good.
2.3 วิภาคสรรพนาม หมายถึง คำาสรรพนามที่
ใช้เพื่อแยกกลุ่มคำานามออกจากกันเป็นหลายๆ ส่วน โดย
ใช้คำาว่า ต่าง บ้าง กัน
Distributive pronouns mean pronouns are
used for separation nouns into group or many parts
with the words : ต่าง บ้าง กัน
นักเรียนต่างมีความสุขในวันหยุด
All students are happy in holiday.
ลูกแมวเจ็ดตัวนั้นบ้างก็เล่น บ้างก็กินนม บ้างก็
นอน
That cat sometimes plays, drinks milk and
sleeps.
อาจารย์กำาลังคุยกันอยู่ในห้องประชุม
Teachers are talking in the meeting room
3
2
33. 2.4 นิยมสรรพนาม หมายถึง คำาสรรพนามที่
ใช้เพื่อชี้เฉพาะถึงสิ่งต่างๆ และบอกระยะทางด้วยคำาว่า นี่
นั่น นี้ นั้น เหล่านี้ เหล่านั้น
Definite pronouns mean pronouns are
used to tell the distance of something or to focus on
the things they want.
นี่คือหนังสือเรียนภาษาไทย
This is Thai language textbook
นั่นคือสมุดแบบฝึกหัดของนักเรียนชาวจีน
That is Chinese’s exercise book.
นี้คืออาจารย์ชาวต่างประเทศ
This is a foreign teacher.
เหล่านั้นเป็นกระเป๋าเสื้อผ้าของนักศึกษาชั้นปีที่
1
Those are first-year student baggages.
2.5 อนิยมสรรพนาม หมายถึง คำาสรรพนามที่
ใช้กล่าวโดยไม่ระบุเจาะจงว่าเป็นสิ่งใด ชัดเจน ด้วยคำาว่า
ใคร ที่ไหน อะไร อย่างไร ทำาไม แม้ว่าจะเป็นคำาเดียวกับที่
ใช้ตั้งคำาถาม แต่โดยเจตนาของผู้พูดแล้วจะไม่ต้องการคำา
ตอบ
Indefinite pronouns mean pronouns are
used to tell without focus on anything and need not
to know the answer such as whoever, whatever,
whichever, wherever etc.
ใคร ใครจะไปต้องเตรียมตัวให้ดี
Who will go should prepare well.
3
3
34. อะไร อะไรที่เขาทำาไม่มีประโยชน์
What he does is useless.
อย่างไร ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สนใจ
However he does not care.
ทำาไม ทำาไมเขาพูดเหมือนไม่พอใจ
Why he said like he did not
pleasure.
ที่ไหน ที่ไหนก็ไม่มีความสุขเท่ากับบ้าน
ของเราเอง
Wherever is not happy as our
home.
2.6 ปฤจฉาสรรพนาม หมายถึง สรรพนามที่
ใช้สำาหรับตั้งคำาถาม และต้องการคำาตอบ
Interrogative pronouns mean the pronoun
are used for making a question and need an
answer.
ใครจะไปกับเขา ฉันและนารี
Who will go with him? I and Naree.
เขาจะทำาอะไร เขาจะไปซื้อ
ต้นไม้มาปลูก
What will he do? He will go to
buy a tree.
เธอจะทำาอย่างไรให้เขาสนใจ ฉันจะให้
ดอกกุหลาบแก่เขา
How will you do to attract him? I will give
him a rose.
3
4
35. ทำาไมเธอไม่มาเรียน หนูไม่สบายมาก
ค่ะ
Why don’t you come to school?I am very
sick.
พวกเขาจะไปเรียนที่ไหน พวกเขาจะไป
เรียนที่เมืองไทย
Where will he study? Thailand.
3. คำากริยา คือ คำาใช้บอกอาการ
คำากริยามี 5 ประเภท สกรรมกริยา อกรรมกริยา วิกรร
ตกริยา (เป็น เหมือน คล้าย เท่า คือ) กริยานุเคราะห์ (ย่อม
กำาลัง คง อาจ จะ ต้อง ได้ แล้ว ถูก) และกริยาสภาวมาลา
(ทำาหน้าที่เป็นเหมือนคำานาม)
Verbs mean words for telling the behavior of
someone or something.
