SlideShare a Scribd company logo
1 of 44
การวิเคราะห์คุณภาพแบบทดสอบ
(Test Quality Analysis)
การวิเคราะห์คุณภาพแบบทดสอบ
(Test Quality Analysis)
2
ขั้นตอนการสร้างข้อสอบ
เขียนข้อสอบ
ทบทวนร่างข้อสอบ
การตรวจสอบ
เนื้อหา/
ความลำาเอียง
วิเคราะห์
มาตรฐาน
แผนผังแบบสอบ
Item
specification
นำาข้อสอบ
ทดลองใช้
การวิเคราะห์
คุณภาพ
ข้อสอบ/แบบสอ
บ
นำาข้อสอบ
ไปใช้
1. คุณลักษณะของแบบทดสอบที่ดี
การวิเคราะห์คุณภาพแบบทดสอบการวิเคราะห์คุณภาพแบบทดสอบ
2. วิธีการวิเคราะห์แบบทดสอบ
2.1 วิธีการวิเคราะห์โดยไม่ใช้วิธีการทางสถิติ
1) การวิเคราะห์คุณภาพข้อสอบรายข้อ
2.1 วิธีการวิเคราะห์โดยใช้วิธีการทางสถิติ
2) การวิเคราะห์คุณภาพข้อสอบทั้งฉบับ
1. คุณลักษณะของแบบทดสอบที่ดี1. คุณลักษณะของแบบทดสอบที่ดี
1. ความเที่ยงตรง (validity)
2. ความเชื่อมั่น (reliability)
3. ความยากง่าย (difficulty)
4. อำานาจจำาแนก (discrimination )
5. เป็นปรนัย (objectivity)
ประเภทของความเที่ยงตรงประเภทของความเที่ยงตรง
1.1 ความเที่ยงตรง (Validity)
1.1. ความตรงตามเนื้อหาความตรงตามเนื้อหา ((Content Validity)Content Validity)
เนื้อหาของเครื่องมือ หรือเนื้อหาของข้อคำาถามวัดได้เนื้อหาของเครื่องมือ หรือเนื้อหาของข้อคำาถามวัดได้
ตรงตามประเด็นของเรื่องที่ต้องการวัดหรือไม่ตรงตามประเด็นของเรื่องที่ต้องการวัดหรือไม่??
2.2. ความตรงเชิงโครงสร้างความตรงเชิงโครงสร้าง ((ConstructConstruct
Validity)Validity)
เครื่องมือนั้นสามารถวัดได้ครอบคลุมขอบเขต ความเครื่องมือนั้นสามารถวัดได้ครอบคลุมขอบเขต ความ
หมาย หรือครบตามคุณลักษณะประจำาตามทฤษฎีที่ใช้หมาย หรือครบตามคุณลักษณะประจำาตามทฤษฎีที่ใช้
ความถูกต้องแม่นยำาของเครื่องมือในการวัดความถูกต้องแม่นยำาของเครื่องมือในการวัด
สิ่งที่ต้องการจะวัดสิ่งที่ต้องการจะวัด
ประเภทของความตรงประเภทของความตรง ((ต่อต่อ))
1.1 ความเที่ยงตรง (Validity)
3.3. ความตรงตามเกณฑ์สัมพันธ์ความตรงตามเกณฑ์สัมพันธ์ ((Criterion-relatedCriterion-related
Validity)Validity) เครื่องมือวัดได้ตรงตามพฤติกรรมที่ต้องการวัดเครื่องมือวัดได้ตรงตามพฤติกรรมที่ต้องการวัด
โดยพิจารณาจากเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องว่าเครื่องมือนั้นจะใช้โดยพิจารณาจากเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องว่าเครื่องมือนั้นจะใช้
ทำานายพฤติกรรมของบุคคลในสภาพเฉพาะเจาะจงตามทำานายพฤติกรรมของบุคคลในสภาพเฉพาะเจาะจงตาม
ต้องการหรือไม่ต้องการหรือไม่?? จำาแนกได้จำาแนกได้ 22 ชนิด คือชนิด คือ
3.13.1 ความตรงร่วมสมัย หรือตามสภาพความตรงร่วมสมัย หรือตามสภาพ ((ConcurrentConcurrent
Validity)Validity) เกณฑ์ที่ใช้เปรียบเทียบ คือ สภาพความเกณฑ์ที่ใช้เปรียบเทียบ คือ สภาพความ
เป็นจริงในปัจจุบันเป็นจริงในปัจจุบัน
3.23.2 ความตรงเชิงทำานายความตรงเชิงทำานาย ((Predictive Validity)Predictive Validity)
เกณฑ์ที่ใช้เปรียบเทียบ คือ สภาพความเป็นจริงเกณฑ์ที่ใช้เปรียบเทียบ คือ สภาพความเป็นจริง
หรือสภาพความสำาเร็จในอนาคตหรือสภาพความสำาเร็จในอนาคต
1.2 ความเชื่อมั่น (Reliability)
ความคงที่หรือความคงเส้นคงวาของผลที่
ได้จากการวัด
วิธีการประมาณค่าความเที่ยงวิธีการประมาณค่าความเที่ยง
1.1. การวัดความคงที่การวัดความคงที่ ((Measure of Stability)Measure of Stability)
2.2. การวัดความสมมูลกัน หรือเท่าเทียมกันการวัดความสมมูลกัน หรือเท่าเทียมกัน ((Measure ofMeasure of
Equivalence)Equivalence)
3.3. การวัดความคงที่และความเท่าเทียมกันการวัดความคงที่และความเท่าเทียมกัน ((Measure of StabilityMeasure of Stability
