SlideShare a Scribd company logo
1 of 41
Download to read offline
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
maruays@hotmail.com
18 กรกฎาคม 2563
By Owain Service and Rory Gallagher
Publisher Michael O'Mara Books Ltd
Publication City/Country London, United Kingdom
Publication date 01 Oct 2018
Think Small gives the science-backed secrets to following through with your goals, identifying
seven key components that will help you use your own human nature to your advantage for wild
success like you’ve never had before.
เกี่ยวกับผู้ประพันธ์
 Owain Service เป็นกรรมการผู้จัดการของ Behavioral Insights Team ก่อนหน้านี้ เขาเคย
ดารงตาแหน่งรองผู้อานวยการหน่วยยุทธศาสตร์นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ซึ่งเขาเป็น
ผู้นาโครงการด้านการปฏิรูปการบริการสาธารณะ การศึกษา และพลังงาน
 Rory Gallagher เป็นกรรมการผู้จัดการของ Behavioral Insights Team ในภูมิภาคเอเชีย
แปซิฟิ ก มีสานักงานใหญ่ในซิดนีย์ ก่อนหน้านี้ เขาเคยทางานในหน่วยยุทธศาสตร์
นายกรัฐมนตรี และกรมสามัญศึกษาของอังกฤษ
โดยย่อ
 Owain Service และ Rory Gallagher ทางานใน หน่วยผลักดัน (Nudge Unit) ที่รู้ถึง
ผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ของการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ (ตามความเข้าใจทาง
วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์) ไม่ว่าคุณจะพยายามประหยัดเงิน เป็น
ผู้จัดการที่ดีขึ้น หรือให้คนลงคะแนนเสียงมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
 Think Small ใช้แนวทางที่ประสบความสาเร็จเหล่านี้ แล้วแปลงเป็นกรอบที่เรียบง่าย ที่มี
ศักยภาพในการสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ให้กับชีวิตของเรา
เกริ่นนา
 หนังสือเล่มนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้คุณทาอย่างเป็นระบบ ผ่านเทคนิคการใช้
หลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อช่วยตัวคุณเองและคนรอบข้าง
 ความสาคัญคือ การเข้าถึงสิ่งใหญ่เราต้องคิดเล็ก ดังนั้น ไม่เกี่ยวกับความทะเยอทะยาน
ของคุณ มันเกี่ยวกับการใช้ความคิดที่มุ่งเน้นไปที่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ และง่าย ๆ
ที่ถูกต้อง ซึ่งจะทาให้คุณก้าวไปสู่การบรรลุเป้าหมาย
ฝันที่ยิ่งใหญ่
 บ่อยครั้ง เราถูกบอกให้ฝันถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ว่า ท้องฟ้าคือขีดจากัด และ ไม่มีอะไรที่เป็นไป
ไม่ได้
 มันเป็นคาแนะนาที่ดีในการกาหนดเป้าหมายของตัวเอง ที่จะทาให้คุณและคนรอบข้าง
คุณมีสุขภาพดีและมีความสุขมากขึ้น แต่วิธีการที่จะบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นมักจะไม่
ค่อยชัดเจน
 จากการต้องการให้ร่างกายแข็งแรง หรือต้องการเป็นผู้จัดการหรือผู้ปกครองที่ดีขึ้น เพียง
แค่คิดยังไม่เพียงพอ และแผนที่ยิ่งใหญ่อาจล้มเหลวได้อย่างรวดเร็ว
ทาไมแผนการที่ดีที่สุดของเราจึงมักผิดพลาด?
 พวกเราส่วนใหญ่ตั้งเป้าหมายด้วยความตั้งใจดีมาก แล้วเหตุใดแผนการที่ดีที่สุดของเรา
จึงมักผิดพลาด?
 เมื่อเรามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก และเติมเต็มความทะเยอทะยานของเรา จะมี
วิธีหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางที่อยู่ระหว่างเป้าหมายและเราหรือไม่?
 โชคดีที่คาตอบคือ มี และง่ายกว่าที่คุณคิด
สิ่งกีดขวางเส้นทางสู่ความสาเร็จ
 พวกเราหลายคนมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ เราใฝ่ ฝันที่จะเริ่มต้นธุรกิจหรือเรียนรู้
ภาษาใหม่ ลดน้าหนักหรือวิ่งมาราธอน แต่เมื่อแปลงความฝันมาสู่ความเป็นจริง ทาไมจึง
เป็นไปได้ยาก
 ไม่ว่าเราจะขับเคลื่อนอย่างไร จะมีสิ่งกีดขวางบนเส้นทางสู่ความสาเร็จเสมอ มันอาจเป็น
เรื่องยากที่แรงจูงใจจะทาลายนิสัยที่ไม่ดีได้ การมีความมุ่งมั่นเพียงอย่างเดียวไม่สามารถ
ทาให้สาเร็จได้
วิธีที่เราคิดและกระทา
 พฤติกรรมศาสตร์แสดงให้เราเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวิธีที่เรากระทา
สามารถนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเราได้
 คุณเคยต้องการเปลี่ยนแปลงในปีใหม่ เช่นเลิกสูบบุหรี่หรือวิ่งออกกาลังกายก่อนเริ่ม
ทางานทุกเช้า แต่พบว่าในเดือนกุมภาพันธ์ คุณได้ลืมทุกอย่างหรือเปล่า? เป็น
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยมาก ทาไมถึงมีความยากลาบากต่อแผนการใหญ่ของเรา?
 เรามักจะคิดว่า เราจะทาตามเป้าหมายของเราด้วยการมุ่งเน้นและคิด แต่ความจริงก็คือ
ความคิดของเราไม่ได้อยู่ในสภาพที่รอบคอบและมุ่งเน้นเสมอไป มีการรบกวนและการ
ล่อลวงที่บ่อยครั้ง และเรายอมแพ้ให้กับพวกมัน
ทฤษฎีผลักดัน
 เราสามารถใช้ประโยชน์จาก ทฤษฎีผลักดัน (nudge theory) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การ
เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเมื่อได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ สามารถนาไปสู่ผลลัพธ์ที่
ยิ่งใหญ่ เช่น คุณอาจตั้งนาฬิกาล่วงหน้าสองนาทีเพื่อช่วยให้คุณตรงต่อเวลา หรือบางที
คุณอาจเข้าร่วมกลุ่มวิ่ง โดยใช้แรงจากการเข้าสังคม เพื่อสร้างแรงจูงใจในการออกกาลัง
กาย นั่นเป็นทฤษฎีผลักดันที่ใช้ในทางปฏิบัติ
 ทฤษฎีผลักดันมักใช้ประโยชน์จาก บรรทัดฐานทางสังคม (social norms) ซึ่งเป็นรูปแบบ
พฤติกรรมของเพื่อนฝูง ที่ทาให้เราต้องเลียนแบบ
หัวใจสาคัญของหนังสือเล่มนี้ คือ กรอบที่มีเจ็ดขั้นตอนง่าย ๆ คือ
1. ตั้งค่า (Set) เลือกเป้าหมายที่เหมาะสม ที่เฉพาะเจาะจง และแบ่งเป้าหมายระยะยาวของคุณ
ออกเป็นขั้นตอนที่จัดการได้
2. วางแผน (Plan): สร้างกฎง่าย ๆ และแผนดาเนินการ ที่เชื่อมโยงกับกิจวัตรประจาวันของคุณ
3. มุ่งมั่น (Commit) ทาให้ความมุ่งมั่นประกาศสู่สาธารณะ และแต่งตั้งผู้ตัดสินความมุ่งมั่น
4. รางวัล (Reward) ใช้สิ่งที่มีความหมายในการเดิมพัน และใช้รางวัลเล็ก ๆ เพื่อกระตุ้น
แรงจูงใจ แต่ให้ระวังผลเสียที่กระทบย้อนกลับ
5. แบ่งปัน (Share) แสวงหาความช่วยเหลือจากผู้อื่น มีเครือข่ายสังคมของคุณ หรือตั้งกลุ่มที่มี
เป้าหมายร่วมกัน
6. สะท้อนกลับ (Feedback) เพื่อรู้ว่าเป้าหมายของคุณเป็นอย่างไร และค้นหาความคิดเห็นที่
สามารถดาเนินการได้
7. ติดตาม (Stick) ฝึกฝนโดยการเน้น ทดสอบวิธีการที่แตกต่าง และฉลองความสาเร็จ
1. ตั้งค่า (Set) ขั้นตอนแรกคือ การติดตามเพียงเป้าหมายเดียว ที่จะช่วยให้คุณมีความ
เป็นอยู่ที่ดี เพื่อกาหนดเป้าหมายและกาหนดเวลาที่ชัดเจน
 เราทุกคนมักคิดว่าเรารู้ว่าอะไรจะทาให้เรามีความสุข เราตั้งเป้าหมายและคิดว่าเราจะมี
ความสุขมากขึ้นเมื่อเราบรรลุเป้าหมาย บางทีเป้าหมายของคุณคือซื้ อบ้าน หรือดึงดูด
ผู้ชมกว่าล้านคนบน YouTube แต่มีโอกาสที่เป็นเป้าหมายผิด มันอาจไม่สมจริงหรือไม่ทา
ให้เรามีความสุข
 นั่นเป็นสาเหตุที่การตั้งเป้าหมายที่ถูกต้อง เป็นขั้นตอนแรกในการผลักดันพฤติกรรมของ
คุณในทิศทางที่ถูก
 สิ่งที่คุณไม่ควรทาคือ การเพิ่มความสุขให้กับการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่เป็นวัตถุ การศึกษา
แสดงว่า ประสบการณ์ในวันหยุดมีแนวโน้มของความสุขที่มากกว่า
 จากการวิจัยเรื่องความสุขพบว่า ปัจจัยสาคัญห้าประการที่ปรับปรุงความเป็ นอยู่ที่ดีอย่าง
ต่อเนื่องคือ 1) ความสัมพันธ์ทางสังคม 2) สุขภาพและกิจกรรม 3) ความเอื้ออาทร 4)
การเรียนรู้สิ่งใหม่ และ 5) การสร้างความอยากรู้อยากเห็น คุณจะสังเกตเห็นว่าการ
ครอบครองวัตถุไม่อยู่ในรายการนั้น
 จึงเป็นเรื่องสาคัญที่จะต้องทาตามเป้าหมายที่ถูกต้อง แต่โปรดจาไว้ว่า เป้าหมายนั้น
จะต้องสามารถประสบความสาเร็จได้
 วิธีที่ดีในการเพิ่มความสาเร็จคือการตั้งเป้าหมายเดียว เพื่อมุ่งเน้นเพียงอย่างเดียว
 เมื่อคุณเลือกเป้าหมายเดียวเพื่อให้บรรลุ และคุณควรเปลี่ยนเป้าหมายนั้นให้กลายเป็น
เป้าหมายที่ชัดเจน ด้วยการกาหนดเส้นตาย
 สมมติว่าคุณต้องการลดน้าหนัก การศึกษาแสดงให้เห็นว่า การกาหนดเป้าหมายที่ชัดเจน
และสามารถวัดได้ เช่น "ลดน้าหนัก 5 ปอนด์ก่อนเทศกาลอีสเตอร์" จะขับเคลื่อน
ผลลัพธ์ได้ดีกว่าเป้าหมายทั่วไปเช่น "ลดน้าหนักให้ได้ในปีนี้ "
2. วางแผน (Plan) ขั้นตอนที่สอง กาหนดกฎง่ายๆ และสร้างนิสัยเพื่อทาตามแผน
 ลองนึกภาพคุณกาลังควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด คุณค้น Google ว่า อะโวคาโดมีดัชนี
ระดับน้าตาลเท่าใด สังเกตแคลอรี่ในสลัดไก่ของคุณ (ที่ไม่มีน้าสลัด) และคานวณการ
บริโภคประจาวัน คุณทาผิดพลาดไปแล้ว เพราะมันซับซ้อนเกินไป
 มนุษย์รักความเรียบง่าย ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทาไมหลายคนที่มีการควบคุมอาหารที่ซับซ้อน