3.1 สกรรมกริยา (Transitive verbs) คือ คำาที่
ต้องมีกรรม (object) มา
รับเพื่อสื่อความหมายให้เข้าใจ
Transitive verbs mean verbs need objects
for a complete
meaning in sentence.
กิน เตะ ส่ง ปลูก พา พบ มอง จ้อง
ร้อง มา หา เคาะชก ทุบ ตี ต่อย
เห็น อยาก ชู ชม ทิ้ง ปล่อย เจ็บ
ปวด
ทำา เกา แปรง ล้าง ชิม พยายาม ไป
3
5
38. ร้องเพลง กระโดด สนุก ไปเที่ยว อร่อย
คุย นอนหลับ ไม่สบาย ป่วย อิ่ม
หิว ทะเลาะ ไม่พอใจ โทรศัพท์
เสียใจ
3.3 วิกรรตกริยา (Linking verb) หมายถึง
คำากริยาที่บอกความเท่าเทียมกัน ได้แก่ เป็น เหมือน คล้าย
เท่า คือ
Linking verbs mean verbs show the
equivalent relation of 2 nouns.
เป็น เขาเป็นศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์
He is a professor of Mathematics.
เหมือน ผ้าผืนนี้เหมือนกับผืนนั้น
This cloth is the same to that one.
คล้าย หน้าตาของเขาคล้ายพ่อ
His face looks like his father.
เท่า นำ้าหนักของเธอเท่ากับน้องสาว
Her weight is as much as her
sister.
คือ การทำาความดีคือความสุขอย่างหนึ่ง
Do good is a kind of happy.
3.4 กริยานุเคราะห์ (Helping verbs) คือ
กริยาที่ช่วยนำาหน้า
กริยาเพื่อแสดงกาล (tense) ความคาดคะเน (prediction)
ด้วยคำาว่า ย่อม กำาลัง คง อาจ จะ ต้อง ได้ แล้ว ถูก
3
8
39. Helping verbs mean verbs help the
afterward verbs to increase the meaning of verb.
Sometime helping verbs show tenses, prediction,
expectation.
ย่อม คนทำาดีย่อมได้ดี
กำาลัง เขากำาลังเดินทางกลับบ้าน
คง เธอคงมีความสุขมาก
อาจ แม่อาจจะโทรมาคืนนี้
จะ สายการบินจะลดราคา
ต้อง ทุกคนต้องสอบให้ผ่าน
ได้ หนังสือพิมพ์ได้ประกาศตามหาคน
หาย
แล้ว การแสดงเริ่มต้นแล้ว
ถูก วันนี้ไม่มีใครถูกลงโทษ
3.5 กริยาสภาวมาลา (Participle verb) คือ
กริยาที่ทำาหน้า
เหมือนคำานาม โดยเป็นประธาน หรือกรรม หรือส่วนขยาย
ในประโยค
Participle verbs mean verbs are in the
position of nouns like Subject, object or extension.
3
9
40. นอน นอนกลางวันไม่ดี
Sleeping at noon is not good.
กิน เขาไม่ชอบกินอะไรตอนเย็น
He does not like eating dinner.
ออกกำาลังคนจีนชอบเดินเพื่อออกกำาลัง
Chinese like to walk for
exercising.
4. คำาวิเศษณ์ (Adverbs) คือ คำาขยายคำาอื่นๆ ใน
ประโยค คำาขยายมี 9 ประเภท
เช่น ลักษณวิเศษณ์ กาลวิเศษณ์ สถานวิเศษณ์ ประมาณ
วิเศษณ์ นิยมวิเศษณ์ อนิยม
วิเศษณ์ ประติชญาวิเศษณ์ (หางเสียง) ประติเษธวิเศษณ์
และปฤจฉาวิเศษณ์
Adverbs means verbs magnify other words in
sentence. There are 9 types : character, time,
place, quantity, definite, indefinite, vocative,
negative, and interrogative adverbs.
4.1 ลักษณวิเศษณ์ คือ คำาขยายลักษณะของ
คำานามนั้น เช่น สี ขนาด ชนิด รูปร่าง กลิ่น รส อาการ
สัมผัส
Character adverbs means words for
magnifying color, size, type, shape, smell, taste,
state, sense.