and Equivalence)and Equivalence)
4.4. การวัดความสอดคล้องภายในการวัดความสอดคล้องภายใน ((Measure of InternalMeasure of Internal
Consistency)Consistency)
4.14.1 วิธีแบ่งครึ่งข้อสอบวิธีแบ่งครึ่งข้อสอบ ((Split-half)Split-half)
4.24.2 วิธีของวิธีของ Kuder-Richardson (Kr20 , Kr21)Kuder-Richardson (Kr20 , Kr21)
4.34.3 วิธีสัมประสิทธ์แอลฟาของวิธีสัมประสิทธ์แอลฟาของ Cronbach (Cronbach’s alphaCronbach (Cronbach’s alpha
ความหมายความหมาย
ความคงเส้นคงวาของคะแนนจากการวัดในช่วงเวลาที่ความคงเส้นคงวาของคะแนนจากการวัดในช่วงเวลาที่
ต่างกันโดยวิธีสอบซ้ำ้าด้วยแบบสอบฉบับเดิมต่างกันโดยวิธีสอบซ้ำ้าด้วยแบบสอบฉบับเดิม ((test-retesttest-retest
method)method)
วิธีประมาณค่าวิธีประมาณค่า
คำานวณค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนที่วัดคำานวณค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนที่วัด
ได้จากคนเดียวกันด้วยเครื่องมือเดียวกัน โดยทำาการวัดได้จากคนเดียวกันด้วยเครื่องมือเดียวกัน โดยทำาการวัด
ซ้ำ้าสองครั้งในเวลาที่ต่างกันซ้ำ้าสองครั้งในเวลาที่ต่างกัน
Measure ofMeasure of StabilityStability
2)2) การวัดความการวัดความ
เท่าเทียมกันเท่าเทียมกัน
3)3) การวัดความการวัดความ
คงที่และความคงที่และความ
เท่าเทียมกันเท่าเทียมกัน
4)4) การวัดความการวัดความ
สอดคล้องสอดคล้อง
ภายในภายใน
1)1) การวัดการวัด
ความคงที่ความคงที่
วิธีประมาณค่าวิธีประมาณค่า
1.2 ความเชื่อมั่น (Reliability)
ความหมายความหมาย
ความสอดคล้องกันของคะแนนจากการวัดในช่วงเวลาความสอดคล้องกันของคะแนนจากการวัดในช่วงเวลา
เดียวกันโดยใช้แบบสอบที่สมมูลกันหรือเท่าเทียมกันเดียวกันโดยใช้แบบสอบที่สมมูลกันหรือเท่าเทียมกัน
((equivalence-form method)equivalence-form method)
วิธีประมาณค่าวิธีประมาณค่า
คำานวณค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนที่วัดคำานวณค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนที่วัด
ได้ในเวลาเดียวกันจากคนกลุ่มเดียวกัน โดยใช้เครื่องมือได้ในเวลาเดียวกันจากคนกลุ่มเดียวกัน โดยใช้เครื่องมือ
22 ฉบับที่ทัดเทียมกันฉบับที่ทัดเทียมกัน
Measure ofMeasure of EquivalenceEquivalence
2)2) การวัดความการวัดความ
เท่าเทียมกันเท่าเทียมกัน
3)3) การวัดความการวัดความ
คงที่และความคงที่และความ
เท่าเทียมกันเท่าเทียมกัน
4)4) การวัดความการวัดความ
สอดคล้องสอดคล้อง
ภายในภายใน
1)1) การวัดความการวัดความ
คงที่คงที่
วิธีประมาณค่าวิธีประมาณค่า
1.2 ความเชื่อมั่น (Reliability)
ความหมายความหมาย
ความสอดคล้องกันของคะแนนจากการวัดในช่วงเวลาความสอดคล้องกันของคะแนนจากการวัดในช่วงเวลา
ต่างกัน โดยวิธีสอบซ้ำ้าด้วยแบบสอบที่สมมูลกันหรือเท่าต่างกัน โดยวิธีสอบซ้ำ้าด้วยแบบสอบที่สมมูลกันหรือเท่า
เทียมกันเทียมกัน ((test-retest with equivalence method)test-retest with equivalence method)
วิธีประมาณค่าวิธีประมาณค่า
คำานวณค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนที่วัดคำานวณค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนที่วัด
ได้ในช่วงเวลาที่ต่างกันจากกลุ่มคนกลุ่มเดียวกัน โดยใช้ได้ในช่วงเวลาที่ต่างกันจากกลุ่มคนกลุ่มเดียวกัน โดยใช้
เครื่องมือเครื่องมือ 22 ฉบับที่ทัดเทียมกันฉบับที่ทัดเทียมกัน
Measure ofMeasure of Stability and EquivalenceStability and Equivalence
2)2) การวัดความการวัดความ
เท่าเทียมกันเท่าเทียมกัน
3)3) การวัดความการวัดความ
คงที่และคงที่และ
ความเท่าความเท่า
เทียมกันเทียมกัน4)4) การวัดความการวัดความ
