More Related Content More from maruay songtanin (20) อำนาจในอนาคต Future of power 5.
จัดพิมพ์โดย PublicAffairs, New York
ในปี ค.ศ. 2011
ประพันธ์โดย Joseph S. Nye, Jr.
ได้อธิบายถึงการใช้อานาจที่ฉลาดว่า
“ถ้าอเมริกายังมีความต้องการเป็ น
มหาอานาจอันดับหนึ่งในโลกแล้ว
ต้องศึกษาให้ถ่องแท้และนาไปใช้ให้
เข้ากับบริบทที่เปลี่ยนไป เพื่อการ
บรรลุเป้ าประสงค์หลักของประเทศ”
6.
Joseph S. Nye, Jr. จบปริญญาตรีจาก Princeton University ได้รบ
ั
Rhodes Scholar จาก Oxford University ได้รบปริญญาเอกด้าน Political
ั
Science จาก Harvard University
เป็ นอาจารย์พิเศษและเป็ นอดีตคณบดี the Kennedy School of
Government at Harvard University
เคยทาหน้าที่เป็ น deputy undersecretary of state for Security Council
Group on Nonproliferation of Nuclear Weapons ในปี ค.ศ. 19771979 และเคยดารงตาแหน่ง chairman of the National Intelligence
Council ในปี ค.ศ. 1993-1994 และในปี ค.ศ. 1994-1995 ดารง
ตาแหน่ง assistant secretary of defense for International Affair
8.
คานิยามของอานาจคือ ความสามารถได้มาในสิ่งที่ตองการ มี
้
บริบทคือ ใคร ได้อะไร อย่างไร ที่ไหน และเมื่อไร
ถ้าดูดานทรัพยากร (ประชากร อาณาจักร ทรัพยากรธรรมชาติ
้
ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ความเข้มแข็งทางการทหาร ความ
มั ่นคงของสังคม) อานาจจะหมายถึง การนาทรัพยากรมาใช้เป็ น
กลยุทธ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ตองการ
้
อานาจถ้ามองด้านพฤติกรรม จะหมายถึง การที่มีผลต่อผูอื่นโดย
้
การปรับเปลี่ยนบางสิ่งด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่
ต้องการ
9. วิธีการได้มาซึ่งอานาจมี 3 มุมมองคือ
จากการบังคับ (commanding change) เป็ นการได้มาซึ่งอานาจ
จากใช้กาลัง
จากเงื่อนไข (controlling agenda) เป็ นอานาจที่เกิดจากการสร้าง
เงื่อนไขและควบคุมให้มีการแสดงออกได้อย่างจากัด
จากการชักจูง (establish preference) เป็ นอานาจที่ได้มาจากการ
สร้างความเชื่อ การรับรู ้ และความพึงพอใจ
มุมมองแรกเป็ นอานาจด้านแข็ง มุมมองที่สามเป็ นอานาจด้าน
อ่อน มุมมองที่สองอยูระหว่างกลาง
่
11.
อานาจทางทหาร เป็ นอานาจที่ใช้มากในศตวรรษที่ 19 คือในยุคที่มี
การล่าอาณานิคม
แต่ในยุคศตวรรษที่ 21 ซึ่งถือว่าเป็ นการยุคที่สี่ของการรบยุคใหม่
(ยุคแรกคือการรบเป็ นแถวเป็ นตอนหลังการปฏิวตในฝรั ่งเศส ยุคที่
ั ิ
สองเป็ นการรบอาศัยการยิงที่หนักหน่วงในสงครามโลกครั้งแรก ยุคที่
สามเป็ นการรุกรบอย่างรวดเร็วของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่
สอง) คือจะไม่มีเขตแนวรบที่ชดเจนและเป็ นการยากในการแยก
ั
ทหารจากพลเรือน การรบพุงจะเกิดในประเทศระหว่างประชาชนที่
่
ขัดแย้งกันมากกว่าระหว่างประเทศ และเป็ นการรบที่ไม่มีกติกา เช่น
การก่อการร้าย การใช้คาร์บอมบ์ ระเบิดพลีชีพเป็ นต้น
12.
