SlideShare a Scribd company logo
1 of 22
Download to read offline
โรคไอกรน
Pertussis
นพ.ปรัชญา ศรีสว่าง
21-Jul-14 1
การระบาดของโรคไอกรน
 โรคไอกรนเคยเป็นโรคที่พบได้บ่อย และเป็นหนึ่ง
ในสาเหตุหลักของการตายในเด็ก จนเคยได้ชื่อว่า
เป็น "Baby killer"
 ในระยะก่อนที่จะเริ่มมีการรณรงค์ให้วัคซีนทั่วโลก
มีผู้ป่วยประมาณ 45 ล้านคนต่อปี มีผู้ป่วยเสียชีวิต
จากโรคนี้ประมาณ 400,000 คนต่อปี
21-Jul-14 2
 อัตราป่วยตาย จากโรคนี้ในประเทศกาลัง
พัฒนาอาจสูงถึงประมาณร้อยละ15
 สาหรับประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคนี้ลดลง
เรื่อยๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 ก่อนจะมีการระบาด
ใหญ่อีกครั้งในช่วงต้นปี พ.ศ. 2549 ที่ผ่านมา
การระบาดของโรคไอกรน
21-Jul-14 3
การระบาดของโรคไอกรน
 ในปี 2549 มีการระบาด มีผู้ป่วย 72 ราย
ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยพบการระบาดที่จังหวัดน่าน
มีผู้ป่วย 60 ราย
 ในปี 2554 มีผู้ป่วยไอกรน 12 ราย ไม่มี
ผู้เสียชีวิต
21-Jul-14 4
การระบาดของโรคไอกรน
 ในประเทศไทย อุบัติการณ์ของโรคไอกรนลดลงมาก ซึ่งเป็น
ผลจากการเพิ่มระดับความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนป้ องกัน
โรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก
 โรคนี้พบในเด็กอายุเกิน 5 ปีมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กที่
ไม่ได้รับวัคซีน
 ระยะฟักตัวของโรคประมาณ 6-20 วัน ที่พบบ่อย 7-10 วัน
ถ้าสัมผัสโรคมาเกิน 3 สัปดาห์แล้วไม่มีอาการ แสดงว่าไม่ติดโรค
21-Jul-14 5
สาเหตุของโรคไอกรน
 เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย บอร์ดีเทลลา เปอร์ตัส
ซิส (Bordetella Pertyssis)
 โดยติดเชื้อจากการไอ จาม รดใส่กัน หรือ
ปนออกมากับเสมหะ น้ามูก น้าลาย
21-Jul-14 6
โรคไอกรนเกิดได้อย่างไร
 เชื้อ Bordettella เมื่อเข้าสู่ทางเดินหายใจแล้ว
 จะไปเกาะกับเซลล์เยื่อบุ หรือเยื่อเมือกของเนื้อเยื่อหลัง
โพรงจมูก
 ส่งผลต่อการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ ทาให้เกิด
อาการต่างๆ ตามมา
 เชื้อโรคไอกรนเองมักไม่แพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด
(โลหิต) จึงมักไม่ก่ออาการกับอวัยวะอื่น
21-Jul-14 7
อาการของโรคไอกรน
1.ระยะฟักตัวของโรคไอกรน
 ตั้งแต่ติดเชื้อจนกระทั่งแสดงอาการ คือ 7-10 วัน
 อาการจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะอาการหวัดไข้ต่าๆ
ไอเล็กน้อย มีน้ามูก อ่อนเพลีย
 ซึ่งจะเป็นอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือ ระยะเยื่อเมือก
ทางเดินหายใจอักเสบ (Catarrhal phase) ระยะนี้
อาการจะเหมือนโรคหวัดธรรมดาทั่วไป
21-Jul-14 8
อาการของโรคไอกรน
2. ระยะอาการกาเริบ (Paroxysmal
phase)
 เป็นระยะที่อาการไอจะเกิดขึ้นเป็นพักๆ จะไอ
ติดต่อกันประมาณ 5-10 ครั้งต่อวัน หรือเกิดขึ้นหลาย
สิบครั้งในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง
21-Jul-14 9
อาการของโรคไอกรน