กล่าวว่า "ช่างมัน!" และกลับไปทานไอศกรีม ในความเป็นจริง นักวิจัยพบว่า "ความ
ซับซ้อนของกฎ (rule complexity)" เป็นสิ่งสาคัญที่ทาให้ผู้คนเลิกควบคุมอาหาร
 ไม่สาคัญว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นอย่างไร หากต้องการความยั่งยืน คุณควรกาหนดกฎ
ให้ง่ายที่สุดเท่าที่จะทาได้
 นอกเหนือจากการทาให้กฎเป็นเรื่องง่ายแล้ว คุณควรสร้างนิสัยขับเคลื่อนพฤติกรรมด้วย
 ตัวอย่างเช่น ในการศึกษาหนึ่งที่โรงภาพยนตร์ ซึ่งแจกข้าวโพดคั่วเก่าไม่ที่น่าทาน ผู้ที่ไม่
มีแนวโน้มที่จะซื้ อข้าวโพดคั่วจะไม่กินมาก แต่ผู้ที่มีนิสัยชอบกินข้าวโพดคั่วเวลาดู
ภาพยนตร์มักจะกินเท่าเดิม แม้ว่าจะมีรสชาติจะไม่เป็นที่พอใจ ทาไม? เพราะการอยู่ใน
โรงภาพยนตร์ทาให้เกิดการกระตุ้นพฤติกรรมที่ฝังแน่นว่า ต้องกินอาหารว่าง
 ในการสร้างนิสัยเพื่อปรับปรุงชีวิตของคุณ เริ่มต้นด้วยการระบุสิ่งที่ก่อให้เกิดนิสัยที่ไม่ดี
ของคุณเอง เมื่อคุณระบุสิ่งกระตุ้นเหล่านี้ ได้แล้ว ให้ลองตัดออกจากชีวิตของคุณ ดังนั้น
หากคุณต้องการเลิกสูบบุหรี่ และสูบบุหรี่เมื่อคุณดื่มสุรา คุณต้องงดการดื่ม
 จากนั้นสร้างนิสัยใหม่ที่เป็นบวก โดยทาซ้าพฤติกรรมในสถานการณ์เฉพาะ สมมติว่าคุณ
กาลังพยายามเขียนหนังสือทุกเช้า ทันทีหลังจากตื่นนอน คุณจะเขียนวันละ 45 นาที มัน
อาจจะยากในตอนแรก แต่ถ้าคุณทาทุกเช้า สัญญาณเตือนของคุณจะเริ่มทาให้เกิดนิสัย
และการเขียนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการตื่นขึ้นมา
3. มุ่งมั่น (Commit) ขั้นตอนที่สามคือ การทาให้เป้าหมายของคุณเป็นสาธารณะ และ
แต่งตั้งผู้ตัดสินเพื่อตัดสินความก้าวหน้าของคุณ
 คุณเคยทาข้อตกลงในอนาคตหรือไม่ เช่นฝึกเพื่อวิ่งมาราธอน แต่เมื่อถึงเวลาจริง คุณจะ
ดูทีวีมากกว่าไปวิ่งกลางสายฝน? นี่คือเคล็ดลับที่ดีในการรักษาความมุ่งมั่น เรามี
แนวโน้มที่จะปฏิบัติตาม ในสิ่งที่เราประกาศเป็นสาธารณะว่าเรามุ่งมั่นที่จะทา
 มนุษย์ตระหนักถึงความคาดหวังของผู้อื่นเป็นอย่างมาก (ถ้าการมุ่งมั่นวิ่งมาราธอนเป็น
การส่วนตัวและไม่มีใครตัดสินคุณ ในวันเสาร์คุณคงใช้เวลาอยู่บนโซฟา) ให้ใช้ความ
มุ่งมั่นต่อสาธารณะและความคาดหวังทางสังคมเข้ามามีบทบาท
 นี่คือความจริงที่ว่า คู่รักที่แต่งงานกันเป็นความลับ มีแนวโน้มที่จะหย่าร้างกันมากกว่า
12 เท่า เทียบกับการแต่งงานซึ่งมีแขกหลายร้อยคนเข้าร่วมงาน การวิจัยพบว่า การ
กระทาต่อหน้าเพื่อนและครอบครัว เสริมสร้างแรงบันดาลใจของคุณ
 หากคุณต้องการก้าวต่อไปอีกขั้น ให้แต่งตั้ง ผู้ตัดสินความมุ่งมั่น (commitment referee )
เพื่อให้คุณมีใจจดจ่อ
 ผู้ตัดสินความมุ่งมั่น คือคนที่ติดตามความคืบหน้าของคุณไปสู่เป้าหมายที่กาหนด และ
ตัดสินว่าคุณทาสาเร็จหรือไม่ การวิจัยพบว่า ผู้ที่มีผู้ตัดสิน 70% มีแนวโน้มที่จะบรรลุ
เป้าหมายมากกว่าผู้ที่ไม่มี
 หนึ่งในนักประพันธ์ Rory Gallagher ต้องการไปที่โรงยิมมากกว่านี้ เขาประกาศความ
มุ่งมั่นที่จะทาเช่นนั้นต่อหน้าเพื่อนร่วมงานของเขา และแต่งตั้ง Owain Service เป็นผู้
ตัดสิน ความกลัวการล้มเหลวที่ได้ประกาศกับเพื่อนร่วมงาน ส่งผลให้การไปโรงยิมเป็น
ส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจาวันของเขา
 คุณควรระวังเมื่อเลือกผู้ตัดสิน ตัวอย่างเช่น อย่าแต่งตั้งคนรักของคุณ ซึ่งเธออาจผ่อน
ปรนกฎดังกล่าวได้ แต่งตั้งเพื่อนร่วมงานที่เชื่อถือได้ หรือเพื่อนคนใดคนหนึ่งจะเป็น
ตัวเลือกที่ดีกว่า
4. รางวัล (Reward) ในขั้นตอนที่สี่ ใช้สิ่งจูงใจที่เหมาะสมเพื่อช่วยผลักดันคุณไปสู่เป้าหมาย
 พวกเราส่วนใหญ่สร้างแรงจูงใจเพื่อพฤติกรรมบางอย่างโดยสัญญาว่าจะให้รางวัล
ตัวอย่างเช่น ผู้ปกครองอนุญาตให้บุตรหลานของตนใช้เวลาในการดูทีวีตามกาหนด เป็น
รางวัลสาหรับการบ้านที่ทาเสร็จสิ้นแล้ว แต่คุณจะบอกได้อย่างไรว่าแรงจูงใจของคุณจะ
ใช้งานได้จริง?
 ในกรณีให้รางวัลบางอย่างโดยเฉพาะรางวัลทางการเงิน อาจส่งผลไม่ดีก็ได้ ในความเป็น
จริง หากคุณมีแรงบันดาลใจในการทาบางสิ่งบางอย่าง รางวัลเป็นการเงินอาจทาให้การ
ปรับปรุงของคุณแย่ลง
 ดังนั้นการกาหนดสิ่งจูงใจที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสาคัญ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไร?
 การศึกษาด้านพฤติกรรมศาสตร์แสดงให้เห็นว่า เป็นการดีที่สุดที่จะลงทุนในสิ่งที่มีคุณค่า
เรื่องนี้ เห็นได้จากโปรแกรมต่อต้านการสูบบุหรี่ เพื่อเข้าร่วมในโปรแกรม ผู้ต้องการเลิก
บุหรี่จะต้องฝากเงินในบัญชีธนาคาร โดยรู้ว่าพวกเขาจะสูญเสียมันบางส่วนหรืออาจ
ทั้งหมด หากพวกเขายังคงสูบบุหรี่ และมันก็ได้ผล ผู้เข้าร่วมโครงการไม่เพียงแต่มี
แนวโน้มที่จะเลิกบุหรี่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จากการติดตามหนึ่งปีหลังจากพวกเขา
ได้รับเงินคืน พบว่าพวกเขายังมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
 การศึกษานี้ เน้นหลักการสาคัญสี่ประการ สาหรับระบบแรงจูงใจที่มีประสิทธิภาพ
 ก่อนอื่น รางวัลจะต้องเชื่อมโยงอย่างชัดเจน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ประการที่สอง มัน
จะต้องเป็นกอบเป็นกา ประการที่สาม รางวัลจะต้องมีผลผูกพันเพื่อให้คุณรู้ว่าคุณจะ
ได้รับ สุดท้ายและอันนี้ ขัดกับความรู้สึกและสาคัญอย่างยิ่ง คนจะรู้สึกมากเมื่อสูญเสีย
บางสิ่งบางอย่างมากกว่าที่จะได้รับบางสิ่งบางอย่าง ตัวอย่างเช่นการสูญเสีย $ 200 รู้สึก
แย่กว่าการได้รับ $ 200 กล่าวโดยย่อ ความกลัวต่อการสูญเสียเป็นแรงจูงใจที่ดีกว่า
ความหวังที่จะได้รับ ดังที่อดีตผู้เคยสูบบุหรี่ค้นพบ
 โดยทั่วไป หากคุณต้องการสร้างแรงจูงใจให้ตัวเอง กุญแจสาคัญคือให้ใช้การบังคับให้มี
การชดใช้เป็นแรงจูงใจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
5. แบ่งปัน (Share) มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้นในขั้นตอนที่ห้า ขอความช่วยเหลือและ
ความร่วมมือจากผู้อื่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เร็วขึ้น
 เรามักจะทาให้เป้าหมายของเราเป็นเรื่องส่วนตัว แต่สุภาษิตกล่าวว่า ปัญหาที่บอกเล่า
ออกไป ทาให้ปัญหาลดลงครึ่งหนึ่ง และสิ่งเดียวกันก็มีผลต่อการบรรลุเป้าหมายของคุณ
 การขอความช่วยเหลือเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย แต่ทรงพลัง ผู้คนมักเต็มใจช่วยเหลือ
มากกว่าที่เราคิด แม้ว่าจะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่สาหรับพวกเขาก็ตาม
 มนุษย์มีความปรารถนาตามธรรมชาติที่จะช่วยเหลือ แม้จะเป็นคนแปลกหน้า แล้วคิดดู
ว่า ครอบครัวและเพื่อนของคุณ เต็มใจที่จะให้การสนับสนุนได้มากสักเพียงใด!
 การทางานกับคนอื่นแทนที่จะเป็นคนเดียว เป็นเครื่องมือสร้างแรงบันดาลใจที่ทรงพลัง
มันไม่เพียงช่วยให้เรายึดมั่นในเป้าหมายเท่านั้น มันยังผลักดันให้เราก้าวต่อไป
 นักวิจัยสารวจผลกระทบนี้ โดยการทดสอบผู้ไปโรงยิม กลุ่มควบคุมทางานโดยลาพัง
ในขณะที่กลุ่มทดสอบมีความสุขกับเพื่อนเสมือนจริงผ่าน Skype (แต่ในความเป็นจริง
เพื่อนดิจิตอลเป็นวิดีโอแบบวนซ้า) ผู้ที่ออกกาลังกายกับเพื่อนที่ไม่รู้จัก ออกกาลังกาย
นานขึ้น และมีแรงบันดาลใจจากเพื่อนดิจิตอลของพวกเขา
 การศึกษาที่คล้ายกันคือเรื่องของการประหยัดเงิน เมื่อผู้เก็บออมร่วมมือกับผู้เก็บออม
รายอื่น ๆ เพื่อแบ่งปันเป้าหมายและติดตามความคืบหน้าของกันและกัน จะสามารถเก็บ
ออมได้มากเป็นสองเท่า
 มนุษย์มีพื้นฐานเป็นสัตว์สังคม เราต้องการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเรามีแรงจูงใจที่
จะก้าวไปพร้อมกับผู้อื่น ให้ยอมรับสิ่งนี้ แล้วหาเครือข่ายสังคมของคุณ และดูว่าจะ
สามารถพาคุณไปถึงที่ไหน
6. สะท้อนกลับ (Feedback) ในขั้นตอนที่หก รับคาติชมที่เกี่ยวกับความคืบหน้าของคุณ
และเปรียบเทียบกับผู้ที่อยู่รอบตัวคุณ
 หากคุณเคยทางานเพื่อบรรลุเป้าหมายใหญ่ คุณอาจรู้สึกว่าแพ้บ้างในบางครั้ง คุณควรจะ
ปรับปรุงการทางานของคุณหรือไม่? คุณเขียนใบสมัครงานเพียงพอหรือไม่ (กรณีหางาน
ใหม่)?
 วิธีที่ดีที่สุด ในการติดตามความคืบหน้าของคุณคือ การสะท้อนกลับที่ชัดเจน
ข้อเสนอแนะไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีแรงจูงใจ มันช่วยให้คุณรู้ว่า ขณะนี้ คุณอยู่ตรงไหน
กับเป้าหมายของคุณ
 การรับฟังความคิดเห็นเป็นเรื่องสาคัญไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายใด ดังนั้น หากคุณกาลังฝึก
วิ่งมาราธอนคุณสามารถดาวน์โหลดแอปเพื่อติดตามการฝึกซ้อมทุกครั้ง เมื่อคุณรู้ว่าเวลา
ของคุณช้ากว่ากาหนด คุณสามารถดาเนินการแก้ไขได้ วิธีการนี้ อาจใช้ได้กับเป้าหมาย
อื่น เช่นการหางานใหม่ ซึ่งคงไม่ไร้ประโยชน์ ถ้าคุณได้รับการสัมภาษณ์น้อยกว่าที่คาดไว้
ให้คุณพิจารณาที่จานวนหรือคุณภาพของใบสมัคร
 คุณสามารถทาให้ข้อเสนอแนะนี้ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการเปรียบเทียบกับผู้อื่น
 เราได้เห็นแล้วว่า มนุษย์มีความปรารถนาตามธรรมชาติที่จะสอดคล้องกับความคาดหวัง
ของสังคมและแข่งขันกับผู้อื่น ผู้ประพันธ์ใช้ความรู้นี้ เพื่อสร้างการทดสอบด้วยตนเอง ใน
ความพยายามต่อสู้กับการจ่ายยาปฏิชีวนะเกินความจาเป็น พวกเขาเขียนจดหมายถึง
แพทย์ที่อยู่ใน 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้จ่ายยาปฏิชีวนะเหล่านั้น จดหมายแต่ละฉบับกล่าว
โดยย่อว่า การปฏิบัติบุคคลอื่น ๆ ส่วนใหญ่ จ่ายยาปฏิชีวนะน้อยกว่านี้
 เช่นเดียวกับพวกเราที่เหลือ แพทย์ต้องการที่จะปฏิบัติให้สอดคล้องกับบรรทัดฐานทาง
สังคม ข้อเสนอแนะนี้ นาไปสู่การลดลงของการให้ยาปฏิชีวนะกว่า 70,000 ราย
 ดังนั้น ข้อเสนอแนะนี้ ช่วยผลักดันเราไปในทิศทางที่ถูกต้อง
7. ติดตาม (Stick) ในขั้นตอนที่เจ็ด คงอยู่ในหลักการโดยการเน้นและทดลองกับสิ่งที่ใช้
ได้ผล
 เมื่อเราพยายามทาบางสิ่งบางอย่าง เรามักจะตกอยู่ในกิจวัตรเดิม เช่นตั้งใจแต่ล้มเหลว
เป็นประจาเพื่อที่จะไปโรงยิมหลังเลิกงาน เราทุกคนอาจให้ความสาคัญแตกต่างกัน
เกี่ยวกับวิธีการที่ใช้งานได้จริง
 การศึกษาแสดงให้เห็นว่า คนที่ประสบความสาเร็จมักจะผูกพันกับการปฏิบัติที่มุ่งเน้น
 อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไป คุณจะไม่ทราบว่าจะใช้วิธีการใดได้ผล จนกว่าคุณจะทดสอบ
 ตัวอย่างเช่น ผู้ประพันธ์ได้ใช้การทดสอบหน้าเว็บต่าง ๆ ถึงแปดหน้า ซึ่งทั้งหมดเป็นการ
กระตุ้นให้คนลงทะเบียนบริจาคอวัยวะ วิธีหนึ่งเป็นรูปภาพของกลุ่มคนยิ้ม และมี
ข้อความที่ระบุว่า ทุกวัน มีคนหลายพันคนที่เห็นหน้าเว็บนี้ และตัดสินใจลงทะเบียน พวก
เขาคิดว่ามันจะประสบความสาเร็จ แต่ความเป็นจริงกลับเป็นการลดการลงทะเบียน
 เว็บเพจที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเขียนง่าย ๆ ว่า ถ้าคุณต้องการได้รับการปลูกถ่าย
อวัยวะ คุณมีพร้อมแล้วหรือยัง ถ้าเช่นนั้น โปรดช่วยเหลือคนอื่น ๆ ด้วย
 จากตัวอย่างแสดงให้เห็นว่า เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าอะไรจะทางานได้ดีที่สุด
จนกว่าเราจะทดสอบ
 ดังนั้น หากคุณพยายามออกกาลังกายให้มากขึ้น ลองวิ่งออกกาลังกายก่อนทางานเป็น
เวลาหนึ่งเดือน และหลังเลิกงานในเดือนถัดไป ดูว่าอะไรที่เหมาะกับคุณ หรือถ้าคุณ
พยายามประหยัดเงิน ให้เก็บเงินไว้เป็นเวลาสองสามเดือน เทียบกับลองประหยัดโดย
หลีกเลี่ยงค่าใช้จ่าย (เช่น ไม่ซื้ อกาแฟทุกเช้า) การเปิดกว้างและยืดหยุ่น จะช่วยให้คุณ
ค้นหาแนวทางที่ดีที่สุด
 การเข้าใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของวิธีที่เราคิดและกระทา สามารถช่วยให้เรา
บรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ตั้งแต่การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ไปจนถึงการรับความคิดเห็นเกี่ยวกับ
ความคืบหน้าของคุณ โปรดจาไว้ว่า การปรับแต่งเล็กน้อยของพฤติกรรมและความคิด
ของคุณ สามารถนาคุณไปได้ไกล ถ้าคุณคิดเล็ก คุณก็อาจจะประสบความสาเร็จใหญ่
สรุป
 หากคุณเล็งสิ่งใหญ่ คุณจะประสบความสาเร็จได้ง่ายขึ้น หากทาสิ่งเล็กได้ถูกต้อง
วิทยาศาสตร์ด้านพฤติกรรม สอนเราหลายสิ่งเกี่ยวกับวิธีที่มนุษย์คิดและกระทา จาก
ความปรารถนาที่จะตอบสนองความคาดหวังของผู้อื่น ไปจนถึงวิธีพัฒนานิสัยของเรา
 การทาความเข้าใจและการยอมรับในเรื่องนี้ จะช่วยให้คุณทาตามขั้นตอนเล็ก ๆ ที่สร้าง
ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ เช่นการตั้งกฎที่ชัดเจนที่ง่ายต่อการปฏิบัติ ทาให้คามั่นสัญญา
ของคุณเป็นที่เปิดเผย และสร้างแรงจูงใจที่ใช้งานได้จริง
3 บทเรียนสาคัญจากหนังสือเล่มนี้
1. กาหนดเป้าหมายที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ทาให้มันง่าย ระบุเป้าหมายและ
กาหนดเวลาเส้นตาย (Only set one goal of the right kind, make it simple, and identify your
targets and deadlines.)
2. ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ร่วมทีมกับคนที่ทางานในสิ่งเดียวกันกับคุณ หรือมีโค้ช ถ้า
คุณต้องการประสบความสาเร็จ (Ask others for help, team up with someone working on
the same thing as you, or get a coach if you want to succeed.)
3. คุณไม่จาเป็นต้องยึดติดกับกิจวัตรที่ไม่ได้ผล ทดลองกับสิ่งที่ใช้ได้ และเปลี่ยนแปลงหาก
จาเป็น (You don’t have to stick with a routine that isn’t working, experiment with what
works, and change it if necessary.)
บทเรียนที่ 1. กาหนดเป้าหมายที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ทาให้มันง่าย ระบุเป้าหมาย
และกาหนดเวลาเส้นตาย
 คุณเคยตั้งเป้าหมายไว้ในอดีต และทาผิดพลาดจากการคิดว่า คุณจะมีความสุขเมื่อทา
สาเร็จ เพราะมันเป็นเป้าหมายที่ผิดตั้งแต่แรก และมันไม่ได้ทาให้คุณมีความสุขมากขึ้น
 และนี่คือปัจจัยห้าอันดับแรก ที่สร้างความแตกต่างมากที่สุด ในความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของ
เรา และคุณควรมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายเหล่านี้ หากคุณต้องการมีความสุข 1.) ความอยาก
รู้ 2.) การเรียนรู้ 3.) ความเอื้ออาทร 4.) กิจกรรม 5.) ความสัมพันธ์
 จากการวิเคราะห์คนที่ได้รับโบนัสเป็นตัวอย่างที่ดีของการกระทานี้ ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า
เมื่อใดก็ตามที่คนเหล่านี้ ใช้เงินเป็นของขวัญหรือบริจาคเพื่อการกุศล พวกเขามีความสุข
มากกว่ากลุ่มที่ใช้เงินเพื่อตนเอง
 อย่างไรก็ตาม มันไม่เพียงพอที่จะตั้งเป้าหมายที่ถูกต้อง คุณต้องทาให้แน่ใจว่าคุณ
สามารถทามันได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการตั้งเป้าหมายเดียว
 เมื่อคุณมีเป้าหมายในใจ ให้ระบุผลลัพธ์เฉพาะที่คุณต้องการบรรลุด้วยเส้นตายที่เป็น
รูปธรรม เช่น ฉันต้องการลด 10 ปอนด์ภายในวันที่ 25 มิถุนายน จะดีกว่า ฉันอยาก
กินอาหารเพื่อสุขภาพ
บทเรียนที่ 2: ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ร่วมทีมกับคนที่ทางานในสิ่งเดียวกันกับคุณ หรือ
มีโค้ช ถ้าคุณต้องการประสบความสาเร็จ
 วิธีที่ดีที่สุดในการทาให้ปัญหาง่ายขึ้น คือการแบ่งปันภาระกับผู้อื่นได้รับทราบ สิ่งนี้
สามารถใช้ได้ในทุกด้านของชีวิต โดยเฉพาะในการตั้งเป้าหมาย แต่คุณอาจมีปัญหาใน
การขอความช่วยเหลือ
 อย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือคนส่วนใหญ่เต็มใจให้ความช่วยเหลือมากกว่าที่คุณอาจเชื่อ
การศึกษาหนึ่งถามผู้คนว่า พวกเขาคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่คนแปลกหน้าจะให้ยืม
โทรศัพท์กับคนที่ต้องการ ในขณะที่ผู้เข้าร่วมทานายเพียง 30% จานวนจริงคือ 50%!
 เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติมนุษย์ที่ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น จากตัวเลขข้างต้น มีคน
แปลกหน้าพร้อมที่จะช่วยคุณบ่อยแค่ไหน แล้วเพื่อนและครอบครัวของคุณมีแนวโน้มที่
จะให้ความช่วยเหลือได้มากกว่าสักเท่าใด?
 การศึกษาการออกกาลังกายกับพันธมิตร และกลุ่มที่ไม่มี กลุ่มที่มีคู่หูเป็นเพียงเสมือน
จริงผ่าน Skype มีประสิทธิภาพดีกว่ากลุ่มที่อยู่คนเดียว
 การวิจัยอื่น ๆ บ่งชี้ถึงผลที่คล้ายกัน ผู้ที่ทางานร่วมกันโดยมีเป้าหมายเพื่อประหยัดเงิน มี
อัตราการออมเพิ่มขึ้น 200%!
 ดังนั้นหากคุณต้องการประสบความสาเร็จ หาพันธมิตร
บทเรียนที่ 3: คุณไม่จาเป็นต้องยึดติดกับกิจวัตรที่ไม่ได้ผล ทดลองกับสิ่งที่ใช้ได้ และ
เปลี่ยนแปลงหากจาเป็น
 หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในการบรรลุเป้าหมายคือ บ่อยครั้งที่เราหลุดเข้าไปในรูป
แบบเดิม และกลัวที่จะหยุดสิ่งที่ทาแล้วไม่ได้ผล
 หากคุณเลิกติดตามการวิ่งของคุณ คุณอาจต้องลองปรับเวลาใหม่อีกครั้ง หรือหาวิธีการ
ออกกาลังกายที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง!
 วิธีการบางอย่างจะทางานทั่วไปได้ดี แต่ในกรณี ผู้เข้าร่วมการสะกดคา (spelling bee) ผู้
ที่เน้นที่การฝึก หรือเรียนอย่างช้าๆ และคนเดียว จะทาได้ดีที่สุดในการแข่งขัน
 มีวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายใด คุณจะไม่พบสิ่งที่เหมาะกับคุณ
ถ้าคุณไม่ได้ทดลอง คุณต้องมองมันเหมือนนักวิทยาศาสตร์ ที่ไม่กลัวล้มเหลวและไม่ถือ
เป็นการส่วนตัว
 กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่เป็นไรที่จะละทิ้งวิธีการที่ไม่ได้ผลสาหรับคุณ
 อย่างไรก็ตาม คุณต้องก้าวกระโดดและเริ่มต้น ถ้าคุณต้องการที่จะรู้ว่า กิจวัตรประจา
วันที่ดีที่สุดของคุณคืออะไร
 ผู้ประพันธ์เรียนรู้สิ่งนี้ เมื่อทาการทดสอบเว็บไซต์แปดเวอร์ชันที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้คน
สมัครการบริจาคอวัยวะ หลังจากได้รับผลลัพธ์ พวกเขาค้นพบว่าอะไรจึงจะได้ผลจริง
-Owain Service