รูปแบบการใช้อานาจทางทหาร คือ ใช้ในการสูรบและการทาลาย
้
ล้างทางกายภาพ ใช้เป็ นข้อต่อรองทางการเมืองระหว่างประเทศ
ใช้ในการรักษาสันติภาพหรือใช้ปกป้ องกลุมประเทศสนธิสญญา
่
ั
และใช้กาลังทหารในการให้ความช่วยเหลือ เช่น การฝึ กทหาร
ให้ทุนการศึกษาด้านการทหาร ช่วยบรรเทาสาธารณภัย สร้าง
ถนน รักษาพยาบาล และสร้างโรงเรียนเป็ นต้น
บทบาทอานาจทางทหารยังคงเป็ นสิ่งจาเป็ นในศตวรรษที่ 21
อานาจทางทหารสามารถใช้ได้ท้งสามมุมมอง และอานาจทาง
ั
ทหารในศตวรรษที่ 21 จะใช้ตามมุมมองที่สองมากขึ้นคือ อานาจ
แบบมีเงื่อนไข ที่ใช้ประกอบกับการเมืองระหว่างประเทศ
13.
อานาจทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วยรายได้มวลรวมของ
ประชาชาติ รายได้ตอหัว ระดับของเทคโนโลยี
่
ทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรบุคคล นโยบายทางการตลาด
การค้าขาย การคลัง และการแข่งขันเป็ นต้น
อานาจทางเศรษฐกิจสามารถใช้เป็ นทั้งอานาจด้านแข็งและ
อานาจด้านอ่อน ด้านแข็งคือการแทรกแซงทั้งด้านบวกและด้าน
ลบคือ การชาระหรือการงดชาระหนี้ การกาหนดกาแพงภาษี การ
จากัดโควต้า การเข้าถึงตลาด ฯลฯ ด้านอ่อนคือให้ความ
ช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เป็ นการให้ความช่วยเหลือกับประเทศที่
ยังด้อยพัฒนา เช่นการสร้างโรงเรียน โรงยิม สนามบิน เป็ นต้น
14.
จีนได้พฒนาประเทศทาให้มีเศรษฐกิจเป็ นลาดับต้น ๆ ของโลก
ั
โดยมีลกหนี้รายใหญ่คืออเมริกา
ู
ในปี ค.ศ. 2008 อเมริกาจึงพยายามบีบให้จนลอยค่าเงินเพื่อลด
ี
การขาดดุล อย่างไรก็ตามค่าเงินหยวนจะยังไม่สามารถเทียบกับ
ดอลลาร์ได้ในระยะสิบปี แรกของศตวรรษ เพราะดอลลาร์ยงใช้
ั
เป็ นสกุลเงินตราสารองระหว่างประเทศอยู่
แต่ตอไปจีนจะมีอานาจทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น อเมริกาจะใช้อานาจ
่
ทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ โดยใช้มาตรการแทรกแซงทั้งด้านบวกและ
ด้านลบกับจีน เพราะเป็ นนโยบายที่ไม่เปลืองค่าใช้จาย
่
15.
อานาจด้านอ่อน เป็ นสิ่งที่เล่าจื๊อกล่าวว่า ผูนาที่ดีที่สุดคือผูที่ทาให้
้
้
ผูที่อยูใต้การปกครองไม่รูสึกว่าถูกปกครองอยู่
้ ่
้
อานาจด้านอ่อนประกอบด้วยวัฒนธรรม ค่านิยมทางการเมือง
และนโยบายต่างประเทศ โดยใช้ความสัมพันธ์ ความสามารถ
พิเศษ และแรงดึงดูด เพื่อการชักชวนโน้มน้าวให้อีกฝ่ ายเกิด
ความไว้เนื้อเชื่อใจและทาในสิ่งที่เราต้องการ
18.