สี แดง เขียว เหลือง ดำา ส้ม
ชมพู ฟ้า ขาว
ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ เล็ก
กว่า ใหญ่กว่า พอดี
4
0
46. 4.9 ปฤจฉาวิเศษณ์ (Interrogative
adverbs) คือ คำาที่ใช้ตั้ง
คำาถามในลักษณะของการขยายคำาอื่น เช่น อะไร ที่ไหน
อย่างไร ใคร
ใคร สมุดของใครวางไว้บนโต๊ะ
อะไร กระดาษอะไรที่เธอซื้อมา
ที่ไหน อาหารที่ไหนอร่อยที่สุด
อย่างไร วิธีวาดรูปคนวาดอย่างไร
เมื่อไร เขาจะกลับมาอ่านหนังสือเมื่อไร
ข้อสังเกต ระหว่างประเภทที่เหมือนกันของคำาสรรพนาม
และคำาวิเศษณ์ เช่น นิยมสรรพนาม นิยมวิเศษณ์ อนิยม
สรรพนาม อนิยมวิเศษณ์ ปฤจฉาสรรพนาม และปฤจฉา
วิเศษณ์ คือ สรรพนามจะอยู่ด้านหน้าสุด แต่วิเศษณ์จะอยู่
ตามหลังคำาอื่นเสมอ
Tip among the same types of Pronoun and Adverb
such as definite pronoun, definite adverb, indefinite
pronoun, indefinite adjective, interrogative pronoun,
interrogative adjective : the different thing is
pronoun stands alone, adverb comes after the other
word.
คำาวิเศษณ์บางคำาสามารถทำาหน้าที่เป็นกริยาของ
ประโยคได้ โดยเฉพาะลักษณวิเศษณ์ เช่น หล่อ ดี สวย
ร้อน เป็นต้น
Some adverbs can be used as verb of
sentence, especially character adverbs.
หล่อ นักร้องคนนี้หล่อมาก
4
6
47. ดี เธอดีกว่าคนอื่น
สวย นางเอกหนังสวยกว่าคนธรรมดา
ร้อน เมืองไทยร้อนมาก
5. บุพบท (Preposition) หมายถึง คำาที่ใช้เชื่อม คำา
วลี เข้ากับคำาหรือ
ประโยคอื่น ด้วยคำาว่า ของ สำาหรับ เพื่อ ใน กับ แก่ แต่ ต่อ
แด่ วางไว้หน้าคำานาม คำาสรรพนาม คำากริยา และคำา
วิเศษณ์
Prepositions mean words combine words or
phrases into other words or main sentence.
ของ การทำางานของคณะกรรมการชุดนี้ดีมาก
สำาหรับ ของขวัญกล่องนี้สำาหรับเธอ
เพื่อ แม่ทำาทุกอย่างเพื่อลูก
ใน จังหวัดกรุงเทพมหานครมีคนมากที่สุดใน
ประเทศไทย
กับ เขาเห็นมากับตา
แก่ โปรดเอื้อเฟื้อแก่เด็ก สตรี และคนชรา
แต่ เขาเลือกทำาแต่ความดี
ต่อ ลูกค้ายื่นเรื่องร้องเรียนบริการต่อบริษัท
แด่ ประชาชนแสดงความจงรักภักดีแด่พระ
มหากษัตริย์
4
7
48. เพราะ พระเอกจับตัวนาง เอกไปเพราะความ
รัก
เนื่องด้วย งานนี้สำาเร็จได้เนื่องด้วยความสามัคคี
ทั้งที่ เธอรีบมาส่งงานทั้งที่ป่วย
โดย เขาวิ่งมาโดยเร็ว
ด้วย ศาลตัดสินคดีด้วยความยุติธรรม
ตาม ตากล้องเดินไปตามสวนสาธารณะ
6. สันธาน (Conjunctions) คือ คำาที่ใช้เชื่อม
ประโยค 2 ประโยคเข้าด้วยกัน ซึ่งลักษณะของการเชื่อมมี
4 ลักษณะ คือ คล้อยตาม ขัดแย้ง ให้เลือก แสดงเหตุผล
Conjunctions mean words combine two
sentences together that the types of combination
are And type, But type, Or type, and So type.