More Related Content

Similar to Think small คิดเล็ก

Project planning - Workshop
Project planning - WorkshopProject planning - Workshop
Project planning - Workshopinanza
 
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdfSlight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdfmaruay songtanin
 
The 7 habits of highly effective people all
The 7 habits of highly effective people allThe 7 habits of highly effective people all
The 7 habits of highly effective people allKruKaiNui
 
Prและสังคม2
Prและสังคม2Prและสังคม2
Prและสังคม2Vivace Narasuwan
 
Chapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การ
Chapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การChapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การ
Chapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การwanna2728
 
ภารกิจในระดับครูมือใหม่
ภารกิจในระดับครูมือใหม่ภารกิจในระดับครูมือใหม่
ภารกิจในระดับครูมือใหม่Praphatsara Nuy
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8fernfielook
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8nattawad147
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8wanneemayss
 
สนใจ ไม่ได้แปลว่าได้ใจ
สนใจ ไม่ได้แปลว่าได้ใจสนใจ ไม่ได้แปลว่าได้ใจ
สนใจ ไม่ได้แปลว่าได้ใจnudeJEH
 

Similar to Think small คิดเล็ก (20)

Project planning - Workshop
Project planning - WorkshopProject planning - Workshop
Project planning - Workshop
 
สรุปการเรียนรู้ Lego
สรุปการเรียนรู้ Legoสรุปการเรียนรู้ Lego
สรุปการเรียนรู้ Lego
 