สอดคล้องสอดคล้อง
ภายในภายใน
1)1) การวัดความการวัดความ
คงที่คงที่
วิธีประมาณค่าวิธีประมาณค่า
1.2 ความเชื่อมั่น (Reliability)
ความหมายความหมาย
ความสอดคล้องกันระหว่างคะแนนรายข้อ หรือความความสอดคล้องกันระหว่างคะแนนรายข้อ หรือความ
เป็นเอกพันธ์ของเนื้อหารายข้ออันเป็นตัวแทนของเป็นเอกพันธ์ของเนื้อหารายข้ออันเป็นตัวแทนของ
คุณลักษณะเด่นเดียวกันที่ต้องการวัดคุณลักษณะเด่นเดียวกันที่ต้องการวัด
วิธีประมาณค่าวิธีประมาณค่า
มีหลายวิธี ได้แก่มีหลายวิธี ได้แก่
Measure of Internal ConsistencyMeasure of Internal Consistency
2)2) การวัดความการวัดความ
เท่าเทียมกันเท่าเทียมกัน
3)3) การวัดความการวัดความ
คงที่และความคงที่และความ
เท่าเทียมกันเท่าเทียมกัน
4)4) การวัดความการวัดความ
สอดคล้องสอดคล้อง
ภายในภายใน
1)1) การวัดความการวัดความ
คงที่คงที่
วิธีประมาณค่าวิธีประมาณค่า
1)1) วิธีแบ่งครึ่งข้อสอบวิธีแบ่งครึ่งข้อสอบ ((Split-half)Split-half)
2)2) วิธีของวิธีของ Kuder-Richardson (KR20,Kuder-Richardson (KR20,
KR21)KR21)
3)3) วิธีสัมประสิทธ์แอลฟาของวิธีสัมประสิทธ์แอลฟาของ CronbachCronbach
(Cronbach’s alpha ((Cronbach’s alpha ( αα)) method)method)
1.2 ความเชื่อมั่น (Reliability)
1.3 ความยากง่าย (Difficulty)
ความยากง่ายของแบบทดสอบมีความความยากง่ายของแบบทดสอบมีความ
เหมาะสมกับความสามารถของผู้สอบเหมาะสมกับความสามารถของผู้สอบ
ซึ่งพิจารณาจาก สัดส่วน หรือซึ่งพิจารณาจาก สัดส่วน หรือ
เปอร์เซ็นต์ของจำานวนคนที่ตอบข้อสอบเปอร์เซ็นต์ของจำานวนคนที่ตอบข้อสอบ
ข้อนั้นถูกจากคนที่สอบทั้งหมดข้อนั้นถูกจากคนที่สอบทั้งหมด
1.4 อำานาจจำาแนก (Discrimination)
ความสามารถของข้อสอบแต่ละความสามารถของข้อสอบแต่ละ
ข้อในการจำาแนกคนที่อยู่ในกลุ่มเก่งข้อในการจำาแนกคนที่อยู่ในกลุ่มเก่ง
ออกจากคนที่อยู่ในกลุ่มอ่อนได้ออกจากคนที่อยู่ในกลุ่มอ่อนได้
ซึ่งพิจารณาจากผลต่างของซึ่งพิจารณาจากผลต่างของ
สัดส่วนของกลุ่มเก่งที่ตอบถูกกับกลุ่มสัดส่วนของกลุ่มเก่งที่ตอบถูกกับกลุ่ม
อ่อนที่ตอบถูกอ่อนที่ตอบถูก
ความชัดเจนของแบบทดสอบหรือคำาถามที่ทุกคน
เข้าใจตรงกัน รวมทั้งการตรวจให้คะแนนมีเกณฑ์ที่
แน่นอน ความเป็นปรนัย มีองค์ประกอบ 3 ประการ :
1. โจทย์หรือข้อคำาถาม
2. วิธีการตรวจให้คะแนน
3. การแปลความหมายของคะแนน
การหาความเป็นปรนัยที่นิยมปฏิบัติกัน คือ
ให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาและตรวจสอบ
1.5 ความเป็นปรนัย (Objectivity)
2. วิธีการวิเคราะห์คุณภาพแบบสอบ2. วิธีการวิเคราะห์คุณภาพแบบสอบ
2.22.2 การวิเคราะห์แบบสอบโดยใช้วิธีการทางสถิติการวิเคราะห์แบบสอบโดยใช้วิธีการทางสถิติ
2.2.11 การวิเคราะห์แบบสอบโดยไม่ใช้วิธีการทางการวิเคราะห์แบบสอบโดยไม่ใช้วิธีการทาง
สถิติสถิติ
2.1 การวิเคราะห์แบบสอบโดยไม่ใช้วิธีการทางสถิติ2.1 การวิเคราะห์แบบสอบโดยไม่ใช้วิธีการทางสถิติ
แนวทางการพิจารณาแนวทางการพิจารณา
1)1) การตรวจสอบความถูกต้องและครอบคลุมของการตรวจสอบความถูกต้องและครอบคลุมของ
เนื้อหาวิชาและจุดมุ่งหมายเนื้อหาวิชาและจุดมุ่งหมาย
1)1) ข้อคำาถามครบถ้วนทุกเนื้อหาที่เรียนหรือไม่ข้อคำาถามครบถ้วนทุกเนื้อหาที่เรียนหรือไม่
2)2) จำานวนข้อคำาถามของแต่ละเนื้อหามีสัดส่วนตามจำานวนข้อคำาถามของแต่ละเนื้อหามีสัดส่วนตาม
นำ้าหนักที่กำาหนดไว้หรือไม่นำ้าหนักที่กำาหนดไว้หรือไม่
3)3) ข้อคำาถามแต่ละข้อวัดได้ตรงตามพฤติกรรมที่ระบุไว้ข้อคำาถามแต่ละข้อวัดได้ตรงตามพฤติกรรมที่ระบุไว้
ในจุดมุ่งหมายของการสอนแต่ละเนื้อหาหรือไม่ในจุดมุ่งหมายของการสอนแต่ละเนื้อหาหรือไม่
วิธีดำาเนินการวิธีดำาเนินการ