2. ระยะอาการกาเริบ (Paroxysmal phase)
 เมื่อการไอสิ้นสุด จะมีการหายใจเข้าอย่างรวดเร็วหนึ่ง
ครั้ง ซึ่งลมหายใจนี้จะไปกระทบกับฝากล่องเสียงที่ปิดอยู่
ทาให้มีเสียงดังที่มีลักษณะจาเพาะ คือ เสียงดังวู๊ป
(Whooping cough)
 ระยะนี้จะเป็นอยู่นาน 2-4 สัปดาห์ หรืออาจนานกว่า
นี้ได้
21-Jul-14 10
อาการของโรคไอกรน
3. ระยะฟื้นตัว หรือ ระยะพักฟื้น
(Convalescent phase)
 ระยะนี้กินเวลาตั้งแต่ 1 ถึง 3 เดือน
เป็นระยะที่อาการไอจะค่อยๆลดลงจนหายไปใน
ที่สุด
21-Jul-14 11
การติดต่อ
การติดต่อทางตรง
 โดยการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ทาให้ติดต่อ
ได้โดยตรงจากน้ามูก น้าลาย เสมหะของผู้ป่วย
ด้วยการไอ จาม หรือหายใจรดกัน
21-Jul-14 12
การติดต่อ
การติดต่อทางอ้อม
 โดยการใช้ผ้าเช็ดหน้า ภาชนะในการดื่มและ
รับประทานอาหารร่วมกับผู้ป่วย หรือหายใจเอา
ฝุ่นละอองที่มีเชื้อโรคเข้าไป
21-Jul-14 13
การวินิจฉัยโรคไอกรน
มีประวัติการสัมผัสโรค และ ลักษณะการไอเป็นสาคัญ
คือ ไอติดต่อกันนานมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป ร่วมกับ
 อาการไอที่ติดกันเป็นชุดๆ
 และ/หรือ ในช่วงสุดท้ายของการไอมีเสียงดังวู๊ปหรือวู้
 และ/หรือ มีอาเจียนหลังไอ
 และ/หรือ อาการไอเกิดขึ้นในช่วงที่มีการระบาดของ
โรคไอกรน
21-Jul-14 14
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
 การเพาะเชื้อ โดยการนาสารคัดหลั่งจากโพรงหลังจมูก
มาเพาะเชื้อ
 การตรวจหาสารพันธุกรรม (DNA) ด้วยเทคนิคที่
เรียกว่า พีซีอาร์ (PCR)
 การตรวจหาแอนติบอดี (Immunoglobulin A
หรือ Immunoglobulin G)
 การตรวจดูเม็ดเลือด (CBC)
21-Jul-14 15
โรคแทรกซ้อน
 ปอดอักเสบ เป็นสาเหตุของการตายที่สาคัญ
 การไอมากๆ ทาให้มีเลือดออกในเยื่อบุตา มี
petechiae ที่หน้า และในสมอง
 ระบบประสาท อาจมีอาการชัก พบบ่อยใน
เด็กเล็ก
21-Jul-14 16
การรักษา
 ให้ยา Erythromycin 50 มก./นน.ตัว 1 กก.
 ให้ Hyperimmune gamma globullin 3-6
ซีซี. ฉีดเข้ากล้ามเนี้อ
 ให้อาหารที่มีแคลอรี่สูง
 พักผ่อนให้เพียงพอ
 ให้ยาขับเสมหะ และยากล่อมประสาท
21-Jul-14 17
การปฏิบัติตน
 ควรจัดแยกผู้ป่วยให้อยู่ต่างหากทันทีเมื่อ
เห็นว่ามีอาการของโรค
 ควรทาลายเชื้อที่ออกมากับน้ามูก น้าลาย
เสมหะ ในน้ายาฆ่าเชื้อโรค แล้วจึงนาไปฝัง
หรือ เผาไฟทิ้ง หรือก่อนนาไปซักล้างแล้วต้ม
21-Jul-14 18
การป้ องกัน
การแยกผู้ป่วย
 ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย erythromycin
 เชื้อจะหมดไปภายใน 5 วัน
 ดังนั้น จึงแยกผู้ป่วย 5 วัน นับจากที่เริ่มให้ยา หรือ
แยกไว้ 3 สัปดาห์ หลังจากที่เริ่มมีอาการไอแบบ
paroxysmal
21-Jul-14 19
การป้ องกัน
ผู้สัมผัสโรค
 ควรได้รับการติดตามดูว่าจะมีอาการไอเกิดขึ้น
หรือไม่อย่างใกล้ชิด โดยติดตามไปอย่างน้อย 2
สัปดาห์
 เด็กที่สัมผัสโรคอย่างใกล้ชิดควรได้รับ
erythromycin (40-50 มก./กก./วัน) 14 วัน
21-Jul-14 20
การฉีดวัคซีน
21-Jul-14 21
ช่องทางการติดต่อ….
Facebook:
prachaya56@hotmail.com
ในกลุ่มคลินิกอาชีวอนามัย
21-Jul-14 22

