More Related Content Similar to Social media policy สำหรับนักศึกษาแพทย์ Similar to Social media policy สำหรับนักศึกษาแพทย์ (20) More from Nawanan Theera-Ampornpunt More from Nawanan Theera-Ampornpunt (20) Social media policy สำหรับนักศึกษาแพทย์1. นพ.นวนรรน ธีระอัมพรพันธุ์
ฝ่ายเวชสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์
โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
SlideShare.net/Nawanan
nawanan.the@mahidol.ac.th
14 มีนาคม 2556
Social Media Policy
สําหรับนักศึกษาแพทย์
2. Social Media & Social Networks
Image Source: http://michaelcarusi.com/2012/01/01/when-you-should-not-become-a-social-media-manager/
3. Social Network Case Study #1
Disclaimer (นพ.นวนรรน): นําเสนอเป็น
กรณีศึกษาเพื่อการเรียนรู้เรื่อง Social Media
เท่านั้น ไม่มีเจตนาดูหมิ่น หรือทําให้ผู้ใด
เสียหาย และไม่มีเจตนาสร้างประเด็นทาง
การเมือง
ชื่อ สัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายของบุคคล
หรือองค์กรใด เป็นเพียงการให้ข้อมูลแวดล้อม
เพื่อการทําความเข้าใจกรณีศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่
การใส่ความว่าผู้นั้นกระทําการใด อันจะทําให้
ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเนื้อหา
4. บทเรียนจากกรณีศกษา (Lessons Learned)
ึ
• องค์กรไม่มีทางห้ามพนักงานไม่ให้โพสต์ข้อมูลได้
– ช่องทางการโพสต์มีมากมาย ไม่มีทางห้ามได้ 100%
– นโยบายที่เหมาะสม คือการกําหนดกรอบไว้ให้พนักงานโพสต์ได้ตามความ
เหมาะสม ภายในกรอบที่กําหนด
• พนักงานย่อมสวมหมวกขององค์กรอยู่เสมอ (แม้จะโพสต์เป็นการส่วนตัว
แต่องค์กรก็เสียหายได้)
– คิดก่อนโพสต์, สร้างวัฒนธรรมภายในองค์กร
• การรักษาความลับขององค์กรและข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
• มีนโยบายให้ระบุตัวตนและตําแหน่งให้ชัดเจน
• องค์กรควรยอมรับปัญหาอย่างตรงไปตรงมาและทันท่วงที
http://www.siamintelligence.com/social-media-policy-cathay-pacific-case/
5. Social Network Case Study #2
Source: Drama-addict.com
Disclaimer (นพ.นวนรรน):
นําเสนอเป็นกรณีศึกษาเพื่อการเรียนรู้
เรื่อง Social Media เท่านั้น ไม่มี
เจตนาลบหลู่ ดูหมิ่น หรือทําให้ผู้ใด
เสียหาย โปรดใช้วิจารณญาณในการ
อ่านเนื้อหา
6. Social Media กับความลับของผู้ปวย
่
ข้อความจริง บน
• "อาจารย์ครับ เมื่อวาน ผมออก OPD เจอ คุณ... คนไข้... ที่อาจารย์ผ่าไป
แล้ว มา ฉายรังสีต่อที่... ตอนนี้ Happy ดี ไม่คอยปวด เดินได้สบาย คนไข้
่
ฝากขอบคุณอาจารย์อกครั้ง -- อีกอย่างคนไข้ช่วงนี้ไม่ค่อยสะดวกเลยไม่ได้
ี
ไป กทม. บอกว่าถ้าพร้อมจะไป Follow-up กับอาจารย์ครับ"
7. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสุขภาพ
• พรบ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550
• มาตรา 7 ข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล เป็นความลับส่วนบุคคล
ผู้ใดจะนําไปเปิดเผยในประการที่น่าจะทําให้บุคคลนั้นเสียหาย
ไม่ได้ เว้นแต่การเปิดเผยนั้นเป็นไปตามความประสงค์ของ
บุคคลนั้นโดยตรง หรือมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติให้ต้องเปิดเผย
แต่ไม่วาในกรณีใด ๆ ผู้ใดจะอาศัยอํานาจหรือสิทธิตามกฎหมายว่า
่
ด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการหรือกฎหมายอืนเพื่อขอเอกสาร
่
เกี่ยวกับข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคลที่ไม่ใช่ของตนไม่ได้
8. คําประกาศสิทธิผู้ป่วย
• เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพกับผู้ป่วย ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจอันดีและเป็นที่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน แพทยสภา สภาการ
พยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะ จึงได้รวมกันออกประกาศรับรองสิทธิของผู้ป่วยไว ้ดังต่อไปนี้
่
1. ผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิพื้นฐานที่จะได้รับบริการด้านสุขภาพ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
2. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับบริการจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยไม่มการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากความแตกต่างด้านฐานะ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา สังคม ลัทธิ
ี
การเมือง เพศ อายุ และ ลักษณะของความเจ็บป่วย
3. ผู้ป่วยที่ขอรับบริการด้านสุขภาพมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างเพียงพอ และเข้าใจชัดเจน จากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลือกตัดสินใจ
ในการยินยอมหรือไม่ยินยอมให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพปฏิบติต่อตน เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือรีบด่วนหรือ จําเป็น
ั
4. ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต มีสทธิที่จะได้รบการช่วยเหลือรีบด่วนจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยทันทีตามความจําเป็นแก่กรณี โดยไม่คํานึงว่า
ิ ั
ผู้ปวยจะร้อง ขอความช่วยเหลือหรือไม่
่
5. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบชื่อ สกุล และประเภทของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพที่เป็น ผู้ให้บริการแก่ตน
6. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะขอความเห็นจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น ที่มิได้เป็นผู้ให้บริ การแก่ตน และมีสิทธิในการขอเปลี่ยนผู้ให้บริการ และสถานบริการได้
7. ผู้ปวยมีสิทธิที่จะได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง จากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยเคร่งครัด เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยหรือการปฏิบัติหน้าที่
่
ตามกฎหมาย
8. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วน ในการตัดสินใจเข้าร่วมหรือถอนตัวจากการเป็นผู้ถูกทดลองในการทําวิจัยของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ
9. ผู้ปวยมีสทธิที่จะได้รบทราบข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลเฉพาะของตนที่ปรากฏใน เวชระเบียนเมื่อร้องขอ ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิ
่ ิ ั
ส่วนตัวของบุคคลอื่น
10.บิดา มารดา หรือผู้แทนโดยชอบธรรม อาจใช้สิทธิแทนผู้ป่วยที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกิน สิบแปดปีบริบูรณ์ ผู้บกพร่องทางกายหรือจิต ซึ่งไม่สามารถใช้สิทธิด้วยตนเอง
ได้
9. คําประกาศสิทธิผู้ป่วย
• เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพกับผู้ป่วย ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจอันดีและเป็นที่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน แพทยสภา สภาการ
พยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะ จึงได้รวมกันออกประกาศรับรองสิทธิของผู้ป่วยไว ้ดังต่อไปนี้
่
7. ผู้ป่วยมีสิทธิท่จะได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง
ี
1. ผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิพื้นฐานที่จะได้รับบริการด้านสุขภาพ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
2. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับบริการจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยไม่มการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากความแตกต่างด้านฐานะ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา สังคม ลัทธิ
ี
จากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยเคร่งครัด เว้นแต่
การเมือง เพศ อายุ และ ลักษณะของความเจ็บป่วย
3. ผู้ป่วยที่ขอรับบริการด้านสุขภาพมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างเพียงพอ และเข้าใจชัดเจน จากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลือกตัดสินใจ
ในการยินยอมหรือไม่ยินยอมให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพปฏิบติต่อตน เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือรีบด่วนหรือ จําเป็น
ั
จะได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยหรือการปฏิบัติหน้าที่
4. ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต มีสทธิที่จะได้รบการช่วยเหลือรีบด่วนจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยทันทีตามความจําเป็นแก่กรณี โดยไม่คํานึงว่า