1)1) ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญในเนื้อหาวิชานั้นๆตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญในเนื้อหาวิชานั้นๆ
2)2) ตรวจสอบโดยการเปรียบเทียบตารางกำาหนดตรวจสอบโดยการเปรียบเทียบตารางกำาหนด
จำานวนข้อคำาถามจำานวนข้อคำาถาม ((test Blueprint)test Blueprint)
2.1 การวิเคราะห์แบบสอบโดยไม่ใช้วิธีการทางสถิติ2.1 การวิเคราะห์แบบสอบโดยไม่ใช้วิธีการทางสถิติ
1)1) การตรวจสอบความถูกต้องและครอบคลุมของการตรวจสอบความถูกต้องและครอบคลุมของ
เนื้อหาวิชาและจุดมุ่งหมายเนื้อหาวิชาและจุดมุ่งหมาย
แนวทางการพิจารณาแนวทางการพิจารณา
2)2) การตรวจสอบภาษาและความสอดคล้องกับเทคนิคการตรวจสอบภาษาและความสอดคล้องกับเทคนิค
การเขียนคำาถามการเขียนคำาถาม
1)1) ข้อความที่ใช้เขียนเป็นข้อคำาถามสามารถสื่อความข้อความที่ใช้เขียนเป็นข้อคำาถามสามารถสื่อความ
หมายได้ดีเพียงไรหมายได้ดีเพียงไร
2)2) การเขียนข้อคำาถามนั้นมีความถูกต้องตามเทคนิคในการเขียนข้อคำาถามนั้นมีความถูกต้องตามเทคนิคใน
การเขียนข้อคำาถามที่ดีหรือไม่การเขียนข้อคำาถามที่ดีหรือไม่
2.1 การวิเคราะห์แบบสอบโดยไม่ใช้วิธีการทางสถิติ2.1 การวิเคราะห์แบบสอบโดยไม่ใช้วิธีการทางสถิติ
วิธีดำาเนินการวิธีดำาเนินการ
1)1) ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษา
2)2) ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัดผลการศึกษาตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัดผลการศึกษา
((ถ้าหากไม่สามารถหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยตรวจสอบได้ถ้าหากไม่สามารถหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยตรวจสอบได้
อย่างน้อยควรให้อย่างน้อยควรให้เพื่อนครูเพื่อนครู หรือหรือตัวครูตัวครูเองเป็นผู้ทำาการเองเป็นผู้ทำาการ
ตรวจสอบตรวจสอบ))
2)2) การตรวจสอบภาษาและความสอดคล้องกับเทคนิคการตรวจสอบภาษาและความสอดคล้องกับเทคนิค
การเขียนคำาถามการเขียนคำาถาม
2.1 การวิเคราะห์แบบสอบโดยไม่ใช้วิธีการทางสถิติ2.1 การวิเคราะห์แบบสอบโดยไม่ใช้วิธีการทางสถิติ
2)2) การวิเคราะห์ข้อสอบทั้งฉบับการวิเคราะห์ข้อสอบทั้งฉบับ
2.1)2.1) ความเที่ยงตรงความเที่ยงตรง ((Validity)Validity)
2.2)2.2) ความเชื่อมั่นความเชื่อมั่น ((Reliability)Reliability)
1)1) การวิเคราะห์ข้อสอบเป็นรายข้อการวิเคราะห์ข้อสอบเป็นรายข้อ
1.1.11)) ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์
((IOC-Index of Item Objective Congruence)IOC-Index of Item Objective Congruence)
1.21.2)) ค่าระดับความยากง่ายค่าระดับความยากง่าย ((Difficulty Index)Difficulty Index)
1.31.3)) ค่าอำานาจจำาแนกค่าอำานาจจำาแนก (Discrimination Power)(Discrimination Power)
2.2 การวิเคราะห์แบบสอบโดยใช้วิธีการทางสถิติ2.2 การวิเคราะห์แบบสอบโดยใช้วิธีการทางสถิติ
1.1) ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์
(IOC-Index of Item Objective Congruence)
ให้ผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ให้ผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ 33 คนขึ้นไป ประเมินความคนขึ้นไป ประเมินความ
สอดคล้องระหว่างข้อคำาถามในเครื่องมือกับเนื้อหาที่สอดคล้องระหว่างข้อคำาถามในเครื่องมือกับเนื้อหาที่
ต้องการวัด จากนั้นนำาผลการประเมินมาคำานวณค่าต้องการวัด จากนั้นนำาผลการประเมินมาคำานวณค่า
IOCIOC โดยใช้สูตรโดยใช้สูตร
IOC =IOC =
∑∑RR
NN
เกณฑ์ตัดสินเกณฑ์ตัดสิน IOCIOC ควรมีค่ามากกว่าควรมีค่ามากกว่า 0.50.5
วิธีดำาเนินการวิธีดำาเนินการ
เมื่อเมื่อ RR แทน ผลรวมของคะแนนจากผู้เชี่ยวชาญแทน ผลรวมของคะแนนจากผู้เชี่ยวชาญ