6.1 การเชื่อมแบบคล้อยตาม คือ การเชื่อม
ไปในทิศทางเดียวกัน โดยใช้คำาว่า กับ และ ทั้ง...และ
ครั้น...ก็ ครั้น...จึง พอ...ก็
ฉันชอบแอปเปิ้ลและแตงโม
แม่ไปตลาดกับห้างสรรพสินค้า
ทั้งมานีและปิติเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ครั้นพระอาทิตย์ตกดิน นกกาก็บินกลับรัง
ครั้นเห็นว่าเธอไม่มาตามนัด เขาจึงรีบไปตามที่
บ้าน
4
8
53. อาจารย์ต้อนรับและเลี้ยงรับรองผู้แทนจาก
ประเทศจีน
และ
อธิการบดีพร้อมด้วยอาจารย์ต้อนรับผู้แทน
จากประเทศจีน อธิการบดีพร้อมด้วย
อาจารย์เลี้ยงรับรองผู้แทนจากประเทศจีน
7. หน้าที่ของคำาอุทาน
จากประโยค อุ๊ย ทำาไมมาไม่ให้สุ่มให้เสียง
7.1 อุทาน (Interjection) อุ๊ย
7.2 อุทานเสริมบท ให้สุ่มให้เสียง
การจดจำาชนิด และหน้าที่ของคำาในภาษาไทยมีความ
สำาคัญมากเพราะช่วยให้ผู้เรียนวางรูปประโยคได้อย่างถูก
ต้อง แม้คำาบางชนิดจะทำาหน้าที่ได้หลากหลาย แต่โดยรวม
แล้ว การเลือกใช้คำาให้ถูกต้องกับหน้าที่ในประโยคถือเป็น
สิ่งที่เหมาะสมที่สุด ดังนั้น ผู้เรียนควรมีพจนานุกรมไทย –
จีน และจีน – ไทย เพื่อให้มีคลังคำาสำาหรับการสร้าง
ประโยคและค้นหาความหมาย
To remember parts of speech and functions of
them is important to learn Thai language because it
helps the arrangement of sentence correctly.
Although some parts of speech have many function,
on the whole the correct words matching their
functions is the best fit. Therefore, the learner
should have Thai – Chinese dictionary and Chinese
– Thai one being a word repository for making
sentences and looking up.
แบบฝึกหัดที่ 2
1. คำามีกี่ประเภท จงอธิบาย
5
3
57. การสร้างคำา (Word making)
ภาษาไทย เป็นภาษาในตระกูลคำาโดด (ไม่
เปลี่ยนแปลงรูปคำา) และมีการกำาหนดคำาแทนความหมาย
ต่างๆ ขึ้น เรียกว่า คำามูล ซึ่งเป็นคำาตั้งขึ้นเอง หรือยืมมา
จากภาษาอื่น คำามูล เป็นคำาถือเป็นรากของคำานั้น ๆ แล้ว
ไม่อาจจะแยกต่อไปได้อีก หรือเมื่อแยกแล้ว ได้คำาที่ไม่
สอดคล้องกับความหมายเดิม เช่น ตา ยาย แม่ กิน นอน
ศาสนา เขนย ขบ เป็นต้น
Thai language is an isolating language (no
changes within words) and there is a word definition
to represent meaning. These words call root word
(คำามูล). Root words may be made by own Thais but
some are loaned from other language. Root words
cannot separate any more so root words can be
one or more syllable.
ข้อควรสังเกต
นาที เป็นคำามูล ไม่สามารถแยกได้อีก แม้ว่า นา และ
ที จะมีความหมายแต่ไม่
สัมพันธ์กับความหมายในบริบทที่ต้องเกี่ยวเนื่องกับเวลา
ไฟฟ้า เป็นคำาประสม ที่มาจาก ไฟ และ ฟ้า ที่ต่างก็มี
ความหมาย และเมื่อรวมแล้ว กลายเป็นคำาใหม่ที่มีเค้าความ
หมายเดิม คือ ไฟ
Tip for consideration which one is root word or
compound word.
นาที (minute) it is a root word, it cannot
separate any more even if it comes from นา (field)
และ ที (times) having their own meaning but they do
not relate time.
ไฟฟ้า (electricity) it is a compound word,
because it can separate then having meaning
related to electricity. This word comes from ไฟ (fire)
5
7