ประโยคพื้นฐานในภาษาญี่ปุ่น
- 3. โครงสร้างประโยคบอกเล่า
N1は N2です。
N คือ ให้นาคานามหรือคาสรรพนามมาเติม โดย
N1 คือ คานามหรือคาสรรพนามตัวแรก
N2 คือ คานามหรือคาสรรพนามตัวที่สอง
わたし は がくせい です。ตัวอย่าง
N1 คือ わたし N2 คือ がくせい
N1 N2
แปลว่า ฉัน เป็น นักเรียน
(wa)
- 5. โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
N1は N2ではありません。
N คือ ให้นาคานามหรือคาสรรพนามมาเติม โดย
N1 คือ คานามหรือคาสรรพนามตัวแรก
N2 คือ คานามหรือคาสรรพนามตัวที่สอง
わたし は がくせい ではありません。ตัวอย่าง
N1 คือ わたし N2 คือ がくせい
N1 N2
แปลว่า ฉัน ไม่ได้เป็น นักเรียน
- 6. โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
จากประโยคตัวอย่างด้านบน จะเห็นได้ว่า คานามที่ 1
และคานามที่ 2 เหมือนกันกับประโยคบอกเล่า ซึ่งได้เคย
ยกตัวอย่างไปแล้ว แต่สิ่งที่ต่างกันคือ คาที่ใช้จบท้ายประโยคซึ่ง
ในประโยคปฏิเสธ จะจบประโยคด้วย ではわりません
ดังนั้น .........です ใช้จบประโยคบอกเล่า
และ ........ではありません ใช้จบประโยคปฏิเสธ
ข้อควรจา
โดยปกติแล้ว ตัวอักษร は จะอ่านว่า Ha แต่ในกรณีที่ทาหน้าที่เป็นโครงสร้างใน
ไวยากรณ์ จะอ่านว่า WA ดังนี้
で は あ り ま せん
DE WA A RI MA SEN
- 7. โครงสร้างประโยคคาถาม
N1は N2ですか。
N คือ ให้นาคานามหรือคาสรรพนามมาเติม โดย
N1 คือ คานามหรือคาสรรพนามตัวแรก
N2 คือ คานามหรือคาสรรพนามตัวที่สอง
あなた は がくせい ですか。ตัวอย่าง
N1 คือ あなた N2 คือ がくせい
N1 N2
แปลว่า คุณ เป็น นักเรียน ใช่ไหม
- 8. โครงสร้างประโยคคาถาม
จากประโยคตัวอย่างด้านบน จะเห็นได้ว่า มีโครงสร้างประโยคคล้ายกับ
ประโยคบอกเล่า หากต้องการสร้างประโยคคาถาม ให้เติม か เข้าไปท้ายประโยคบอก
เล่าเท่านั้นเอง
ดังนั้น .........です ใช้จบประโยคบอกเล่า
และ ........ではありません ใช้จบประโยคปฏิเสธ
และ ........ですか คือประโยคคาถาม
ข้อควรจา
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ คาแสดงคาถามได้ เช่น あきこさんは だれ ですか
จากประโยคดังกล่าว มีคาแสดงคาถามคือ だれ ซึ่งมีความหมายว่า ใคร ดังนั้นประโยคนี้จะแปลได้ว่า
คุณ อะกิโกะเป็นใคร
คาแสดงคาถามในภาษาญี่ปุ่น
だれ ใคร なん อะไร どこ ที่ไหน
いつ เมื่อไหร่ どう อย่างไร どうして ทาไม