1) การวิเคราะห์ข้อสอบรายข้อ1) การวิเคราะห์ข้อสอบรายข้อ
ตัวอย่าง ตารางการหาค่า IOC
ตัวชี้วัดตามมาตรฐาน
ผลการประเมิน
ผู้เรียนสามารถบอกถึงหน้าที่
หรือความแตกต่างของ
ส่วนประกอบต่างๆของพืชได้
-1 0 1
ข้อสอบ
1. หน้าที่ของใบคืออะไร?
ก. ยึดลำาต้น
ข. ดูดอาหาร
ค. สังเคราะห์แสง
ง. ลำาเลียงอาหาร
2. ข้อใดเป็นพืชใบเลี้ยงคู่?
ก. ข้าว
ข. อ้อย
ค. กล้วย
ง. มะเขือ
1.1) ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์
(IOC-Index of Item Objective Congruence)
- 1 หมายถึง ไม่สอดคล้อง 0 หมายถึง ไม่แน่ใจ 1 หมายถึง สอดคล้อง
ข้อคำาถามข้อคำาถาม คนที่คนที่ 11 คนที่คนที่ 22 คนที่คนที่ 33 คนที่คนที่ 44 คนที่คนที่ 55 IOCIOC
ข้อข้อ 11 11 11 11 00 11 4/5=0.84/5=0.8
ข้อข้อ 22 11 00 -1-1 00 -1-1 -1/5=-0.2-1/5=-0.2
สรุปสรุป......
ข้อสอบข้อข้อสอบข้อ 11 มีความสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม สามารถมีความสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม สามารถ
นำาไปใช้สอบได้นำาไปใช้สอบได้
ข้อสอบข้อข้อสอบข้อ 22 ไม่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม ไม่ควรนำาไปไม่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม ไม่ควรนำาไป
ใช้ ต้องตัดทิ้ง หรือปรับปรุงใหม่ใช้ ต้องตัดทิ้ง หรือปรับปรุงใหม่
ตัวอย่าง การคำานวณหาค่า IOC
1.1) ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์
(IOC-Index of Item Objective Congruence)
เกณฑ์การพิจารณา ข้อสอบที่ใช้ได้ คือ ข้อสอบที่มีค่า IOC ตั้งแต่ .5 ขึ้นไป
1.2) ค่าระดับความยากง่าย (Difficulty Index)
ระดับความยากง่าย หมายถึงหมายถึง สัดส่วน หรือเปอร์เซ็นต์ของจำานวนสัดส่วน หรือเปอร์เซ็นต์ของจำานวน
คนที่คนที่
ตอบข้อสอบข้อนั้นถูกจากคนที่สอบทั้งหมดตอบข้อสอบข้อนั้นถูกจากคนที่สอบทั้งหมด
ใช้สัญลักษณ์ใช้สัญลักษณ์ ““p”p”
1) การวิเคราะห์ข้อสอบรายข้อ1) การวิเคราะห์ข้อสอบรายข้อ
ข้อสอบแบบปรนัย (คะแนนแบบทวิภาค 0 กับ 1)
ข้อสอบแบบอัตนัย (คะแนนแบบพหุภาค มากกว่า 2
ค่า)
1.2) ค่าระดับความยากง่าย (Difficulty Index)
(1) ค่าระดับความยากง่าย (Difficulty Index) ข้อสอบปรนัย
N
R
p= 100
N
R
p ×=
L
N
H
N
L
R
H
R
p
+
+
=หรือ หรือ
R แทน จำานวนคนที่ตอบข้อนั้นถูก
N แทน จำานวนคนที่สอบทั้งหมด
RH แทน จำานวนคนที่ตอบข้อนั้นถูกในกลุ่มสูง
RL แทน จำานวนคนที่ตอบข้อนั้นถูกในกลุ่มตำ่า
NH แทน จำานวนคนในกลุ่มสูง
NL แทน จำานวนคนในกลุ่มตำ่า
ข้อ
กลุ่มสูง
(RH)
(20 คน)
กลุ่มตำ่า
(RL)
(20 คน)
P
1 ก 4 6 (6+4)/40= 0.25
ข* 9 3 (9+3)/40 = 0.3
ค 3 5 (5+3)/40= 0.2
ง 4 6 (6+4)/40= 0.25
รวม 20 20
2. แบ่งกลุ่มสูง (H) และกลุ่มตำ่า (L)
3. คำานวณสัดส่วนของคะแนนรวมรายข้อที่ได้จำาแนกตามกลุ่ม
• p =
————
PH +
PL
2
1.2) ค่าระดับความยากง่าย (Difficulty Index)
(2) ค่าระดับความยากง่าย (Difficulty Index) ข้อสอบอัตนัย
1. ตรวจและเรียงคะแนนรวมจากสูงสุดถึงตำ่า
สุด
4. วิเคราะห์ค่าความยาก (p)
PH = ——
PL = ——
ΣLΣH
ΣH รวมคะแนนกลุ่มสูง L รวมคะแนน
กลุ่มตำ่า
TH รวมคะแนนเต็มกลุ่มสูง TL รวม
คะแนนเต็มกลุ่มตำ่า
•แบบสอบความเรียงมี 5 ข้อ แต่ละข้อคะแนนเป็น
10,10,20,30,30 คะแนน ตามลำาดับ
•ใช้สอบนักเรียน 8 คน
•ตรวจให้คะแนน และเรียงลำาดับคะแนนจากมากไป
น้อย (อันดับ 1-8)
•แบ่งนักเรียนเป็น 2 กลุ่ม(เทคนิค 50%) ได้กลุ่มสูง
และกลุ่มตำ่า กลุ่มละ 4 คน
•การวิเคราะห์ข้อสอบต้องรวมรายข้อของผู้สอบทุก
คนแต่ละกลุ่ม
ข้ข้
ออ
คะแคะแ
นนนน
เต็มเต็ม
กลุ่มสูง (H) (4 คน) กลุ่มตำ่า (L) (4 คน)
1 2 3 4 5 6 7 8