Sum scbf
Sum scbfSum scbf
Sum scbf
 
Super motivation 2
Super motivation 2Super motivation 2
Super motivation 2
 
การแนะแนว
การแนะแนวการแนะแนว
การแนะแนว
 
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdfSlight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
Slight Edge เก็บเล็กผสมน้อย.pdf
 
The 7 habits of highly effective people all
The 7 habits of highly effective people allThe 7 habits of highly effective people all
The 7 habits of highly effective people all
 
รายงาน Life transfomation
รายงาน Life transfomationรายงาน Life transfomation
รายงาน Life transfomation
 
รายงาน Life transfomation
รายงาน Life transfomationรายงาน Life transfomation
รายงาน Life transfomation
 
Prและสังคม2
Prและสังคม2Prและสังคม2
Prและสังคม2
 
Chapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การ
Chapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การChapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การ
Chapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การ
 
ภารกิจในระดับครูมือใหม่
ภารกิจในระดับครูมือใหม่ภารกิจในระดับครูมือใหม่
ภารกิจในระดับครูมือใหม่
 
Strengths Quest Thai version
Strengths Quest Thai versionStrengths Quest Thai version
Strengths Quest Thai version
 
บทที่ 8
บทที่ 8บทที่ 8
บทที่ 8
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8
 
สนใจ ไม่ได้แปลว่าได้ใจ
สนใจ ไม่ได้แปลว่าได้ใจสนใจ ไม่ได้แปลว่าได้ใจ
สนใจ ไม่ได้แปลว่าได้ใจ
 

More from maruay songtanin

7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdfmaruay songtanin
 
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...maruay songtanin
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docxmaruay songtanin
 
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfOperational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfmaruay songtanin
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
7 proven leadership principles หลักการผู้นำ 7 ประการ.pdf
 
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
 
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfOperational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 