ผูนาในโลกปั จจุบน 64 คน และอดีตผูนา 165 คน เคยศึกษาใน
้
ั
้
ประเทศสหรัฐอเมริกา มีนกศึกษาต่างชาติที่ศึกษาระดับ
ั
มหาวิทยาลัยในอเมริกาเฉลี่ยปี ละ 750,000 คน ที่ยงไม่รวม
ั
นักเรียนแลกเปลี่ยน มีผลทาให้บุคคลเหล่านั้นมีมุมมองที่ดีตอ
่
อเมริกา และนาความคิดประชาธิปไตยไปเผยแพร่ในประเทศตน
ในอนาคตอานาจด้านอ่อนจะมีความสาคัญมากขึ้น ใครที่สามารถ
แยกแยะข้อมูลข่าวสารที่มีค่าจากระบบที่ซบซ้อนได้ จะเป็ นผูที่มี
ั
้
อานาจในการใช้อานาจทีฉลาด
่
20.
อานาจแบบแพร่กระจาย การปฏิวตของข้อมูลข่าวสาร คือการ
ั ิ
ปฏิวตทางอุตสาหกรรมครั้งที่สาม ซึ่งมีเทคโนโลยีที่ทนสมัยของ
ั ิ
ั
เครื่องคอมพิวเตอร์ การสือสาร และซอฟท์แวร์ ที่ทาให้การสร้าง
่
การดาเนินการ การส่งผ่าน และการค้นหาข้อมูลข่าวสาร
ตลอดจนเทคโนโลยีการเชื่อมต่อมีราคาถูกลง เป็ นตัวเร่งการ
แพร่กระจายของอานาจ เพราะมีผคนจานวนมากสามารถเข้าถึง
ู้
ข่าวสารที่มีอย่างมากมายมหาศาลได้ โดยไม่มีการจากัดด้วย
อาณาเขตอีกต่อไป
21.
โลกไซเบอร์ เป็ นโลกของข่าวสารอิเล็คโทรนิค ที่ใช้ทรัพยากรของ
การสร้าง ควบคุม สื่อสาร มีระบบเครือข่าย (อินเตอร์เน็ต อินตรา
เน็ต โทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์ผ่านดาวเทียม) ซอฟท์แวร์ ทักษะ
บุคคล มีการส่งข้อมูลข่าวสารผ่านไซเบอร์โดเมน มีการเข้าถึงได้
ง่าย ถือว่าเป็ นอานาจด้านอ่อน ที่ชกชวนกับพลเมืองชาติอื่นให้ทา
ั
ตามอย่าง
แต่บางครั้งอาจเป็ นอานาจด้านแข็งได้ เช่นการใช้ “บอตเน็ต” ส่ง
คอมพิวเตอร์ไวรัสเพื่อเจาะระบบคอมพิวเตอร์ หรือ “นักแฮกเกอร์”
ที่ทาให้เกิดความเสียหายกับโครงสร้างทางกายภาพได้ โดยการ
เจาะระบบ SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition)
22.
หลายประเทศในโลกที่มีการกรอง การปิ ดกั้น หรือจับกุมผูแพร่
้
ข่าวสารอิเล็คโทรนิค เช่น จีน เวียตนาม อิหร่าน ลิเบีย เอธิโอเปี ย
และซาอุดิอาระเบีย
แต่ก็ไม่สามารถปิ ดกั้นข่าวสารออกสูชาวโลกได้ เช่น การเกิด
่
เหตุการณ์ไม่สงบในซินเกียงของจีน การคัดค้านการเลือกตั้ง
ประธานาธิบดีของอิหร่าน ในปี ค.ศ. 2009 และการต่อต้าน
รัฐบาลเผด็จการที่ครองอานาจมาอย่างยาวนานในประเทศ
ตะวันออกกลาง หรือประเทศทางตอนเหนือของทวีปอาฟริกา
ทาให้ยูทูป เฟสบุค และทวิตเตอร์ ถูกใช้เป็ นเครืองมือสื่อสารของ
๊
่
ผูตอต้าน
้ ่
24.