11 1010 10 10 9 8 5 8 8 7
22 1010 9 10 8 9 8 7 6 3
33 2020 20 15 15 17 15 9 10 8
44 3030 25 25 24 20 16 17 13 10
ข้
อ
คะแ
นน
เต็ม
กลุ่มสูง
(4 คน)
กลุ่มตำ่า
(4 คน)
PH PL Pi riเต็ม เต็
ม
1 10 37 40 33 40 .93 .83 .88 .10
2 10 36 40 24 40 .90 .60 .75 .30
3 20 67 80 42 80 .84 .53 .68 .31
4 30 94 120 56 120 .78 .47 .62 .31
5 30 43 120 26 120 .36 .22 .29 .14
∑L∑H
ข้อข้อ 11 ง่ายเกินไป อำานาจง่ายเกินไป อำานาจ
จำาแนกตำ่าจำาแนกตำ่า
ข้อข้อ 22 –– ข้อข้อ 44 เป็นข้อสอบที่ใช้ได้เป็นข้อสอบที่ใช้ได้
ค่า p = 0.00-0.19 หมายความว่า ข้อสอบข้อนั้นยากเกินไป
ค่า p = 0.20-0.39 หมายความว่า ข้อสอบข้อนั้นค่อนข้างยาก
ค่า p = 0.40-0.59 หมายความว่า ข้อสอบข้อนั้นยากง่ายปาน
กลาง
ค่า p = 0.60-0.79 หมายความว่า ข้อสอบข้อนั้นค่อนข้างง่าย
ค่า p = 0.80-1.00 หมายความว่า ข้อสอบข้อนั้นง่ายเกินไป
เกณฑ์ในการแปลความหมายค่าความยากเกณฑ์ในการแปลความหมายค่าความยาก
ง่ายง่าย
เกณฑ์เกณฑ์:: ข้อสอบที่มีค่าความยากง่ายพอเหมาะ หรือมีคุณภาพดีข้อสอบที่มีค่าความยากง่ายพอเหมาะ หรือมีคุณภาพดี
ค่า p ใกล้เคียง .50 หรือ อยู่ระหว่าง 0.20 – 0.80
1.2) ค่าระดับความยากง่าย (Difficulty Index)
อำานาจจำาแนก หมายถึง ความสามารถของข้อสอบแต่ละข้อในการจำาแนกคนอำานาจจำาแนก หมายถึง ความสามารถของข้อสอบแต่ละข้อในการจำาแนกคน
ที่อยู่ในกลุ่มเก่งออกจากคนที่อยู่ในกลุ่มอ่อนได้ที่อยู่ในกลุ่มเก่งออกจากคนที่อยู่ในกลุ่มอ่อนได้
((ข้อสอบที่มีอำานาจจำาแนกดี คนเก่งจะตอบถูก แต่คนอ่อนจะข้อสอบที่มีอำานาจจำาแนกดี คนเก่งจะตอบถูก แต่คนอ่อนจะ
ตอบผิดตอบผิด)) ใช้สัญลักษณ์ใช้สัญลักษณ์ ““r”r”
1.3) ค่าอำานาจจำาแนก (Discrimination power)
1) การวิเคราะห์ข้อสอบรายข้อ1) การวิเคราะห์ข้อสอบรายข้อ
ข้อสอบแบบปรนัย (คะแนนแบบทวิภาค 0 กับ 1)
ข้อสอบแบบอัตนัย (คะแนนแบบพหุภาค มากกว่า 2
ค่า)
หมายเหตุ NH = NL
RH แทน จำานวนคนที่ตอบข้อนั้นถูกในกลุ่มสูง
RL แทน จำานวนคนที่ตอบข้อนั้นถูกในกลุ่มตำ่า
NH แทน จำานวนคนในกลุ่มสูง
NL แทน จำานวนคนในกลุ่มตำ่า
HN
LRHR
r
−
=
ค่า r มีค่าตั้งแต่ -1 จนถึง +1 เกณฑ์การพิจารณา คือ r มีค่าตั้งแต่ .2 ขึ้นไป
เป็นลบ เมื่อคนกลุ่มอ่อนตอบถูกมากกว่าคนกลุ่มเก่ง
เป็นบวก เมื่อคนกลุ่มเก่งตอบถูกมากกว่าคนกลุ่มอ่อน
1.3) ค่าอำานาจจำาแนก (Discrimination power)
(1) ค่าอำานาจจำาแนก ข้อสอบปรนัย
1.3) ค่าอำานาจจำาแนก (Discrimination power)
(2) ค่าอำานาจจำาแนก ข้อสอบอัตนัย
1. ตรวจและเรียงคะแนนรวมจากสูงสุดถึงตำ่า
สุด
2. แบ่งกลุ่มสูง (H) และกลุ่มตำ่า (L)
3. คำานวณสัดส่วนของคะแนนรวมรายข้อที่ได้จำาแนกตามกลุ่ม
4. วิเคราะห์ค่าอำานาจจำาแนก (r)
PH = ——
PL = ——
ΣH รวมคะแนนกลุ่มสูง L รวมคะแนน
กลุ่มตำ่า
TH รวมคะแนนเต็มกลุ่มสูง TL รวม
คะแนนเต็มกลุ่มตำ่า • r = PH – PL
ΣLΣH
ข้อ
กลุ่มสูง
(RH)
(20 คน)
กลุ่มตำ่า
(RL)
(20 คน)
r
1 ก 4 6 (6 – 4)/20 =0.1
ข* 9 3 (9 - 3)/20 = 0.3
ค 3 5 (5 – 3)/20 =0.1
ง 4 6 (6 – 4)/20 =0.1
รวม 20 20
ค่า r = 0.00-0.19 หมายความว่า ข้อสอบข้อนั้นจำาแนกไม่ได้เลย
ค่า r = 0.20-0.39 หมายความว่า ข้อสอบข้อนั้นจำาแนกได้เล็ก
น้อย
ค่า r = 0.40-0.59 หมายความว่า ข้อสอบข้อนั้นจำาแนกได้ปาน
กลาง
ค่า r = 0.60-0.79 หมายความว่า ข้อสอบข้อนั้นจำาแนกได้ดี
ค่า r = 0.80-1.00 หมายความว่า ข้อสอบข้อนั้นจำาแนกได้ดีมาก
เกณฑ์ในการแปลความหมายค่าอำานาจเกณฑ์ในการแปลความหมายค่าอำานาจ
จำาแนกจำาแนก
เกณฑ์เกณฑ์:: ข้อสอบที่มีคุณภาพดีข้อสอบที่มีคุณภาพดี
ค่า r ตั้งแต่ +0.20 ขึ้นไป
1.3) ค่าอำานาจจำาแนก (Discrimination power)