Think small คิดเล็ก

  • 2. By Owain Service and Rory Gallagher Publisher Michael O'Mara Books Ltd Publication City/Country London, United Kingdom Publication date 01 Oct 2018 Think Small gives the science-backed secrets to following through with your goals, identifying seven key components that will help you use your own human nature to your advantage for wild success like you’ve never had before.
  • 3. เกี่ยวกับผู้ประพันธ์  Owain Service เป็นกรรมการผู้จัดการของ Behavioral Insights Team ก่อนหน้านี้ เขาเคย ดารงตาแหน่งรองผู้อานวยการหน่วยยุทธศาสตร์นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ซึ่งเขาเป็น ผู้นาโครงการด้านการปฏิรูปการบริการสาธารณะ การศึกษา และพลังงาน  Rory Gallagher เป็นกรรมการผู้จัดการของ Behavioral Insights Team ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิ ก มีสานักงานใหญ่ในซิดนีย์ ก่อนหน้านี้ เขาเคยทางานในหน่วยยุทธศาสตร์ นายกรัฐมนตรี และกรมสามัญศึกษาของอังกฤษ
  • 4. โดยย่อ  Owain Service และ Rory Gallagher ทางานใน หน่วยผลักดัน (Nudge Unit) ที่รู้ถึง ผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ของการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ (ตามความเข้าใจทาง วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์) ไม่ว่าคุณจะพยายามประหยัดเงิน เป็น ผู้จัดการที่ดีขึ้น หรือให้คนลงคะแนนเสียงมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป  Think Small ใช้แนวทางที่ประสบความสาเร็จเหล่านี้ แล้วแปลงเป็นกรอบที่เรียบง่าย ที่มี ศักยภาพในการสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ให้กับชีวิตของเรา
  • 5. เกริ่นนา  หนังสือเล่มนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้คุณทาอย่างเป็นระบบ ผ่านเทคนิคการใช้ หลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อช่วยตัวคุณเองและคนรอบข้าง  ความสาคัญคือ การเข้าถึงสิ่งใหญ่เราต้องคิดเล็ก ดังนั้น ไม่เกี่ยวกับความทะเยอทะยาน ของคุณ มันเกี่ยวกับการใช้ความคิดที่มุ่งเน้นไปที่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ และง่าย ๆ ที่ถูกต้อง ซึ่งจะทาให้คุณก้าวไปสู่การบรรลุเป้าหมาย
  • 6. ฝันที่ยิ่งใหญ่  บ่อยครั้ง เราถูกบอกให้ฝันถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ว่า ท้องฟ้าคือขีดจากัด และ ไม่มีอะไรที่เป็นไป ไม่ได้  มันเป็นคาแนะนาที่ดีในการกาหนดเป้าหมายของตัวเอง ที่จะทาให้คุณและคนรอบข้าง คุณมีสุขภาพดีและมีความสุขมากขึ้น แต่วิธีการที่จะบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นมักจะไม่ ค่อยชัดเจน  จากการต้องการให้ร่างกายแข็งแรง หรือต้องการเป็นผู้จัดการหรือผู้ปกครองที่ดีขึ้น เพียง แค่คิดยังไม่เพียงพอ และแผนที่ยิ่งใหญ่อาจล้มเหลวได้อย่างรวดเร็ว
  • 7. ทาไมแผนการที่ดีที่สุดของเราจึงมักผิดพลาด?  พวกเราส่วนใหญ่ตั้งเป้าหมายด้วยความตั้งใจดีมาก แล้วเหตุใดแผนการที่ดีที่สุดของเรา จึงมักผิดพลาด?  เมื่อเรามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก และเติมเต็มความทะเยอทะยานของเรา จะมี วิธีหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางที่อยู่ระหว่างเป้าหมายและเราหรือไม่?  โชคดีที่คาตอบคือ มี และง่ายกว่าที่คุณคิด
  • 8. สิ่งกีดขวางเส้นทางสู่ความสาเร็จ  พวกเราหลายคนมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ เราใฝ่ ฝันที่จะเริ่มต้นธุรกิจหรือเรียนรู้ ภาษาใหม่ ลดน้าหนักหรือวิ่งมาราธอน แต่เมื่อแปลงความฝันมาสู่ความเป็นจริง ทาไมจึง เป็นไปได้ยาก  ไม่ว่าเราจะขับเคลื่อนอย่างไร จะมีสิ่งกีดขวางบนเส้นทางสู่ความสาเร็จเสมอ มันอาจเป็น เรื่องยากที่แรงจูงใจจะทาลายนิสัยที่ไม่ดีได้ การมีความมุ่งมั่นเพียงอย่างเดียวไม่สามารถ ทาให้สาเร็จได้
  • 9. วิธีที่เราคิดและกระทา  พฤติกรรมศาสตร์แสดงให้เราเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวิธีที่เรากระทา สามารถนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเราได้  คุณเคยต้องการเปลี่ยนแปลงในปีใหม่ เช่นเลิกสูบบุหรี่หรือวิ่งออกกาลังกายก่อนเริ่ม ทางานทุกเช้า แต่พบว่าในเดือนกุมภาพันธ์ คุณได้ลืมทุกอย่างหรือเปล่า? เป็น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยมาก ทาไมถึงมีความยากลาบากต่อแผนการใหญ่ของเรา?  เรามักจะคิดว่า เราจะทาตามเป้าหมายของเราด้วยการมุ่งเน้นและคิด แต่ความจริงก็คือ ความคิดของเราไม่ได้อยู่ในสภาพที่รอบคอบและมุ่งเน้นเสมอไป มีการรบกวนและการ ล่อลวงที่บ่อยครั้ง และเรายอมแพ้ให้กับพวกมัน
  • 10. ทฤษฎีผลักดัน  เราสามารถใช้ประโยชน์จาก ทฤษฎีผลักดัน (nudge theory) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การ เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเมื่อได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ สามารถนาไปสู่ผลลัพธ์ที่ ยิ่งใหญ่ เช่น คุณอาจตั้งนาฬิกาล่วงหน้าสองนาทีเพื่อช่วยให้คุณตรงต่อเวลา หรือบางที คุณอาจเข้าร่วมกลุ่มวิ่ง โดยใช้แรงจากการเข้าสังคม เพื่อสร้างแรงจูงใจในการออกกาลัง กาย นั่นเป็นทฤษฎีผลักดันที่ใช้ในทางปฏิบัติ  ทฤษฎีผลักดันมักใช้ประโยชน์จาก บรรทัดฐานทางสังคม (social norms) ซึ่งเป็นรูปแบบ พฤติกรรมของเพื่อนฝูง ที่ทาให้เราต้องเลียนแบบ
  • 11. หัวใจสาคัญของหนังสือเล่มนี้ คือ กรอบที่มีเจ็ดขั้นตอนง่าย ๆ คือ 1. ตั้งค่า (Set) เลือกเป้าหมายที่เหมาะสม ที่เฉพาะเจาะจง และแบ่งเป้าหมายระยะยาวของคุณ ออกเป็นขั้นตอนที่จัดการได้ 2. วางแผน (Plan): สร้างกฎง่าย ๆ และแผนดาเนินการ ที่เชื่อมโยงกับกิจวัตรประจาวันของคุณ 3. มุ่งมั่น (Commit) ทาให้ความมุ่งมั่นประกาศสู่สาธารณะ และแต่งตั้งผู้ตัดสินความมุ่งมั่น 4. รางวัล (Reward) ใช้สิ่งที่มีความหมายในการเดิมพัน และใช้รางวัลเล็ก ๆ เพื่อกระตุ้น แรงจูงใจ แต่ให้ระวังผลเสียที่กระทบย้อนกลับ 5. แบ่งปัน (Share) แสวงหาความช่วยเหลือจากผู้อื่น มีเครือข่ายสังคมของคุณ หรือตั้งกลุ่มที่มี เป้าหมายร่วมกัน 6. สะท้อนกลับ (Feedback) เพื่อรู้ว่าเป้าหมายของคุณเป็นอย่างไร และค้นหาความคิดเห็นที่ สามารถดาเนินการได้ 7. ติดตาม (Stick) ฝึกฝนโดยการเน้น ทดสอบวิธีการที่แตกต่าง และฉลองความสาเร็จ
  • 12. 1. ตั้งค่า (Set) ขั้นตอนแรกคือ การติดตามเพียงเป้าหมายเดียว ที่จะช่วยให้คุณมีความ เป็นอยู่ที่ดี เพื่อกาหนดเป้าหมายและกาหนดเวลาที่ชัดเจน  เราทุกคนมักคิดว่าเรารู้ว่าอะไรจะทาให้เรามีความสุข เราตั้งเป้าหมายและคิดว่าเราจะมี ความสุขมากขึ้นเมื่อเราบรรลุเป้าหมาย บางทีเป้าหมายของคุณคือซื้ อบ้าน หรือดึงดูด ผู้ชมกว่าล้านคนบน YouTube แต่มีโอกาสที่เป็นเป้าหมายผิด มันอาจไม่สมจริงหรือไม่ทา ให้เรามีความสุข  นั่นเป็นสาเหตุที่การตั้งเป้าหมายที่ถูกต้อง เป็นขั้นตอนแรกในการผลักดันพฤติกรรมของ คุณในทิศทางที่ถูก
  • 13.  สิ่งที่คุณไม่ควรทาคือ การเพิ่มความสุขให้กับการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่เป็นวัตถุ การศึกษา แสดงว่า ประสบการณ์ในวันหยุดมีแนวโน้มของความสุขที่มากกว่า  จากการวิจัยเรื่องความสุขพบว่า ปัจจัยสาคัญห้าประการที่ปรับปรุงความเป็ นอยู่ที่ดีอย่าง ต่อเนื่องคือ 1) ความสัมพันธ์ทางสังคม 2) สุขภาพและกิจกรรม 3) ความเอื้ออาทร 4) การเรียนรู้สิ่งใหม่ และ 5) การสร้างความอยากรู้อยากเห็น คุณจะสังเกตเห็นว่าการ ครอบครองวัตถุไม่อยู่ในรายการนั้น
  • 14.  จึงเป็นเรื่องสาคัญที่จะต้องทาตามเป้าหมายที่ถูกต้อง แต่โปรดจาไว้ว่า เป้าหมายนั้น จะต้องสามารถประสบความสาเร็จได้  วิธีที่ดีในการเพิ่มความสาเร็จคือการตั้งเป้าหมายเดียว เพื่อมุ่งเน้นเพียงอย่างเดียว  เมื่อคุณเลือกเป้าหมายเดียวเพื่อให้บรรลุ และคุณควรเปลี่ยนเป้าหมายนั้นให้กลายเป็น เป้าหมายที่ชัดเจน ด้วยการกาหนดเส้นตาย  สมมติว่าคุณต้องการลดน้าหนัก การศึกษาแสดงให้เห็นว่า การกาหนดเป้าหมายที่ชัดเจน และสามารถวัดได้ เช่น "ลดน้าหนัก 5 ปอนด์ก่อนเทศกาลอีสเตอร์" จะขับเคลื่อน ผลลัพธ์ได้ดีกว่าเป้าหมายทั่วไปเช่น "ลดน้าหนักให้ได้ในปีนี้ "
  • 15. 2. วางแผน (Plan) ขั้นตอนที่สอง กาหนดกฎง่ายๆ และสร้างนิสัยเพื่อทาตามแผน  ลองนึกภาพคุณกาลังควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด คุณค้น Google ว่า อะโวคาโดมีดัชนี ระดับน้าตาลเท่าใด สังเกตแคลอรี่ในสลัดไก่ของคุณ (ที่ไม่มีน้าสลัด) และคานวณการ บริโภคประจาวัน คุณทาผิดพลาดไปแล้ว เพราะมันซับซ้อนเกินไป  มนุษย์รักความเรียบง่าย ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทาไมหลายคนที่มีการควบคุมอาหารที่ซับซ้อน กล่าวว่า "ช่างมัน!" และกลับไปทานไอศกรีม ในความเป็นจริง นักวิจัยพบว่า "ความ ซับซ้อนของกฎ (rule complexity)" เป็นสิ่งสาคัญที่ทาให้ผู้คนเลิกควบคุมอาหาร