ในปี ค.ศ. 2010 กูเกิลประกาศจะยกเลิกการให้บริการในจีน
โดยกล่าวหาว่าจีนขโมยทรัพย์สินทางปั ญญา และละเมิดสิทธิส่วน
บุคคล ทาให้รฐบาลอเมริกนต้องเข้ามาดูแลเป็ นพิเศษในเรือง
ั
ั
่
เสรีภาพในการใช้อินเตอร์เน็ต
แสดงถึงอานาจแบบแพร่กระจาย ที่มีบทบาทมากขึ้นในศตวรรษ
ที่ 21
27.
ยุโรป มีสหภาพยุโรปเป็ นแกนกลาง มีค่าใช้จายทางการทหาร
่
ครึ่งหนึ่งของอเมริกา แต่มีจานวนทหารมากกว่า และมี 2
ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ด้านการค้าของยุโรปมีขนาดใกล้เคียง
กับอเมริกา แต่ยงมีปัญหาเรืองความสามัคคีระหว่างชาติสมาชิก
ั
่
ความร่วมมือด้านต่างประเทศและทางทหารยังมีขอจากัด
้
ในปี ค.ศ. 2010 ยุโรปดูอ่อนด้อยลงเมื่อเทียบกับจีนและอเมริกา
ดังนั้นแม้จะยังมีขอขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ กับอเมริกา แต่การ
้
แข่งขันด้านอานาจจะไม่เกิดขึ้น อเมริกาและยุโรปจะมีความ
ร่วมมือกัน
30.
กลุ่มประเทศบริคส์ (BRICs: Brazil, Russia, India, China) มี
ประชากรรวมประมาณครึงโลก ผลผลิตหนึ่งในสี่ของโลก
่
เงินตราสารองประมาณร้อยละ 40 ของโลก (โดยมากเป็ นของ
จีน) ที่เป็ นหัวใจของกลุมคือจีน มีการวิเคราะห์แต่ละชาติสมาชิก
่
ดังนี้
31.
รัสเซีย เดิมเป็ นสหภาพโซเวียตที่มีอานาจพอ ๆ กับอเมริกา มี
อาณาเขตมากที่สุดในโลก ประชากรมากเป็ นลาดับสาม
เศรษฐกิจเป็ นลาดับสอง มีน้ ามันและก๊าซมากกว่าซาอุดอาระเบีย
ิ
มีหวรบนิวเคลียร์ครึ่งโลก และจานวนทหารมากกว่าอเมริกา มี
ั
บุคลากรด้านการวิจยและพัฒนามากทีสุด
ั
่
ต่อมาสหภาพโซเวียตได้ล่มสลายในปี ค.ศ. 1991 ทาให้อาณา
เขต เศรษฐกิจ และจานวนทหาร รวมถึงความเป็ นคอมมิวนิสต์
ลดลง
32.
รัสเซีย ปั จจุบนยังมีระบบสาธารณสุขไม่ดี อัตราตายสูง และ
ั
อัตราการเกิดลดลง มีการคอร์รปชั ่นมาก
ั
รัสเซียมีแนวโน้มจับมือกับจีน แต่ยงมีการขัดแย้งเรืองการ
ั
่
ต่างประเทศและการมองโลกบ้าง
รัสเซียอาจยังเป็ นภัยกับอเมริกาอยู่ เพราะยังคงมีอาวุธนิวเคลียร์
แต่ไม่เท่ากับสมัยที่ยงเป็ นสหภาพโซเวียต
ั
33.