เกณฑ์ในการสรุปว่าข้อสอบมีคุณภาพดีเกณฑ์ในการสรุปว่าข้อสอบมีคุณภาพดี
ข้อสอบข้อนั้นต้องมีค่าความยากง่าย และค่าอำานาจจำาแนกเป็นไปตามเกณฑ์ที่ข้อสอบข้อนั้นต้องมีค่าความยากง่าย และค่าอำานาจจำาแนกเป็นไปตามเกณฑ์ที่
กำาหนดกำาหนด
ข้อ
ที่
ตัวเลือก กลุ่มสูง
(H=20)
กลุ่มตำ่า
(L=20)
p r ความหมาย สรุป
ก 3 4 7/40 = 0.18 (4-3)/20 = 0.05
(ข) 13 6 19/40 = 0.48 (13-6)/20=0.35 ยากง่ายปานกลาง ใช้ได้
1 ค - 3 3/40 = 0.08 (3-0)20 = 0.15
ง 2 4 6/40 = 0.15 (4-2)/20 = 0.10
จ 2 3 5/40 = 0.13 (3-2)/20 = 0.05
เกณฑ์เกณฑ์:: ตัวถูกตัวถูก
p =p = 0.20 – 0.800.20 – 0.80
r = +0.20r = +0.20 ขึ้นไปขึ้นไป
เกณฑ์เกณฑ์:: ตัวลวงตัวลวง
p =p = 0. 05 – 0.500. 05 – 0.50
r =r = 0. 05 – 0.500. 05 – 0.50
การคัดเลือกข้อสอบที่มีคุณภาพการคัดเลือกข้อสอบที่มีคุณภาพ
-1 -. -. -. -. -. -. -. -. -. 0 .1 .2 .3 .4 .5 .6 .7 .8 .9 1
.1
.2
.3
.4
.5
.6
.7
.8
.9
1ค่าความยากง่าย (p)
ค่าอำานาจจำาแนก (r)
เกณฑ์เกณฑ์:: ข้อสอบที่มีคุณภาพข้อสอบที่มีคุณภาพ
p =p = 0.20 – 0.800.20 – 0.80
r = +0.20r = +0.20 ขึ้นไปขึ้นไป
1
2
3
4
5
2.1) ความเที่ยงตรง (Validity)
ให้ผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ให้ผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ 33 คนขึ้นไป ประเมินความสอดคล้องคนขึ้นไป ประเมินความสอดคล้อง
ระหว่างข้อคำาถามในเครื่องมือกับเนื้อหาที่ต้องการวัด จากนั้นระหว่างข้อคำาถามในเครื่องมือกับเนื้อหาที่ต้องการวัด จากนั้น
นำาผลการประเมินมาคำานวณดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อนำาผลการประเมินมาคำานวณดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อ
คำาถามและวัตถุประสงค์คำาถามและวัตถุประสงค์ ((Item-Objective CongruenceItem-Objective Congruence
Index: IOC)Index: IOC)
วิธีการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาวิธีการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา
IOC =IOC =
∑∑RR
NN
เมื่อเมื่อ RR แทน ผลรวมของคะแนนจากผู้เชี่ยวชาญแทน ผลรวมของคะแนนจากผู้เชี่ยวชาญ
2) การวิเคราะห์ข้อสอบทั้งฉบับ2) การวิเคราะห์ข้อสอบทั้งฉบับ
2.2) ความเชื่อมั่น (Reliability)
การทดสอบโดยการหาความสอดคล้องภายในการทดสอบโดยการหาความสอดคล้องภายใน
เป็นการหาความเชื่อมั่นโดยการทดสอบว่าแบบเป็นการหาความเชื่อมั่นโดยการทดสอบว่าแบบ
ทดสอบหรือแบบสอบถามแต่ละข้อมีความ สัมพันธ์กับทดสอบหรือแบบสอบถามแต่ละข้อมีความ สัมพันธ์กับ
ข้ออื่น ๆ ในฉบับเดียวกันหรือไม่ข้ออื่น ๆ ในฉบับเดียวกันหรือไม่
สูตรในการหาค่าความเชื่อมั่น:
1. ให้คะแนนแบบ 0-1 ใช้สูตร
Kuder-Richardson (KR-20, KR-21)Kuder-Richardson (KR-20, KR-21)
2.2. ให้คะแนนแบบ 0-1 หรือ มากกว่า 1 ใช้สูตร
สัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาคสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค ((Cronbach)Cronbach)
2) การวิเคราะห์ข้อสอบทั้งฉบับ2) การวิเคราะห์ข้อสอบทั้งฉบับ
1)1) การวัดความคงที่การวัดความคงที่ (Measure of Stability)(Measure of Stability)
ข้อสอบฉบับ Aสมชาย
ข้อสอบฉบับ Aสมชาย
ช่วงเวลา ต่อมา
2)2) การวัดความเท่าเทียมกันการวัดความเท่าเทียมกัน (Measure of(Measure of
Equivalence)Equivalence)
ข้อสอบฉบับ A
สมชาย
ข้อสอบฉบับ B
คู่ขนานกัน
3)3) การวัดความคงที่และความเท่าเทียมกันการวัดความคงที่และความเท่าเทียมกัน
(Measure of Stability and Equivalence )(Measure of Stability and Equivalence )
ข้อสอบฉบับ Aสมชาย
ข้อสอบฉบับ Bสมชาย
ช่วงเวลา ต่อมา
คู่ขนานกัน
Thank YouThank You