ผู้ปวยจะร้อง ขอความช่วยเหลือหรือไม่
่
ิ ั
5. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบชื่อ สกุล และประเภทของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพที่เป็น ผู้ให้บริการแก่ตน
ตามกฎหมาย
6. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะขอความเห็นจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น ที่มิได้เป็นผู้ให้บริ การแก่ตน และมีสิทธิในการขอเปลี่ยนผู้ให้บริการ และสถานบริการได้
7. ผู้ปวยมีสิทธิที่จะได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง จากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยเคร่งครัด เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยหรือการปฏิบัติหน้าที่
่
ตามกฎหมาย
8. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วน ในการตัดสินใจเข้าร่วมหรือถอนตัวจากการเป็นผู้ถูกทดลองในการทําวิจัยของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ
9. ผู้ปวยมีสทธิที่จะได้รบทราบข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลเฉพาะของตนที่ปรากฏใน เวชระเบียนเมื่อร้องขอ ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิ
่ ิ ั
ส่วนตัวของบุคคลอื่น
10.บิดา มารดา หรือผู้แทนโดยชอบธรรม อาจใช้สิทธิแทนผู้ป่วยที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกิน สิบแปดปีบริบูรณ์ ผู้บกพร่องทางกายหรือจิต ซึ่งไม่สามารถใช้สิทธิด้วยตนเอง
ได้
10. หลักจริยธรรม (Ethical Principles) สําคัญด้านสุขภาพ
• Autonomy (หลักเอกสิทธิ์/ความเป็นอิสระของผู้ป่วย)
• Beneficence (หลักการรักษาประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วย)
• Non-maleficence (หลักการไม่ทําอันตรายต่อผู้ป่วย)
– “First, Do No Harm.”
11. MU Social Network Policy
http://intranet.mahidol/op/orla/law/index.php/anno
uncement/146-2556/770-social-network
12. MU Social Network Policy
• ข้อความบน Social Network สามารถเข้าถึงได้โดยสาธารณะ
ผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบ ทั้งทางสังคมและกฎหมาย และอาจ
ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง การทํางาน และวิชาชีพของตน
• ระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการเผยแพร่ประเด็นที่ Controversial
เช่น การเมือง ศาสนา
• ไม่ได้หาม แต่ให้ระวัง เพราะอาจส่งผลลบต่อตนหรือองค์กรได้
้
13. MU Social Network Policy
• ความรับผิดชอบทางกฎหมาย
– ประมวลกฎหมายอาญา ความผิดฐานหมิ่นประมาท
– พรบ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์
่
– ข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหิดล ว่าด้วยจรรยาบรรณของบุคลากรและ
นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล
– ข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหิดล ว่าด้วยวินัยนักศึกษา
14. MU Social Network Policy
• ไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น อ้างถึงแหล่งที่มาเสมอ
(Plagiarism = การนําผลงานของคนอื่นมานําเสนอเสมือนหนึ่ง
เป็นผลงานของตนเอง)
• แบ่งแยกเรื่องส่วนตัวกับหน้าที่การงาน/การเรียน
– แยก Account ของหน่วยงาน/องค์กร ออกจาก Account บุคคล
– Facebook Profile (ส่วนตัว) vs. Facebook Page (องค์กร/หน่วยงาน)
• ในการโพสต์ท่อาจเข้าใจผิดได้ว่าเป็นความเห็นจากมหาวิทยาลัย/หน่วยงาน ให้
ี
ระบุ Disclaimer เสมอว่าเป็นความเห็นส่วนตัว
15. MU Social Network Policy
• ห้ามเผยแพร่ข้อมูล sensitive ที่ใช้ภายในมหาวิทยาลัยก่อนได้รับอนุญาต
• บุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ให้บริการสุขภาพ
– ระวังการใช้ Social Network ในการปฏิสมพันธ์กบผูป่วย (ความลับผู้ป่วย และการ
ั ั ้
แยกแยะเรื่องส่วนตัวจากหน้าที่การงาน)
– ปฏิบัติตามจริยธรรมของวิชาชีพ
– ระวังเรื่องความเป็นส่วนตัว (Privacy) และความลับของข้อมูลผู้ป่วย
– การเผยแพร่ข้อมูล/ภาพผูป่วย เพื่อการศึกษา ต้องขออนุญาตผู้ป่วยก่อนเสมอ และลบ
้
ข้อมูลที่เป็น identifiers ทั้งหมด (เช่น ชื่อ, HN, ภาพใบหน้า หรือ ID อื่นๆ) ยกเว้น
ผู้ป่วยอนุญาต (รวมถึงกรณีการโพสต์ใน closed groups ด้วย)
• ตั้งค่า Privacy Settings ให้เหมาะสม