อินเดีย อาจได้เป็ นประเทศมหาอานาจในอนาคตทีมีสามขั้วคือ
่
จีน อเมริกา และอินเดีย เพราะอินเดียมีประชากร 1.2 พันล้าน
คนและไม่นานอาจมากที่สุดในโลก
อินเดียมีสภาพเศรษฐกิจที่มหาศาลแต่มีมาตรฐานการครองชีพ
ต ่า ชนชั้นกลางมีจานวนเพิ่มขึ้น มีอุตสาหกรรมข้อมูลข่าวสาร
และมีแผนงานด้านอวกาศ มีจานวนทหารมาก มีหวรบนิวเคลียร์
ั
ประมาณ 60-70 ลูก
34.
อินเดีย มีอานาจด้านอ่อนคือ ความเป็ นประชาธิปไตย วัฒนธรรม
และ อุตสาหกรรมภาพยนตร์
แต่อินเดียยังเป็ นประเทศด้อยพัฒนา ผลิตภัณฑ์รวมประเทศยัง
น้อย แม้มีวิศวกรคอมพิวเตอร์มากแต่ที่ใช้งานได้จริงน้อย สินค้า
ที่ใช้เทคโนโลยีสูงยังมีนอย
้
ดังนั้นจึงไม่เป็ นปั ญหาท้าทายกับอเมริกา และอินเดียกับจีนยังมี
ข้อขัดแย้งกันอยู่ มีแนวโน้มว่าอินเดียจะร่วมมือกับกลุมประเทศ
่
อาเซียนเพื่อต้านทานอิทธิพลของจีน
35.
บราซิล เป็ นประเทศประชาธิปไตย ไม่มีปัญหาเรืองการจลาจล
่
เชื้อชาติ ศาสนา หรือขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน มีอตราการ
ั
เจริญเติบโตที่ดี ในปี ค.ศ. 2007 มีการค้นพบแหล่งน้ ามันสารอง
ขนาดใหญ่ที่ชายฝั ง บราซิลมีจานวนทหารน้อย ไม่มีอาวุธ
่
นิวเคลียร์
ส่วนอานาจด้านอ่อนนั้น บราซิลมีเทศกาลคาร์นิวาล และฟุตบอล
แต่โครงสร้างพื้นฐานของบราซิลยังไม่ดีพอ มีอาชญากรรมและ
คอร์รปชั ่นสูง การแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจยังน้อยเพราะระบบ
ั
การศึกษายังไม่ดี ความยากจนยังเป็ นปั ญหาใหญ่
ดังนั้นบราซิลจึงไม่น่าเป็ นคู่แข่งของอเมริกา
36.
จีน เป็ นพี่ใหญ่ในกลุมบริคส์ เพราะมีจานวนประชากร ขนาด
่
เศรษฐกิจ จานวนทหาร ค่าใช้จายทางทหาร การเติบโตทาง
่
เศรษฐกิจ และผูใช้อินเตอร์เน็ต มากที่สุดของกลุม
้
่
จีนมีอตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 7 ต่อปี ฟื้ นตัวจากวิกฤต
ั
เศรษฐกิจในปี ค.ศ. 2008 ได้เร็ว และอีกไม่นานผลิตภัณฑ์รวม
ของชาติจะแซงอเมริกาเป็ นลาดับหนึ่งของโลก
จีนมีอาณาเขตใกล้เคียงกับอเมริกา มีประชากรมากกว่าสี่เท่า มี
กองทัพบกใหญ่ที่สุดในโลก มีหวรบนิวเคลียร์ประมาณ 200 ลูก
ั
มีความสามารถด้านอวกาศ และโลกไซเบอร์
38.
จีนเคยรุงเรืองในสมัยโบราณ แต่ระยะห้าร้อยปี ที่ผานมา มีการ
่
่
ปฏิวตอุตสาหกรรมที่ทาให้ประเทศตะวันตกมีบทบาทเป็ น
ั ิ
มหาอานาจของโลก
จนกระทั ่งเติ้งเสี่ยวผิงนาจีนเข้าสูยุคทันสมัยในทศวรรษที่ 1980
่
ทาให้จนเริมกลับเข้ามามีบทบาทในโลกอีกครั้งหนึ่ง
ี ่
อีกทั้งคาสอนของขงจื้อทาให้เกิดการเสริมอานาจด้านอ่อน
39.