More Related Content

Viewers also liked

การเขียนรายงานการวิจัย เทคนิคการนำเสนอและการนำไปใช้ประโยชน์ (อาจารย์วิไลลักษณ...
การเขียนรายงานการวิจัย เทคนิคการนำเสนอและการนำไปใช้ประโยชน์ (อาจารย์วิไลลักษณ...การเขียนรายงานการวิจัย เทคนิคการนำเสนอและการนำไปใช้ประโยชน์ (อาจารย์วิไลลักษณ...
การเขียนรายงานการวิจัย เทคนิคการนำเสนอและการนำไปใช้ประโยชน์ (อาจารย์วิไลลักษณ...สร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ ลูกไก่รุ่นที่สอง
 
1 สถิติ (statistics)
1 สถิติ (statistics)1 สถิติ (statistics)
1 สถิติ (statistics)noinasang
 
Guided Reading: Making the Most of It
Guided Reading: Making the Most of ItGuided Reading: Making the Most of It
Guided Reading: Making the Most of ItJennifer Jones
 

Viewers also liked (8)

ดร.จักรพันธ์ โสมะเกษตริน
ดร.จักรพันธ์  โสมะเกษตรินดร.จักรพันธ์  โสมะเกษตริน
ดร.จักรพันธ์ โสมะเกษตริน
 
ดร.เจษฎา ชาตรี
ดร.เจษฎา  ชาตรีดร.เจษฎา  ชาตรี
ดร.เจษฎา ชาตรี
 
3.การออกแบบการวิจัยเชิงปริมาณ (ดร.ปกรณ์ชัย สุพัฒน์ & ผศ.ชุติญา จงมีเสร็จ)
3.การออกแบบการวิจัยเชิงปริมาณ (ดร.ปกรณ์ชัย สุพัฒน์ & ผศ.ชุติญา จงมีเสร็จ)3.การออกแบบการวิจัยเชิงปริมาณ (ดร.ปกรณ์ชัย สุพัฒน์ & ผศ.ชุติญา จงมีเสร็จ)
3.การออกแบบการวิจัยเชิงปริมาณ (ดร.ปกรณ์ชัย สุพัฒน์ & ผศ.ชุติญา จงมีเสร็จ)
 
2.วิจัยเชิงคุณภาพ (ดร.ปกรณ์ชัย สุพัฒน์ & ผศ.ชุติญา จงมีเสร็จ)
2.วิจัยเชิงคุณภาพ (ดร.ปกรณ์ชัย สุพัฒน์ & ผศ.ชุติญา จงมีเสร็จ)2.วิจัยเชิงคุณภาพ (ดร.ปกรณ์ชัย สุพัฒน์ & ผศ.ชุติญา จงมีเสร็จ)
2.วิจัยเชิงคุณภาพ (ดร.ปกรณ์ชัย สุพัฒน์ & ผศ.ชุติญา จงมีเสร็จ)
 
การเขียนรายงานการวิจัย เทคนิคการนำเสนอและการนำไปใช้ประโยชน์ (อาจารย์วิไลลักษณ...
การเขียนรายงานการวิจัย เทคนิคการนำเสนอและการนำไปใช้ประโยชน์ (อาจารย์วิไลลักษณ...การเขียนรายงานการวิจัย เทคนิคการนำเสนอและการนำไปใช้ประโยชน์ (อาจารย์วิไลลักษณ...
การเขียนรายงานการวิจัย เทคนิคการนำเสนอและการนำไปใช้ประโยชน์ (อาจารย์วิไลลักษณ...
 
1 สถิติ (statistics)
1 สถิติ (statistics)1 สถิติ (statistics)
1 สถิติ (statistics)
 
4 statistic
4 statistic4 statistic
4 statistic
 
Guided Reading: Making the Most of It
Guided Reading: Making the Most of ItGuided Reading: Making the Most of It
Guided Reading: Making the Most of It
 

ดร.จิตติมาภรณ์ ส่วน 2