More Related Content

What's hot

ไข้เลือดอ..
ไข้เลือดอ..ไข้เลือดอ..
ไข้เลือดอ..Prachaya Sriswang
 
การยกและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
การยกและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยการยกและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
การยกและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยNarenthorn EMS Center
 
คู่มือการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ
คู่มือการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ คู่มือการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ
คู่มือการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ Utai Sukviwatsirikul
 
10 r กับการให้ยาอย่างปลอดภัย
10 r กับการให้ยาอย่างปลอดภัย10 r กับการให้ยาอย่างปลอดภัย
10 r กับการให้ยาอย่างปลอดภัยSuradet Sriangkoon
 
กฏหมายกับพยาบาล
กฏหมายกับพยาบาลกฏหมายกับพยาบาล
กฏหมายกับพยาบาลSutthiluck Kaewboonrurn
 
อีสุก อีใส
อีสุก อีใสอีสุก อีใส
อีสุก อีใสDbeat Dong
 
การพันผ้าแบบต่างๆ
การพันผ้าแบบต่างๆการพันผ้าแบบต่างๆ
การพันผ้าแบบต่างๆDashodragon KaoKaen
 
มือ เท้า ปาก
มือ เท้า ปาก มือ เท้า ปาก
มือ เท้า ปาก Dbeat Dong
 
Drug in pregnancy and lactation 0
Drug in pregnancy and lactation 0Drug in pregnancy and lactation 0
Drug in pregnancy and lactation 0PichayaR
 
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่ใช้เครื่องช่วยหายใจการพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่ใช้เครื่องช่วยหายใจSusheewa Mulmuang
 
CPG มะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลืองในเด็ก
CPG มะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลืองในเด็กCPG มะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลืองในเด็ก
CPG มะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลืองในเด็กThorsang Chayovan
 
การสูงอายุ
การสูงอายุการสูงอายุ
การสูงอายุJit Khasana
 
การให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
การให้สารละลายทางหลอดเลือดดำการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
การให้สารละลายทางหลอดเลือดดำCC Nakhon Pathom Rajabhat University
 
แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา
 แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา
แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาUtai Sukviwatsirikul
 
ไข้เลือดออก
ไข้เลือดออกไข้เลือดออก
ไข้เลือดออกPrachaya Sriswang
 
คู่มือการจ่ายยาเด็ก (Drugs in Pediatrics)
คู่มือการจ่ายยาเด็ก  (Drugs in Pediatrics)คู่มือการจ่ายยาเด็ก  (Drugs in Pediatrics)
คู่มือการจ่ายยาเด็ก (Drugs in Pediatrics)Utai Sukviwatsirikul
 

What's hot (20)

ไข้เลือดอ..
ไข้เลือดอ..ไข้เลือดอ..
ไข้เลือดอ..
 