แต่จนยังมีปัญหาในชนบทที่ห่างไกล ความไม่มีประสิทธิภาพของ
ี
รัฐวิสาหกิจ ความไม่เท่าเทียม การอพยพแรงงาน ระบบ
ประกันสังคม การคอร์รปชั ่น ความไม่มั ่นคงด้านการเมือง ด้าน
ั
เหนือและตะวันออกเจริญกว่าด้านใต้และตะวันตก มีชนกลุมน้อย
่
มาก และประชากรเริมอาวุโส
่
แม้ว่าจีนมีความสาเร็จด้านเหรียญทองโอลิมปิ ค รถไฟความเร็วสูง
และฟื้ นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจเร็ว แต่ถาเกิดปั ญหาทางเศรษฐกิจ
้
อาจส่งผลกระทบต่อการเมืองด้วย และด้านการเมืองของจีนอาจจะ
มีการเปลี่ยนแปลงในอีกสิบหรือสิบห้าปี ข้างหน้า เมื่อเหล่า
นักศึกษาที่จบจากต่างประเทศเริมมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น
่
42.
การปิ ดกั้นการอพยพเข้าเมืองไม่เป็ นผลดี เพราะจากการศึกษา
พบว่า ผูอพยพที่ได้รบการศึกษาขั้นสูงจะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์รวม
้
ั
ของประเทศได้มาก
การมีผอพยพที่คดสรรแล้ว(ดีที่สุดและฉลาดที่สุด) ทาให้อานาจ
ู้
ั
ด้านอ่อนเพิ่มขึ้น เพราะบุคคลเหล่านี้และญาติที่อยูในประเทศ
่
เดิม จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ของอเมริกาให้ดดี รวมถึงการมี
ู
วัฒนธรรมทีหลากหลาย ทาให้เกิดความสร้างสรรค์
่
43.
อเมริกามีความล้าหน้าด้านเศรษฐกิจหลายอย่างเช่น เทคโนโลยี
สารสนเทศ เทคโนโลยีชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี อุตสาหกรรม
คอมพิวเตอร์และอิเล็คโทรนิค ที่ทารายได้เข้าอเมริกาอย่างมาก
อเมริกามีการลงทุนด้านการพัฒนาและการวิจยมากที่สุดในโลก
ั
และมีความสัมพันธ์อนดีของอุตสาหกรรมและมหาวิทยาลัย
ั
หลังจากการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ทาให้รฐบาลกลางเกิดหนี้สิน
ั
มาก และคาดว่าในปี ค.ศ. 2023 จะมีหนี้สินเท่ากับผลิตภัณฑ์
รวมของประเทศ แต่อเมริกามีขอได้เปรียบ เพราะดอลลาร์เป็ น
้
ระบบเงินสารองของโลกและความคล่องตัวของพันธบัตรรัฐบาล
ของอเมริกา
44.
การมีแรงงานที่มีความรูดีเป็ นข้อได้เปรียบ เป็ นเพราะระบบ
้
การศึกษาขั้นสูงของอเมริกา ที่ถือว่าเป็ นระบบที่ดีที่สุดในโลกจาก
การจัดลาดับของมหาวิทยาลัย
ชาวอเมริกนได้รบรางวัลโนเบลมากที่สุด มีการตีพิมพ์บทความ
ั
ั
ด้านวิทยาศาสตร์ในวารสารต่าง ๆ มากที่สุด
แต่การศึกษาในระดับล่างยังคงเป็ นปั ญหาอยู่ รวมถึงปั ญหาการ
กระจายรายได้ที่ไม่เป็ นธรรม
47.