  • 16.  ไม่สาคัญว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นอย่างไร หากต้องการความยั่งยืน คุณควรกาหนดกฎ ให้ง่ายที่สุดเท่าที่จะทาได้  นอกเหนือจากการทาให้กฎเป็นเรื่องง่ายแล้ว คุณควรสร้างนิสัยขับเคลื่อนพฤติกรรมด้วย  ตัวอย่างเช่น ในการศึกษาหนึ่งที่โรงภาพยนตร์ ซึ่งแจกข้าวโพดคั่วเก่าไม่ที่น่าทาน ผู้ที่ไม่ มีแนวโน้มที่จะซื้ อข้าวโพดคั่วจะไม่กินมาก แต่ผู้ที่มีนิสัยชอบกินข้าวโพดคั่วเวลาดู ภาพยนตร์มักจะกินเท่าเดิม แม้ว่าจะมีรสชาติจะไม่เป็นที่พอใจ ทาไม? เพราะการอยู่ใน โรงภาพยนตร์ทาให้เกิดการกระตุ้นพฤติกรรมที่ฝังแน่นว่า ต้องกินอาหารว่าง
  • 17.  ในการสร้างนิสัยเพื่อปรับปรุงชีวิตของคุณ เริ่มต้นด้วยการระบุสิ่งที่ก่อให้เกิดนิสัยที่ไม่ดี ของคุณเอง เมื่อคุณระบุสิ่งกระตุ้นเหล่านี้ ได้แล้ว ให้ลองตัดออกจากชีวิตของคุณ ดังนั้น หากคุณต้องการเลิกสูบบุหรี่ และสูบบุหรี่เมื่อคุณดื่มสุรา คุณต้องงดการดื่ม  จากนั้นสร้างนิสัยใหม่ที่เป็นบวก โดยทาซ้าพฤติกรรมในสถานการณ์เฉพาะ สมมติว่าคุณ กาลังพยายามเขียนหนังสือทุกเช้า ทันทีหลังจากตื่นนอน คุณจะเขียนวันละ 45 นาที มัน อาจจะยากในตอนแรก แต่ถ้าคุณทาทุกเช้า สัญญาณเตือนของคุณจะเริ่มทาให้เกิดนิสัย และการเขียนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการตื่นขึ้นมา
  • 18. 3. มุ่งมั่น (Commit) ขั้นตอนที่สามคือ การทาให้เป้าหมายของคุณเป็นสาธารณะ และ แต่งตั้งผู้ตัดสินเพื่อตัดสินความก้าวหน้าของคุณ  คุณเคยทาข้อตกลงในอนาคตหรือไม่ เช่นฝึกเพื่อวิ่งมาราธอน แต่เมื่อถึงเวลาจริง คุณจะ ดูทีวีมากกว่าไปวิ่งกลางสายฝน? นี่คือเคล็ดลับที่ดีในการรักษาความมุ่งมั่น เรามี แนวโน้มที่จะปฏิบัติตาม ในสิ่งที่เราประกาศเป็นสาธารณะว่าเรามุ่งมั่นที่จะทา  มนุษย์ตระหนักถึงความคาดหวังของผู้อื่นเป็นอย่างมาก (ถ้าการมุ่งมั่นวิ่งมาราธอนเป็น การส่วนตัวและไม่มีใครตัดสินคุณ ในวันเสาร์คุณคงใช้เวลาอยู่บนโซฟา) ให้ใช้ความ มุ่งมั่นต่อสาธารณะและความคาดหวังทางสังคมเข้ามามีบทบาท
  • 19.  นี่คือความจริงที่ว่า คู่รักที่แต่งงานกันเป็นความลับ มีแนวโน้มที่จะหย่าร้างกันมากกว่า 12 เท่า เทียบกับการแต่งงานซึ่งมีแขกหลายร้อยคนเข้าร่วมงาน การวิจัยพบว่า การ กระทาต่อหน้าเพื่อนและครอบครัว เสริมสร้างแรงบันดาลใจของคุณ  หากคุณต้องการก้าวต่อไปอีกขั้น ให้แต่งตั้ง ผู้ตัดสินความมุ่งมั่น (commitment referee ) เพื่อให้คุณมีใจจดจ่อ  ผู้ตัดสินความมุ่งมั่น คือคนที่ติดตามความคืบหน้าของคุณไปสู่เป้าหมายที่กาหนด และ ตัดสินว่าคุณทาสาเร็จหรือไม่ การวิจัยพบว่า ผู้ที่มีผู้ตัดสิน 70% มีแนวโน้มที่จะบรรลุ เป้าหมายมากกว่าผู้ที่ไม่มี
  • 20.  หนึ่งในนักประพันธ์ Rory Gallagher ต้องการไปที่โรงยิมมากกว่านี้ เขาประกาศความ มุ่งมั่นที่จะทาเช่นนั้นต่อหน้าเพื่อนร่วมงานของเขา และแต่งตั้ง Owain Service เป็นผู้ ตัดสิน ความกลัวการล้มเหลวที่ได้ประกาศกับเพื่อนร่วมงาน ส่งผลให้การไปโรงยิมเป็น ส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจาวันของเขา  คุณควรระวังเมื่อเลือกผู้ตัดสิน ตัวอย่างเช่น อย่าแต่งตั้งคนรักของคุณ ซึ่งเธออาจผ่อน ปรนกฎดังกล่าวได้ แต่งตั้งเพื่อนร่วมงานที่เชื่อถือได้ หรือเพื่อนคนใดคนหนึ่งจะเป็น ตัวเลือกที่ดีกว่า
  • 21. 4. รางวัล (Reward) ในขั้นตอนที่สี่ ใช้สิ่งจูงใจที่เหมาะสมเพื่อช่วยผลักดันคุณไปสู่เป้าหมาย  พวกเราส่วนใหญ่สร้างแรงจูงใจเพื่อพฤติกรรมบางอย่างโดยสัญญาว่าจะให้รางวัล ตัวอย่างเช่น ผู้ปกครองอนุญาตให้บุตรหลานของตนใช้เวลาในการดูทีวีตามกาหนด เป็น รางวัลสาหรับการบ้านที่ทาเสร็จสิ้นแล้ว แต่คุณจะบอกได้อย่างไรว่าแรงจูงใจของคุณจะ ใช้งานได้จริง?  ในกรณีให้รางวัลบางอย่างโดยเฉพาะรางวัลทางการเงิน อาจส่งผลไม่ดีก็ได้ ในความเป็น จริง หากคุณมีแรงบันดาลใจในการทาบางสิ่งบางอย่าง รางวัลเป็นการเงินอาจทาให้การ ปรับปรุงของคุณแย่ลง
  • 22.  ดังนั้นการกาหนดสิ่งจูงใจที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสาคัญ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไร?  การศึกษาด้านพฤติกรรมศาสตร์แสดงให้เห็นว่า เป็นการดีที่สุดที่จะลงทุนในสิ่งที่มีคุณค่า เรื่องนี้ เห็นได้จากโปรแกรมต่อต้านการสูบบุหรี่ เพื่อเข้าร่วมในโปรแกรม ผู้ต้องการเลิก บุหรี่จะต้องฝากเงินในบัญชีธนาคาร โดยรู้ว่าพวกเขาจะสูญเสียมันบางส่วนหรืออาจ ทั้งหมด หากพวกเขายังคงสูบบุหรี่ และมันก็ได้ผล ผู้เข้าร่วมโครงการไม่เพียงแต่มี แนวโน้มที่จะเลิกบุหรี่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จากการติดตามหนึ่งปีหลังจากพวกเขา ได้รับเงินคืน พบว่าพวกเขายังมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
  • 23.  การศึกษานี้ เน้นหลักการสาคัญสี่ประการ สาหรับระบบแรงจูงใจที่มีประสิทธิภาพ  ก่อนอื่น รางวัลจะต้องเชื่อมโยงอย่างชัดเจน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ประการที่สอง มัน จะต้องเป็นกอบเป็นกา ประการที่สาม รางวัลจะต้องมีผลผูกพันเพื่อให้คุณรู้ว่าคุณจะ ได้รับ สุดท้ายและอันนี้ ขัดกับความรู้สึกและสาคัญอย่างยิ่ง คนจะรู้สึกมากเมื่อสูญเสีย บางสิ่งบางอย่างมากกว่าที่จะได้รับบางสิ่งบางอย่าง ตัวอย่างเช่นการสูญเสีย $ 200 รู้สึก แย่กว่าการได้รับ $ 200 กล่าวโดยย่อ ความกลัวต่อการสูญเสียเป็นแรงจูงใจที่ดีกว่า ความหวังที่จะได้รับ ดังที่อดีตผู้เคยสูบบุหรี่ค้นพบ  โดยทั่วไป หากคุณต้องการสร้างแรงจูงใจให้ตัวเอง กุญแจสาคัญคือให้ใช้การบังคับให้มี การชดใช้เป็นแรงจูงใจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
  • 24. 5. แบ่งปัน (Share) มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้นในขั้นตอนที่ห้า ขอความช่วยเหลือและ ความร่วมมือจากผู้อื่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เร็วขึ้น  เรามักจะทาให้เป้าหมายของเราเป็นเรื่องส่วนตัว แต่สุภาษิตกล่าวว่า ปัญหาที่บอกเล่า ออกไป ทาให้ปัญหาลดลงครึ่งหนึ่ง และสิ่งเดียวกันก็มีผลต่อการบรรลุเป้าหมายของคุณ  การขอความช่วยเหลือเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย แต่ทรงพลัง ผู้คนมักเต็มใจช่วยเหลือ มากกว่าที่เราคิด แม้ว่าจะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่สาหรับพวกเขาก็ตาม
  • 25.  มนุษย์มีความปรารถนาตามธรรมชาติที่จะช่วยเหลือ แม้จะเป็นคนแปลกหน้า แล้วคิดดู ว่า ครอบครัวและเพื่อนของคุณ เต็มใจที่จะให้การสนับสนุนได้มากสักเพียงใด!  การทางานกับคนอื่นแทนที่จะเป็นคนเดียว เป็นเครื่องมือสร้างแรงบันดาลใจที่ทรงพลัง มันไม่เพียงช่วยให้เรายึดมั่นในเป้าหมายเท่านั้น มันยังผลักดันให้เราก้าวต่อไป  นักวิจัยสารวจผลกระทบนี้ โดยการทดสอบผู้ไปโรงยิม กลุ่มควบคุมทางานโดยลาพัง ในขณะที่กลุ่มทดสอบมีความสุขกับเพื่อนเสมือนจริงผ่าน Skype (แต่ในความเป็นจริง เพื่อนดิจิตอลเป็นวิดีโอแบบวนซ้า) ผู้ที่ออกกาลังกายกับเพื่อนที่ไม่รู้จัก ออกกาลังกาย นานขึ้น และมีแรงบันดาลใจจากเพื่อนดิจิตอลของพวกเขา
  • 26.  การศึกษาที่คล้ายกันคือเรื่องของการประหยัดเงิน เมื่อผู้เก็บออมร่วมมือกับผู้เก็บออม รายอื่น ๆ เพื่อแบ่งปันเป้าหมายและติดตามความคืบหน้าของกันและกัน จะสามารถเก็บ ออมได้มากเป็นสองเท่า  มนุษย์มีพื้นฐานเป็นสัตว์สังคม เราต้องการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเรามีแรงจูงใจที่ จะก้าวไปพร้อมกับผู้อื่น ให้ยอมรับสิ่งนี้ แล้วหาเครือข่ายสังคมของคุณ และดูว่าจะ สามารถพาคุณไปถึงที่ไหน
  • 27. 6. สะท้อนกลับ (Feedback) ในขั้นตอนที่หก รับคาติชมที่เกี่ยวกับความคืบหน้าของคุณ และเปรียบเทียบกับผู้ที่อยู่รอบตัวคุณ  หากคุณเคยทางานเพื่อบรรลุเป้าหมายใหญ่ คุณอาจรู้สึกว่าแพ้บ้างในบางครั้ง คุณควรจะ ปรับปรุงการทางานของคุณหรือไม่? คุณเขียนใบสมัครงานเพียงพอหรือไม่ (กรณีหางาน ใหม่)?  วิธีที่ดีที่สุด ในการติดตามความคืบหน้าของคุณคือ การสะท้อนกลับที่ชัดเจน ข้อเสนอแนะไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีแรงจูงใจ มันช่วยให้คุณรู้ว่า ขณะนี้ คุณอยู่ตรงไหน กับเป้าหมายของคุณ
  • 28.  การรับฟังความคิดเห็นเป็นเรื่องสาคัญไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายใด ดังนั้น หากคุณกาลังฝึก วิ่งมาราธอนคุณสามารถดาวน์โหลดแอปเพื่อติดตามการฝึกซ้อมทุกครั้ง เมื่อคุณรู้ว่าเวลา ของคุณช้ากว่ากาหนด คุณสามารถดาเนินการแก้ไขได้ วิธีการนี้ อาจใช้ได้กับเป้าหมาย อื่น เช่นการหางานใหม่ ซึ่งคงไม่ไร้ประโยชน์ ถ้าคุณได้รับการสัมภาษณ์น้อยกว่าที่คาดไว้ ให้คุณพิจารณาที่จานวนหรือคุณภาพของใบสมัคร  คุณสามารถทาให้ข้อเสนอแนะนี้ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการเปรียบเทียบกับผู้อื่น
  • 29.  เราได้เห็นแล้วว่า มนุษย์มีความปรารถนาตามธรรมชาติที่จะสอดคล้องกับความคาดหวัง ของสังคมและแข่งขันกับผู้อื่น ผู้ประพันธ์ใช้ความรู้นี้ เพื่อสร้างการทดสอบด้วยตนเอง ใน ความพยายามต่อสู้กับการจ่ายยาปฏิชีวนะเกินความจาเป็น พวกเขาเขียนจดหมายถึง แพทย์ที่อยู่ใน 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้จ่ายยาปฏิชีวนะเหล่านั้น จดหมายแต่ละฉบับกล่าว โดยย่อว่า การปฏิบัติบุคคลอื่น ๆ ส่วนใหญ่ จ่ายยาปฏิชีวนะน้อยกว่านี้  เช่นเดียวกับพวกเราที่เหลือ แพทย์ต้องการที่จะปฏิบัติให้สอดคล้องกับบรรทัดฐานทาง สังคม ข้อเสนอแนะนี้ นาไปสู่การลดลงของการให้ยาปฏิชีวนะกว่า 70,000 ราย  ดังนั้น ข้อเสนอแนะนี้ ช่วยผลักดันเราไปในทิศทางที่ถูกต้อง
  • 30. 7. ติดตาม (Stick) ในขั้นตอนที่เจ็ด คงอยู่ในหลักการโดยการเน้นและทดลองกับสิ่งที่ใช้ ได้ผล  เมื่อเราพยายามทาบางสิ่งบางอย่าง เรามักจะตกอยู่ในกิจวัตรเดิม เช่นตั้งใจแต่ล้มเหลว เป็นประจาเพื่อที่จะไปโรงยิมหลังเลิกงาน เราทุกคนอาจให้ความสาคัญแตกต่างกัน เกี่ยวกับวิธีการที่ใช้งานได้จริง  การศึกษาแสดงให้เห็นว่า คนที่ประสบความสาเร็จมักจะผูกพันกับการปฏิบัติที่มุ่งเน้น
  • 31.  อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไป คุณจะไม่ทราบว่าจะใช้วิธีการใดได้ผล จนกว่าคุณจะทดสอบ  ตัวอย่างเช่น ผู้ประพันธ์ได้ใช้การทดสอบหน้าเว็บต่าง ๆ ถึงแปดหน้า ซึ่งทั้งหมดเป็นการ กระตุ้นให้คนลงทะเบียนบริจาคอวัยวะ วิธีหนึ่งเป็นรูปภาพของกลุ่มคนยิ้ม และมี ข้อความที่ระบุว่า ทุกวัน มีคนหลายพันคนที่เห็นหน้าเว็บนี้ และตัดสินใจลงทะเบียน พวก เขาคิดว่ามันจะประสบความสาเร็จ แต่ความเป็นจริงกลับเป็นการลดการลงทะเบียน  เว็บเพจที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเขียนง่าย ๆ ว่า ถ้าคุณต้องการได้รับการปลูกถ่าย อวัยวะ คุณมีพร้อมแล้วหรือยัง ถ้าเช่นนั้น โปรดช่วยเหลือคนอื่น ๆ ด้วย  จากตัวอย่างแสดงให้เห็นว่า เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าอะไรจะทางานได้ดีที่สุด จนกว่าเราจะทดสอบ
  • 32.  ดังนั้น หากคุณพยายามออกกาลังกายให้มากขึ้น ลองวิ่งออกกาลังกายก่อนทางานเป็น เวลาหนึ่งเดือน และหลังเลิกงานในเดือนถัดไป ดูว่าอะไรที่เหมาะกับคุณ หรือถ้าคุณ พยายามประหยัดเงิน ให้เก็บเงินไว้เป็นเวลาสองสามเดือน เทียบกับลองประหยัดโดย หลีกเลี่ยงค่าใช้จ่าย (เช่น ไม่ซื้ อกาแฟทุกเช้า) การเปิดกว้างและยืดหยุ่น จะช่วยให้คุณ ค้นหาแนวทางที่ดีที่สุด  การเข้าใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของวิธีที่เราคิดและกระทา สามารถช่วยให้เรา บรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ตั้งแต่การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ไปจนถึงการรับความคิดเห็นเกี่ยวกับ ความคืบหน้าของคุณ โปรดจาไว้ว่า การปรับแต่งเล็กน้อยของพฤติกรรมและความคิด ของคุณ สามารถนาคุณไปได้ไกล ถ้าคุณคิดเล็ก คุณก็อาจจะประสบความสาเร็จใหญ่
  • 33. สรุป  หากคุณเล็งสิ่งใหญ่ คุณจะประสบความสาเร็จได้ง่ายขึ้น หากทาสิ่งเล็กได้ถูกต้อง วิทยาศาสตร์ด้านพฤติกรรม สอนเราหลายสิ่งเกี่ยวกับวิธีที่มนุษย์คิดและกระทา จาก ความปรารถนาที่จะตอบสนองความคาดหวังของผู้อื่น ไปจนถึงวิธีพัฒนานิสัยของเรา  การทาความเข้าใจและการยอมรับในเรื่องนี้ จะช่วยให้คุณทาตามขั้นตอนเล็ก ๆ ที่สร้าง ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ เช่นการตั้งกฎที่ชัดเจนที่ง่ายต่อการปฏิบัติ ทาให้คามั่นสัญญา ของคุณเป็นที่เปิดเผย และสร้างแรงจูงใจที่ใช้งานได้จริง
  • 34. 3 บทเรียนสาคัญจากหนังสือเล่มนี้ 1. กาหนดเป้าหมายที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ทาให้มันง่าย ระบุเป้าหมายและ กาหนดเวลาเส้นตาย (Only set one goal of the right kind, make it simple, and identify your targets and deadlines.) 2. ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ร่วมทีมกับคนที่ทางานในสิ่งเดียวกันกับคุณ หรือมีโค้ช ถ้า คุณต้องการประสบความสาเร็จ (Ask others for help, team up with someone working on the same thing as you, or get a coach if you want to succeed.) 3. คุณไม่จาเป็นต้องยึดติดกับกิจวัตรที่ไม่ได้ผล ทดลองกับสิ่งที่ใช้ได้ และเปลี่ยนแปลงหาก จาเป็น (You don’t have to stick with a routine that isn’t working, experiment with what works, and change it if necessary.)
  • 35. บทเรียนที่ 1. กาหนดเป้าหมายที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ทาให้มันง่าย ระบุเป้าหมาย และกาหนดเวลาเส้นตาย  คุณเคยตั้งเป้าหมายไว้ในอดีต และทาผิดพลาดจากการคิดว่า คุณจะมีความสุขเมื่อทา สาเร็จ เพราะมันเป็นเป้าหมายที่ผิดตั้งแต่แรก และมันไม่ได้ทาให้คุณมีความสุขมากขึ้น  และนี่คือปัจจัยห้าอันดับแรก ที่สร้างความแตกต่างมากที่สุด ในความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของ เรา และคุณควรมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายเหล่านี้ หากคุณต้องการมีความสุข 1.) ความอยาก รู้ 2.) การเรียนรู้ 3.) ความเอื้ออาทร 4.) กิจกรรม 5.) ความสัมพันธ์
  • 36.  จากการวิเคราะห์คนที่ได้รับโบนัสเป็นตัวอย่างที่ดีของการกระทานี้ ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า เมื่อใดก็ตามที่คนเหล่านี้ ใช้เงินเป็นของขวัญหรือบริจาคเพื่อการกุศล พวกเขามีความสุข มากกว่ากลุ่มที่ใช้เงินเพื่อตนเอง  อย่างไรก็ตาม มันไม่เพียงพอที่จะตั้งเป้าหมายที่ถูกต้อง คุณต้องทาให้แน่ใจว่าคุณ สามารถทามันได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการตั้งเป้าหมายเดียว  เมื่อคุณมีเป้าหมายในใจ ให้ระบุผลลัพธ์เฉพาะที่คุณต้องการบรรลุด้วยเส้นตายที่เป็น รูปธรรม เช่น ฉันต้องการลด 10 ปอนด์ภายในวันที่ 25 มิถุนายน จะดีกว่า ฉันอยาก กินอาหารเพื่อสุขภาพ
  • 37. บทเรียนที่ 2: ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ร่วมทีมกับคนที่ทางานในสิ่งเดียวกันกับคุณ หรือ มีโค้ช ถ้าคุณต้องการประสบความสาเร็จ  วิธีที่ดีที่สุดในการทาให้ปัญหาง่ายขึ้น คือการแบ่งปันภาระกับผู้อื่นได้รับทราบ สิ่งนี้ สามารถใช้ได้ในทุกด้านของชีวิต โดยเฉพาะในการตั้งเป้าหมาย แต่คุณอาจมีปัญหาใน การขอความช่วยเหลือ  อย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือคนส่วนใหญ่เต็มใจให้ความช่วยเหลือมากกว่าที่คุณอาจเชื่อ การศึกษาหนึ่งถามผู้คนว่า พวกเขาคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่คนแปลกหน้าจะให้ยืม โทรศัพท์กับคนที่ต้องการ ในขณะที่ผู้เข้าร่วมทานายเพียง 30% จานวนจริงคือ 50%!
  • 38.  เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติมนุษย์ที่ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น จากตัวเลขข้างต้น มีคน แปลกหน้าพร้อมที่จะช่วยคุณบ่อยแค่ไหน แล้วเพื่อนและครอบครัวของคุณมีแนวโน้มที่ จะให้ความช่วยเหลือได้มากกว่าสักเท่าใด?  การศึกษาการออกกาลังกายกับพันธมิตร และกลุ่มที่ไม่มี กลุ่มที่มีคู่หูเป็นเพียงเสมือน จริงผ่าน Skype มีประสิทธิภาพดีกว่ากลุ่มที่อยู่คนเดียว  การวิจัยอื่น ๆ บ่งชี้ถึงผลที่คล้ายกัน ผู้ที่ทางานร่วมกันโดยมีเป้าหมายเพื่อประหยัดเงิน มี อัตราการออมเพิ่มขึ้น 200%!  ดังนั้นหากคุณต้องการประสบความสาเร็จ หาพันธมิตร
  • 39. บทเรียนที่ 3: คุณไม่จาเป็นต้องยึดติดกับกิจวัตรที่ไม่ได้ผล ทดลองกับสิ่งที่ใช้ได้ และ เปลี่ยนแปลงหากจาเป็น  หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในการบรรลุเป้าหมายคือ บ่อยครั้งที่เราหลุดเข้าไปในรูป แบบเดิม และกลัวที่จะหยุดสิ่งที่ทาแล้วไม่ได้ผล  หากคุณเลิกติดตามการวิ่งของคุณ คุณอาจต้องลองปรับเวลาใหม่อีกครั้ง หรือหาวิธีการ ออกกาลังกายที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง!  วิธีการบางอย่างจะทางานทั่วไปได้ดี แต่ในกรณี ผู้เข้าร่วมการสะกดคา (spelling bee) ผู้ ที่เน้นที่การฝึก หรือเรียนอย่างช้าๆ และคนเดียว จะทาได้ดีที่สุดในการแข่งขัน
  • 40.  มีวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายใด คุณจะไม่พบสิ่งที่เหมาะกับคุณ ถ้าคุณไม่ได้ทดลอง คุณต้องมองมันเหมือนนักวิทยาศาสตร์ ที่ไม่กลัวล้มเหลวและไม่ถือ เป็นการส่วนตัว  กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่เป็นไรที่จะละทิ้งวิธีการที่ไม่ได้ผลสาหรับคุณ  อย่างไรก็ตาม คุณต้องก้าวกระโดดและเริ่มต้น ถ้าคุณต้องการที่จะรู้ว่า กิจวัตรประจา วันที่ดีที่สุดของคุณคืออะไร  ผู้ประพันธ์เรียนรู้สิ่งนี้ เมื่อทาการทดสอบเว็บไซต์แปดเวอร์ชันที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้คน สมัครการบริจาคอวัยวะ หลังจากได้รับผลลัพธ์ พวกเขาค้นพบว่าอะไรจึงจะได้ผลจริง