Asthma guideline children
Asthma guideline childrenAsthma guideline children
Asthma guideline children
 
การยกและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
การยกและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยการยกและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
การยกและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
 
คู่มือการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ
คู่มือการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ คู่มือการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ
คู่มือการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ
 
10 r กับการให้ยาอย่างปลอดภัย
10 r กับการให้ยาอย่างปลอดภัย10 r กับการให้ยาอย่างปลอดภัย
10 r กับการให้ยาอย่างปลอดภัย
 
กฏหมายกับพยาบาล
กฏหมายกับพยาบาลกฏหมายกับพยาบาล
กฏหมายกับพยาบาล
 
คอตีบ+1
คอตีบ+1คอตีบ+1
คอตีบ+1
 
อีสุก อีใส
อีสุก อีใสอีสุก อีใส
อีสุก อีใส
 
Ppt influenza
Ppt influenzaPpt influenza
Ppt influenza
 
การพันผ้าแบบต่างๆ
การพันผ้าแบบต่างๆการพันผ้าแบบต่างๆ
การพันผ้าแบบต่างๆ
 
มือ เท้า ปาก
มือ เท้า ปาก มือ เท้า ปาก
มือ เท้า ปาก
 
Drug in pregnancy and lactation 0
Drug in pregnancy and lactation 0Drug in pregnancy and lactation 0
Drug in pregnancy and lactation 0
 
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่ใช้เครื่องช่วยหายใจการพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
 
CPG มะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลืองในเด็ก
CPG มะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลืองในเด็กCPG มะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลืองในเด็ก
CPG มะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลืองในเด็ก
 
การสูงอายุ
การสูงอายุการสูงอายุ
การสูงอายุ
 
การให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
การให้สารละลายทางหลอดเลือดดำการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
การให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
 
แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา
 แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา
แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา
 
Genogram
GenogramGenogram
Genogram
 
ไข้เลือดออก
ไข้เลือดออกไข้เลือดออก
ไข้เลือดออก
 
คู่มือการจ่ายยาเด็ก (Drugs in Pediatrics)
คู่มือการจ่ายยาเด็ก  (Drugs in Pediatrics)คู่มือการจ่ายยาเด็ก  (Drugs in Pediatrics)
คู่มือการจ่ายยาเด็ก (Drugs in Pediatrics)
 

More from Prachaya Sriswang (20)

Ppt.ha
Ppt.haPpt.ha
Ppt.ha
 
ไข้เลือดออก
ไข้เลือดออกไข้เลือดออก
ไข้เลือดออก
 
Ppt.เพศ
Ppt.เพศPpt.เพศ
Ppt.เพศ
 
Ppt. คุณแม่วัยใส
Ppt. คุณแม่วัยใสPpt. คุณแม่วัยใส
Ppt. คุณแม่วัยใส
 
Ppt.ha
Ppt.haPpt.ha
Ppt.ha
 
Ppt.trigger tool
Ppt.trigger toolPpt.trigger tool
Ppt.trigger tool
 
Ppt.clinical tracer
Ppt.clinical tracerPpt.clinical tracer
Ppt.clinical tracer
 
Ppt. service profile
Ppt. service profilePpt. service profile
Ppt. service profile
 