นโยบายของอเมริกาในศตวรรษที่ 21 เพื่อรับมือกับผูที่จะมาแข่ง
้
เป็ นประเทศมหาอานาจของโลกคือจีน ที่เหมาเจ๋อตุงได้สร้าง
กองทัพให้แข็งแกร่ง เติ้งเสี่ยวผิงสร้างเศรษฐกิจที่มั ่งคั ่ง
ประธานาธิบดีหูจนเทาสร้างอานาจด้านอ่อน ที่แสดงให้เห็นถึงจีน
ิ
มีการใช้อานาจที่ฉลาด
แต่ในปี ค.ศ. 2009 เกิดภาวการณ์กาวร้าวทางการต่างประเทศ
้
ของจีน ที่ทาให้โลกตะวันตกมองว่า จีนเปลี่ยนไปจากแนวคิดของ
เติ้งเสี่ยวผิงทีว่า “ก้าวอย่างระมัดระวังและอย่าทาตัวเด่น”
่
48.
อเมริกามียุทธศาสตร์ 3 ข้อดังนี้
1. เข้าใจจุดแข็งและข้อจากัดของอเมริกา นั ่นคืออเมริกาไม่สามารถ
ควบคุมประเทศต่าง ๆ ในโลกได้ท้งหมด จึงต้องอาศัยความ
ั
ร่วมมือกับประเทศที่เป็ นมิตร
2. ต้องพัฒนาอานาจที่ฉลาด คือการบูรณาการอานาจด้านแข็งและ
อานาจด้านอ่อนเข้าด้วยกัน รวมถึงการใช้ให้ถูกต้องกับบริบทด้วย
3. สร้างความมั ่นคงให้กบอเมริกาและเครือข่าย ทางด้านเศรษฐกิจ
ั
ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ หลีกเลี่ยงการสร้างความ
เสียหายกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน
ทั้งในและต่างประเทศ
49.
ความท้าทายของอเมริกา ที่ยงต้องเผชิญมี 5 ประการคือ
ั
1.การก่อการร้ายกับอาวุธนิวเคลียร์ อเมริกาจะต้องมีนโยบาย
ต่อต้านการก่อการร้าย และปกป้ องอาวุธนิวเคลียร์ทเป็ นของ
ี่
ต่างชาติดวยไม่ให้ตกอยูในมือของผูก่อการร้าย มีการสร้างความ
้
่
้
มั ่นคงในตะวันออกกลาง และให้ความสนใจรัฐที่ลมเหลว
้
2.การพัฒนาของอิสลาม ไม่ใช่เป็ นสงครามระหว่างศาสนา แต่เป็ น
สงครามในศาสนาอิสลามเอง ที่ชนกลุมน้อยใช้ความรุนแรงกับ
่
ชนกลุมใหญ่ในตะวันออกกลาง อเมริกาต้องเปิ ดตลาดการค้า จัด
่
การศึกษา ส่งเสริมสถาบันของพลเรือนในสังคม และให้พลเมือง
มีบทบาททางการเมืองเพิมขึ้น
่
51.
กล่าวโดยสรุป การปฏิรูปของโลกมีมาอย่างยาวนาน อเมริกาควร
ทาหน้าที่ประเทศมหาอานาจ ที่มีส่วนรับผิดชอบในการรักษา
ความเป็ นระเบียบเรียบร้อยในโลก มีการส่งเสริมการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจของโลก (ทั้งด้านทะเล อวกาศ และอินเตอร์เน็ต)
เป็ นตัวกลางขจัดความขัดแย้งของประเทศต่าง ๆ และสร้าง
สถาบันและสร้างกฎเกณฑ์ที่เป็ นนานาชาติ
ทั้งนี้อเมริกาจาเป็ นต้องมียุทธศาตร์ในการจัดการกับการพุงขึ้นมา
่
ทั้งของรัฐและที่ไม่ใช่รฐคือ การใช้อานาจที่ฉลาด เน้นความ
ั
ร่วมมือกัน การมีสถาบัน และการมีเครือข่าย ที่สามารถ
ตอบสนองต่อบริบทใหม่ของโลกยุคข้อมูลข่าวสาร