Ppt rm
Ppt rmPpt rm
Ppt rm
 
โรคอุบัติใหม่ 1
โรคอุบัติใหม่ 1โรคอุบัติใหม่ 1
โรคอุบัติใหม่ 1
 
Presentation2
Presentation2Presentation2
Presentation2
 
Ppt.ht
Ppt.htPpt.ht
Ppt.ht
 
Ppt.dlp
Ppt.dlpPpt.dlp
Ppt.dlp
 
Ppt. stroke1
Ppt. stroke1Ppt. stroke1
Ppt. stroke1
 
Ppt. patient safety goal
Ppt. patient safety goalPpt. patient safety goal
Ppt. patient safety goal
 
Ppt. patient safety goal
Ppt. patient safety goalPpt. patient safety goal
Ppt. patient safety goal
 
การเตรียมพร้อมก่อนวัยเกษียณอย่างมีความสุข.1
การเตรียมพร้อมก่อนวัยเกษียณอย่างมีความสุข.1การเตรียมพร้อมก่อนวัยเกษียณอย่างมีความสุข.1
การเตรียมพร้อมก่อนวัยเกษียณอย่างมีความสุข.1
 
Ha overview.1
Ha overview.1Ha overview.1
Ha overview.1
 
Ppt.hfe
Ppt.hfePpt.hfe
Ppt.hfe
 
Ppt. root cause analysis (1)
Ppt. root cause analysis (1)Ppt. root cause analysis (1)
Ppt. root cause analysis (1)
 

ไอกรน Ppt.1

Editor's Notes

  1. การเพาะเชื้อ โดยการนำสารคัดหลั่งจากโพรงหลังจมูกมาเพาะเชื้อ การตรวจหาสารพันธุกรรม (ดีเอนเอ, DNA) ของเชื้อไอกรนจากสารคัดหลั่งจาก โพรงหลังจมูก ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า พีซีอาร์ (PCR, Polymerase chain reaction) การตรวจหาแอนติบอดี (Immunoglobulin A หรือ Immunoglobulin G) ที่จำเพาะต่อโรคไอกรน ในกรณีที่อาการเป็นนานมากกว่า 4 สัปดาห์แล้ว จะเลือกใช้วิธีนี้แทนการเพาะเชื้อ การตรวจดูเม็ดเลือด (การตรวจ CBC) จะเพียงช่วยในการวินิจฉัย ซึ่งจะพบมีเม็ดเลือดขาวชนิด Lymphocyte ขึ้นสูงกว่าปกติ จะไม่เหมือนการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นๆ ที่จะมีเม็ดเลือดขาวชนิด Neutrophil ขึ้น
  2. . ปอดอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุของการตายที่สำคัญของโรคไอกรนในเด็กเล็ก โรคในปอดที่อาจพบได้อีกจะเกิดจากการมีเสมหะเหนียวไปอุดในหลอดลมและถุงลม ทำให้เกิด atelectasis 2. จากการไอมากๆ ทำให้มีเลือดออกในเยื่อบุตา (Subconjunctival hemorrhage) มี petechiae ที่หน้า และในสมอง 3. ระบบประสาท อาจมีอาการชัก พบบ่อยในเด็กเล็ก เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยงสมองในขณะที่ไอถี่ๆ และอาการชักอาจเกิดจากมีเลือดออกในสมอง
  3. ในเด็กบางคน ผู้สัมผัสโรคที่อายุน้อยกว่า 6 ปี ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือได้ไม่ครบ 4 ครั้ง ควรจะเริ่มให้วัคซีนหรือเพิ่มให้ครบตามกำหนดการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ผู้สัมผัสโรคที่เคยได้รับมาแล้ว 4 ครั้ง ให้กระตุ้นเพิ่มอีก 1 ครั้ง ยกเว้นเด็กที่เคยได้รับ booster มาแล้วภายใน 3 ปี หรือเป็นเด็กอายุเกิน 6 ปี ไม่ต้องฉีดกระตุ้นเพิ่ม ส่วนผู้ที่เคยได้มาแล้ว 3 ครั้ง และครั้งที่ 3 เกิน 6 เดือน ควรจะให้ dose ที่ 4 ทันทีที่สัมผัสโรค